เป็นหนังที่เข้าฉายต่อกันกับ Beautiful Boy แล้วก็มีประเด็นใกล้เคียงกันมาก กับเรื่องราวของลูกผู้พยายามดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อ หลังจากเข้าสู่การบำบัดเลิกยาเสพติด โดยมีพ่อ (ในกรณีของ Beautiful Boy) และมีแม่ (ในกรณีของ Ben Is Back) เป็นตัวละครข้างๆ ที่พยายามโอบกอดลูกให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแสนยากลำบากนี้ไปให้ได้ แม้ตัวเองจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม หรือหากมองในอีกแง่หนึ่ง ความพยายามเหล่านี้ก็อาจจะเป็นความพยายามไถ่โทษความรู้สึกผิดของตัวเองที่ดูแลลูกๆ ได้ไม่ดีพอก็ได้ (มั้ง)

 

Ben is back

 

ถึงจะเล่าเรื่องคล้ายๆ กัน แต่ Ben Is Back ก็มีมวลอารมณ์ที่แตกต่างจาก Beautiful Boy อยู่พอสมควร โดยการเลือกเล่าช่วงเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่ Ben ลูกชายคนโตของครอบครัวเดินทางกลับมาบ้านในคืนวันคริสต์มาส ทั้งๆ ที่เค้าควรจะอยู่ที่สถานบำบัด และเราก็ได้รับรู้ความเจ็บปวด แตกร้าว และความผิดพลาดที่ Ben ได้ทำเอาไว้ในอดีต ไปพร้อมๆ กับความพยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดทั้งจากฝั่งตัว Ben และจากแม่ที่ดูเหมือนจะยังเป็นเพียงคนเดียวที่เชื่อมั่นในตัวเค้า ในความเป็นหนังที่ขับเคลื่อนด้วยสถานการณ์อันประดังประเดเข้ามาใน 24 ชั่วโมง Ben Is Back ของผู้กำกับ-เขียนบท Peter Hedges จึงเต็มไปด้วยมวลอารมณ์ดราม่าของความรู้สึกผิดบาป ความพยามยามต่อสู้กับด้านมืดของตัวเอง และความซับซ้อนในตัว Ben ดราม่าความเป็นแม่ที่ไม่รู้จะเชื่อใจลูกได้อีกไหม ดราม่าของคนในครอบครัว-สังคมที่มองกลับมาที่ Ben แล้วยังมีความระทึกขวัญ เมื่อครึ่งเรื่องหลังเราต้องติดตามสองแม่ลูกไปปฏิบัติภารกิจที่ต้องข้องเกี่ยวกับยาเสพติดอีกต่างหาก

จริงอยู่ว่า สถานการณ์ทั้งหลายที่ถูกยัดเข้ามาในเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง มันทำให้หนังเต็มไปด้วยชุดข้อมูลมากมาย และมีหลายพาร์ตที่ออกจะเหลือเชื่อ แต่การแสดงของ Lucas Hedges คือสิ่งดีงามที่ทำให้เราจดจ่ออยู่กับตัวละครและการรับมือของตัวละครจนไม่อาจละสายตาได้ ชอบมากที่ในความนิ่ง มันมีอะไรอัดแน่นอยู่ข้างในพร้อมระเบิดตลอดเวลา ถึงจะมีการแสดงอะไรบางอย่างที่ดูเป็นแพทเทิร์นอยู่บ้าง แต่มันก็ทำให้ตัวเค้าไปกับการแสดงที่เกือบจะล้นของ Julia Roberts ได้กลมกลืนดี

 

 

 

น่าแปลกใจดีเหมือนกันที่มีหนังเกี่ยวกับความพยายามเลิกยาเสพติดมาให้ดูติดๆ กัน พร้อมๆ กับช่วงที่เราได้ยินได้ฟังคนรอบตัวหลายๆ คนกำลังเข้าสู่กระบวนการ “คลีน” บ้างล้มเหลว บ้างก็ประกาศก้องอย่างดีใจว่าคลีนมาหลายเดือนแล้ว และที่สุดแล้ว เราก็เชื่อว่าการจะเลิกยาเสพติดได้ขาดนั้น ใจต้องแข็งแกร่งมากพอ แน่วแน่มากพอ เพราะไม่มีใครสามารถส่งเค้าไปสถานบำบัดหรือจับขังสั่งสอนให้เลิกยาได้หรอก … การเสพติดมันเป็นเรื่องของตัวเค้าเองจริงๆ

Ben Is Back เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 31 มกราคมนี้

ขอบคุณเนื้อหาจาก ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ชีวิตผมก็เหมือนหนัง นามปากกาของนักเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์ ละครเวที และเพลง เจ้าของแฟนเพจ “ชีวิตผมก็เหมือนหนัง” ที่ยังคงเขียนบทวิจารณ์ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังเสพงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ อยู่เสมอ ติดตามผลงานอื่นๆ ของเขาได้ที่ www.facebook.com/LifeLikeMovies

 

 

 

 

เรื่องน่าสนใจ