- เข้าร่วม
- 7 สิงหาคม 2020
- ข้อความ
- 87
ในปัจจุบันมีคู่รักหลายคู่มากที่กำลังประสบปัญหาภาวะมีบุตรยากทำให้ต้องหันไปพึ่งเทคโนโลยีการทำเด็กหลอดแก้วกันมากขึ้น โดยการทำเด็กหลอดแก้วหรือ IVF (In-vitro Fertilization) เป็นหนึ่งในวิธีรักษาโรคมีบุตรยากด้วยวิธีการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย ในหลอดทดลอง จากนั้นจึงนำตัวอ่อนที่ได้มาเพาะเลี้ยงต่อจนอายุ 3-5 วัน จึงนำกลับเข้าสู่ร่างกายฝ่ายหญิง เพื่อให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์ต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่มีบุตรยากสามารถมีบุตรได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งก่อนที่จะทำเด็กหลอดแก้วนั้น คู่สมรสควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ นอนให้มีคุณภาพ คือเข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม และควรนอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มผักและผลไม้ หากสูบบุหรี่ หรือดื่มสุราควรงด และจะต้องได้รับคำอธิบายให้เข้าใจถึงขั้นตอนการทำ อัตราความสำเร็จ และความเสี่ยงของการทำเด็กหลอดแก้ว หากไม่เข้าใจควรสอบถามแพทย์เพิ่มเติมก่อนเริ่มกระบวนการรักษาต่อไป ซึ่งในการทำเด็กหลอดแก้วนั้นมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. การกระตุ้นไข่ เริ่มจากการพบแพทย์ ตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมน และทำอัลตร้าซาวด์ พร้อมกับฉีดฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่ในวันที่ 2 หรือ 3 ของรอบเดือน จากนั้นแพทย์จะนัดอัลตร้าซาวด์เพื่อดูการเจริญเติบโตของไข่ และตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนเป็นระยะ โดยจะใช้เวลาในขั้นตอนนี้ประมาน 8-10วัน
2. การเก็บไข่ หลังจากมีการกระตุ้นไข่ด้วยฮอร์โมนจนไข่เจริญเติบโตจนได้ขนาดตามต้องการ แพทย์จะทำการเจาะเก็บไข่จากรังไข่ โดยใช้เข็มดูดผ่านทางช่องคลอด และใช้อัลตร้าซาวด์ช่วยบอกทิศทาง แพทย์จะให้ยาระงับความรู้สึกระยะสั้นทางหลอดเลือด หรือวางยาสลบ เพื่อป้องกันความรู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำใช้เวลาเก็บไข่ ไม่เกิน 20-30 นาที ในขณะเดียวกัน ฝ่ายชายจะต้องเก็บอสุจิใส่ภาชนะที่แพทย์เตรียมให้ เพื่อนำมาคัดแยกเฉพาะอสุจิที่สมบูรณ์นำมาผสมกับไข่ในห้องทดลอง และตรวจดูการปฏิสนธิต่อไป กรณีที่ฝ่ายชายมีน้ำเชื้อน้อย หรือคุณภาพของอสุจิน้อยกว่ามาตรฐานมาก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่ไข่จะไม่ได้รับการผสม ควรใช้วิธีการคัดเลือกอสุจิเพียงตัวเดียวฉีดเข้าไปในไข่ โดยไม่ต้องรอให้ปฏิสนธิกันเองเรียกวิธีนี้ว่า อิ๊กซี่ (ICSI, Intracytoplasmic Sperm injection)
3. การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน เมื่อเกิดการปฎิสนธิไข่กับอสุจิจนเป็นตัวอ่อนแล้ว จะเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการต่อจนเจริญเติบโต แบ่งเซลล์เป็น 6 – 8 เซลล์ ใช้เวลาประมาณ 3 วันหลังปฏิสนธิ และเจริญเติบโตเข้าสู่ระยะบลาสโตซีสต์ ใช้เวลาประมาณ 5 วันหลังปฏิสนธิ
4. การย้ายตัวอ่อน คือการนำตัวอ่อนย้ายเข้าโพรงมดลูกด้วยการใส่เครื่องมือทางช่องคลอด เหมือนกับการตรวจภายใน ขั้นตอนนี้ไม่ต้องให้ยาระงับปวด หรือยานอนหลับ การใส่ตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูก อาศัยเครื่องอัลตร้าซาวด์ในการบอกตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะว่างตัวอ่อนในโพรงมดลูก ปกติแล้วเราย้ายตัวอ่อนได้ 2 ระยะคือตัวอ่อนอายุ 3 หรือ 5 วัน ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
อย่างไรก็ตามการรักษาการมีบุตรยากไม่ได้มีแต่เพียง การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF เท่านั้น แต่ยังมีวิธีการอื่น ๆ ซึ่งเหมาะกับอาการป่วยของแต่ละคู่ ในมุมที่แตกต่างกันไป โดยเปรียบเทียบ ข้อดี – ข้อเสีย ของการทำเด็กหลอดแก้ว ให้รอบครอบเพื่อหาทางออกและวิธีที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ให้เหมาะสมกับคู่ของตนเองให้ได้มากที่สุด
#เด็กหลอดแก้ว