คลินิคหมอต่อพงค์ รัชดา
http://www.drtorpong.com/
การเตรียมตัวก่อน-หลังทำศัลยกรรมใบหน้า
การปฎิบัติตัวก่อนและหลังศัลยกรรมความงามบนใบหน้า
ก่อนผ่าตัด
1. โรคประจำตัว
โรคที่ถือเป็นข้อห้ามคือโรคที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่นเลือดออกง่ายหยุดยาก ส่วนโรคทั่วไปอื่นๆ ช่น ความดัน เบาหวาน ไทรอยด์ สามารถทำผ่าตัดได้แต่ต้องควบคุมโรคให้อยู่ในภาวะปกติให้ได้เสียก่อน ไม่ควรผ่าตัดในช่วงที่มีภาวะเจ็บป่วย หรือมีการติดเชื้อของผิวหนังบริเวณที่จะทำผ่าตัด
2. ยา หากทานยากลุ่มแอสไพริน ยาแก้ปวด เช่น Ibuprofen Diclofenac ฮอร์โมน วิตามิน สมุนไพรต่างๆ ควรงด 1 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด ยารักษาความดันและเบาหวานรับประทานได้ตามปกติไม่ต้องหยุดยา หากทานยาที่ยับยั้งการแข็งตัวของเลือดเช่น warfarin ควรปรึกษาแพทย์ที่ให้ยาก่อนทุกครั้ง
3. การรับประทานอาหาร
ถ้าต้องทำผ่าตัดที่ใช้การฉีดยาชาเฉพาะที่ ไม่จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำ ทานได้ตามปกติ ในปริมาณที่พอเหมาะ
ถ้าต้องผ่าตัดโดยการดมยาสลบ หรือฉีดยานำสลบ ควรงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
4. การดูแลตัวเองและอื่นๆ
งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการทำศัลยกรรมความงามใบหน้า
ถ้าเป็นไปด้วยควรสระผมคืนก่อนทำศัลยกรรมความงามหรือช่วงเช้า ไม่ต้องแต่งหน้าในวันที่เข้ารับการปรึกษาแพทย์หรือวันนัดทำศัลยกรรมความงาม
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด1. การดูแลแผล
จะมีไหมเย็บขนาดเล็ก ซึ่งสามารถตัดไหมได้ ประมาณ 5-7 วันตามนัดโดยแพทย์เป็นผู้ตัดไหมให้ ในกรณีที่เป็นไหมละลายก็ปล่อยให้ละลายเองจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน คนไข้สามารถทำความสะอาดหน้าได้ตามปกติ แต่ควรระวังไม่ให้แผลถูกน้ำเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด การดูแลแผล ใช้ไม้พันสำลี เช็ดที่แผลและบริเวณรอบๆ เพื่อกำจัดคราบที่เกรอะกรัง แล้วทาครีมขี้ผึ้งฆ่าเชื้อเพื่อให้แผลมีความชุ่มชื้น วันละ2 ครั้ง เช้า เย็นหลังอาบน้ำ ควรทาจนถึง 3 สัปดาห์หลังผ่าตัด
2. การบวมและฟกช้ำ
ไม่ยุ่งยากนัก ในช่วง 48ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด ควรมีเวลาพัก แล้วประคบเย็นโดยใช้น้ำแข็ง หรือ cold pack ประคบบริเวณรอบๆแผลผ่าตัด(ไม่ควรประคบตรงแผล) ทุก 15 นาทีเว้น 15 นาที หรือบ่อยตามต้องการเพื่อช่วยลดบวมและลดเลือดออก อาจใช้ผ้าบางๆเช่นผ้าเช็ดหน้าวางรองที่แผลก่อน ตอนนอนหลับไม่ต้องประคบ
หลังจาก 48 ชั่วโมงไปแล้ว ให้ประคบอุ่นรอบแผลแทน ประคบอุ่นจนถึงได้2-3สัปดาห์หลังผ่าตัด
การบวมและฟกช้ำมักจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันแรกซึ่งเป็นเรื่องปกติหลังผ่าตัด แต่ถ้ามีปัญหาในการมองเห็น เช่นตาพร่ามัวที่ไม่ดีขึ้น มองเห็นลดลง หรือเป็นก้อนนูนมากควรมาพบแพทย์ การบวมจะค่อยๆยุบลง ประมาณ70-80% เมื่อ 1 สัปดาห์ และสามารถยุบได้จนหายสนิท เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน
การประคบที่ดีจะให้ผลดีกว่าการทานยาลดบวมมาก
3. การทำกิจกรรม
สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ งดการยกของหนักช่วง 2-3วันแรก ส่วนการออกกำลังกายเบาๆ เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง โยคะ เริ่มได้ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด การออกกำลังกายที่ใช้แรงมากควรเว้นประมาณ 2 สัปดาห์
การรับประทานอาหารสามารถรับประทานได้ตามปกติ แนะนำให้ทานอาหารอ่อนๆในช่วงแรกเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือน หลีกเลี่ยงของหมักดอง แอลกอฮอล์ การสูบบุรี่ เพราะมีผลต่อการหายของแผล
4. แผลเป็น
ช่วงแรกแผลจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆอาจมีรอยแดงบ้าง ต่อมาจะจางลงจนเป็นปกติได้ กลไกการปรับตัวของแผลจะเกิดได้จนถึง9-12 เดือน มักไม่มีปัญหารอยแผลเป็นนูน ช่วงแรกอาจมีความรู้สึกตึงๆแข็งๆเนื่องจากเริ่มมีการปรับตัวของเนื้อเยื่อบริเวณแผลซึ่งจะค่อยๆอ่อนนุ่มลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด การระคายเคืองบริเวณแผลซึ่งจะรบกวนการหายของแผลผ่าตัด ปกติที่คลินิคก็ไม่ได้ใช้ยาทาแก้แผลเป็นเท่าไหร่ก็เห็นว่าแผลหายได้ตามปกติ แต่ถ้าอยากใช้ก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามแต่อย่างใด
5.อาหาร
ควรงดเว้นการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์เนื่องจากการสูบบุหรี่รบกวนการหายของแผล งดเว้นของหมักดอง สุรา ประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนอาหารอื่นๆเช่นไข่ นม ถ้าไม่ได้แพ้สามารถทานได้
6.อื่นๆ
แว่นตา ก็อาจจะเตรียมมาเพื่อปกปิดรอบดวงตา ในกรณีที่ทำผ่าตัดเกี่ยวกับตาเช่น ตาบน หรือตาล่าง
คอนแทคเลนส์ ต้องงดใส่ประมาณ 5-7 วัน เพื่อป้องกันการระคายเคือง
นอนหนุนหมอนตามปกติ ไม่ต้องหลับก็ได้ ถ้าทำจมูกหรือหู ก็นอนหงายไว้ก่อนประมาณ 2-3 สัปดาห์
ด้วยความปรารถนาดีจาก หมอต่อพงศ์ พลจันทร์ วุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างใบหน้า
ติดต่อต่อพงศ์คลินิก 081-6678481,02-6937755
สามารถพบและปรึกษาแพทย์โดยไม่เสียค่าใช่จ่ายใดๆทั้งสิ้น
ติดตาม facebook ต่อพงศ์คลินิก
http://www.drtorpong.com/
การเตรียมตัวก่อน-หลังทำศัลยกรรมใบหน้า
การปฎิบัติตัวก่อนและหลังศัลยกรรมความงามบนใบหน้า
ก่อนผ่าตัด
1. โรคประจำตัว
โรคที่ถือเป็นข้อห้ามคือโรคที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่นเลือดออกง่ายหยุดยาก ส่วนโรคทั่วไปอื่นๆ ช่น ความดัน เบาหวาน ไทรอยด์ สามารถทำผ่าตัดได้แต่ต้องควบคุมโรคให้อยู่ในภาวะปกติให้ได้เสียก่อน ไม่ควรผ่าตัดในช่วงที่มีภาวะเจ็บป่วย หรือมีการติดเชื้อของผิวหนังบริเวณที่จะทำผ่าตัด
2. ยา หากทานยากลุ่มแอสไพริน ยาแก้ปวด เช่น Ibuprofen Diclofenac ฮอร์โมน วิตามิน สมุนไพรต่างๆ ควรงด 1 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด ยารักษาความดันและเบาหวานรับประทานได้ตามปกติไม่ต้องหยุดยา หากทานยาที่ยับยั้งการแข็งตัวของเลือดเช่น warfarin ควรปรึกษาแพทย์ที่ให้ยาก่อนทุกครั้ง
3. การรับประทานอาหาร
ถ้าต้องทำผ่าตัดที่ใช้การฉีดยาชาเฉพาะที่ ไม่จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำ ทานได้ตามปกติ ในปริมาณที่พอเหมาะ
ถ้าต้องผ่าตัดโดยการดมยาสลบ หรือฉีดยานำสลบ ควรงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
4. การดูแลตัวเองและอื่นๆ
งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการทำศัลยกรรมความงามใบหน้า
ถ้าเป็นไปด้วยควรสระผมคืนก่อนทำศัลยกรรมความงามหรือช่วงเช้า ไม่ต้องแต่งหน้าในวันที่เข้ารับการปรึกษาแพทย์หรือวันนัดทำศัลยกรรมความงาม
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด1. การดูแลแผล
จะมีไหมเย็บขนาดเล็ก ซึ่งสามารถตัดไหมได้ ประมาณ 5-7 วันตามนัดโดยแพทย์เป็นผู้ตัดไหมให้ ในกรณีที่เป็นไหมละลายก็ปล่อยให้ละลายเองจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน คนไข้สามารถทำความสะอาดหน้าได้ตามปกติ แต่ควรระวังไม่ให้แผลถูกน้ำเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด การดูแลแผล ใช้ไม้พันสำลี เช็ดที่แผลและบริเวณรอบๆ เพื่อกำจัดคราบที่เกรอะกรัง แล้วทาครีมขี้ผึ้งฆ่าเชื้อเพื่อให้แผลมีความชุ่มชื้น วันละ2 ครั้ง เช้า เย็นหลังอาบน้ำ ควรทาจนถึง 3 สัปดาห์หลังผ่าตัด
2. การบวมและฟกช้ำ
ไม่ยุ่งยากนัก ในช่วง 48ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด ควรมีเวลาพัก แล้วประคบเย็นโดยใช้น้ำแข็ง หรือ cold pack ประคบบริเวณรอบๆแผลผ่าตัด(ไม่ควรประคบตรงแผล) ทุก 15 นาทีเว้น 15 นาที หรือบ่อยตามต้องการเพื่อช่วยลดบวมและลดเลือดออก อาจใช้ผ้าบางๆเช่นผ้าเช็ดหน้าวางรองที่แผลก่อน ตอนนอนหลับไม่ต้องประคบ
หลังจาก 48 ชั่วโมงไปแล้ว ให้ประคบอุ่นรอบแผลแทน ประคบอุ่นจนถึงได้2-3สัปดาห์หลังผ่าตัด
การบวมและฟกช้ำมักจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันแรกซึ่งเป็นเรื่องปกติหลังผ่าตัด แต่ถ้ามีปัญหาในการมองเห็น เช่นตาพร่ามัวที่ไม่ดีขึ้น มองเห็นลดลง หรือเป็นก้อนนูนมากควรมาพบแพทย์ การบวมจะค่อยๆยุบลง ประมาณ70-80% เมื่อ 1 สัปดาห์ และสามารถยุบได้จนหายสนิท เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน
การประคบที่ดีจะให้ผลดีกว่าการทานยาลดบวมมาก
3. การทำกิจกรรม
สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ งดการยกของหนักช่วง 2-3วันแรก ส่วนการออกกำลังกายเบาๆ เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง โยคะ เริ่มได้ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด การออกกำลังกายที่ใช้แรงมากควรเว้นประมาณ 2 สัปดาห์
การรับประทานอาหารสามารถรับประทานได้ตามปกติ แนะนำให้ทานอาหารอ่อนๆในช่วงแรกเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือน หลีกเลี่ยงของหมักดอง แอลกอฮอล์ การสูบบุรี่ เพราะมีผลต่อการหายของแผล
4. แผลเป็น
ช่วงแรกแผลจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆอาจมีรอยแดงบ้าง ต่อมาจะจางลงจนเป็นปกติได้ กลไกการปรับตัวของแผลจะเกิดได้จนถึง9-12 เดือน มักไม่มีปัญหารอยแผลเป็นนูน ช่วงแรกอาจมีความรู้สึกตึงๆแข็งๆเนื่องจากเริ่มมีการปรับตัวของเนื้อเยื่อบริเวณแผลซึ่งจะค่อยๆอ่อนนุ่มลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด การระคายเคืองบริเวณแผลซึ่งจะรบกวนการหายของแผลผ่าตัด ปกติที่คลินิคก็ไม่ได้ใช้ยาทาแก้แผลเป็นเท่าไหร่ก็เห็นว่าแผลหายได้ตามปกติ แต่ถ้าอยากใช้ก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามแต่อย่างใด
5.อาหาร
ควรงดเว้นการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์เนื่องจากการสูบบุหรี่รบกวนการหายของแผล งดเว้นของหมักดอง สุรา ประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนอาหารอื่นๆเช่นไข่ นม ถ้าไม่ได้แพ้สามารถทานได้
6.อื่นๆ
แว่นตา ก็อาจจะเตรียมมาเพื่อปกปิดรอบดวงตา ในกรณีที่ทำผ่าตัดเกี่ยวกับตาเช่น ตาบน หรือตาล่าง
คอนแทคเลนส์ ต้องงดใส่ประมาณ 5-7 วัน เพื่อป้องกันการระคายเคือง
นอนหนุนหมอนตามปกติ ไม่ต้องหลับก็ได้ ถ้าทำจมูกหรือหู ก็นอนหงายไว้ก่อนประมาณ 2-3 สัปดาห์
ด้วยความปรารถนาดีจาก หมอต่อพงศ์ พลจันทร์ วุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างใบหน้า
ติดต่อต่อพงศ์คลินิก 081-6678481,02-6937755
สามารถพบและปรึกษาแพทย์โดยไม่เสียค่าใช่จ่ายใดๆทั้งสิ้น
ติดตาม facebook ต่อพงศ์คลินิก