พ่อเฒ่าวัย 72 ปี สภาพใบหน้าเขียวช้ำ เดินเท้าจาก จ.พิจิตร มาถึง พิษณุโลก ระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร ไปหาลูกเพื่อขออาศัยอยู่ด้วย หลังยกมรดกให้ลูก 3 คนหมดแล้ว แต่ไม่มีใครให้อยู่ด้วย จึงเดินเท้าจะไปหาลูกสาวที่เชียงใหม่ แต่มาเจอคนใจบุญช่วยเหลือก่อน
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางเทาเรียน เล้งคำ อายุ 48 ปี อยู่ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ว่า ตนเองได้ให้ความช่วยเหลือชายชรารายหนึ่งเอาไว้ เนื่องจากสอบถามทราบว่ากำลังจะเดินเท้าไปหาลูกที่ จ.เชียงใหม่ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบพ่อเฒ่าชื่อนายจรูญ แซ่บุ้น อายุ 72 ปี อยู่ หมู่ 6 ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก อยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้า
จากการสอบถามนายจรูญ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองมีบุตร 3 คน เป็นลูกชาย 2 คน ลูกสาว 1 คน ก่อนหน้านี้ได้ยกมรดกทรัพย์สินให้กับลูกทั้ง 3 คนไปหมดแล้ว และกำลังจะไปขออาศัยอยู่กับลูกชายคนหนึ่ง แต่มีปัญหาบางอย่าง ส่วนลูกสาวที่อยู่ จ.เชียงใหม่อยู่ไกล ล่าสุดตนเองได้ไปอาศัยอยู่กับลูกชายอีกคน แต่ได้หนีออกมา ตอนนี้จะไปหาลูกสาว
โดยขึ้นรถเมล์จาก จ.กำแพงเพชร มาลงที่แยกปลวกสูง จ.พิจิตร จากนั้นได้เดินเท้ามาเรื่อยๆ จนถึงพิษฯุโลก ตอนที่ขึ้นรถเมล์มานุ่งกางเกงเพียงตัวเดียว ไม่ได้สวมเสื้อ หลังจากเดินมาถึงพิษณุโลก มีพลเมืองดีให้เสื้อสวมใส่ พร้อมกับให้กินข้าว กินน้ำ และพักผ่อน 1 คืน จากนั้นเดินเท้าต่อกระทั่งถึงบ้านของนางเทาเรียน จึงเข้าไปสอบถามทางว่า จะไปสถานีรถไฟไปทางไหน นางเทาเรียน ได้ถามรายละเอียด จึงคิดจะช่วยเหลือพร้อมแจ้งผู้สื่อข่าวทราบ
จากการสังเกต พบว่าบริเวณใบหน้าของนายจรูญ มีร่องรอยเขียวช้ำ คล้ายถูกทำร้าย จึงได้ประสานต่อไปยัง นายพีชพงษ์ พิทักษ์ หัวหน้าบ้านมิตรไมตรีจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งหลังจากสอบถามความเป็นมาแล้ว ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังลูกชายของนายจรูญว่าเป็นอย่างไร
ซึ่งภรรยาของลูกชายนายจรูญเป็นผู้รับโทรศัพท์ ก็ปฏิเสธว่า ตนเองไม่ได้ทำร้ายร่างกายบิดา แต่ว่าบิดาเป็นคนขี้น้อยใจ แล้วก็ไม่รู้ว่าบิดาหายออกจากบ้าน เพราะว่าบิดามักจะหายออกไปอย่างนี้อยู่เป็นประจำ ส่วนรอยเขียวช้ำที่ตัวนายจรูญนั้น ภรรยาของลูกชายนายจรูญ กล่าวว่า อาจจะมาจากถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย เพราะปกตินายจรูญ เป็นคนชอบดื่มสุรา อาจจะไปมีเรื่องกัน
เบื้องต้นหัวหน้าบ้านมิตรไมตรี กล่าวว่า จะดำเนินการรับนายจรูญไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านมิตรไมตรีก่อน จากนั้นจะนำลูกทั้ง 3 คน มาสอบถามหาข้อเท็จจริง ซึ่งหากมีการทำร้ายร่างกายจริง ไม่ว่าจะจากลูกชาย หรือ คนอื่นๆ ก็จะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป