- เข้าร่วม
- 16 กันยายน 2020
- ข้อความ
- 131
โรคมะเร็งจัดว่าเป็นอีกหนึ่งโรคที่มีคนเป็นกันเยอะ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งระยะที่เป็นก็รุกรานไปเรียบร้อยแล้ว สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะว่ามะเร็งในระยะแรก ๆ มันมักจะไม่มีอาการอะไรแสดงออกมาทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนไม่รู้ตัว ซึ่งการเป็นมะเร็งในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั้นมันจะมีอาการที่แสดงออกมาแตกต่างกันออกไป อย่างมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะมีอาการขับถ่ายผิดปกติ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ถ่ายมีมูกเลือด ท้องผูก อุจจาระลำเล็กลง โดยส่วนใหญ่จะพบโรคในระยะที่เป็นมากแล้ว ทำให้มีโอกาสการเสียชีวิตสูง แต่รู้ไหมว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคที่ป้องกันได้หากเรารับรู้ถึงสัญญาณการเตือนที่ออกมาจากร่างกายเป็นอาการที่เราเห็นได้ชัดในชีวิตประจำวัน หากคอยหมั่นสังเกตตัวเองสักนิด ก็จะรู้ทันทีและสามารถป้องกันหยุดยั้งแต่เนิ่น ๆ ได้ โดยจะมีสัญญาณเตือนออกเป็นอาการหลัก ๆ ดังนี้
สัญญาณเตือนของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เราควรต้องรู้
1. ท้องผูกบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติ
บางคนมีปัญหาเรื่องท้องผูกมาตั้งแต่เด็ก ๆ อาจเป็นเพราะพฤติกรรมการกินที่ไม่กินผักผลไม้ ร่างกายไม่ได้รับไฟเบอร์เพียงพอ และดื่มน้ำน้อย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานไม่ดี แต่ในบางคนอาจมีอาการท้องผูกเพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตในวัยทำงาน และปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังจนมองว่าเป็นเรื่องปกติในชีวิต พฤติกรรมนี้ล่ะคือสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าคุณมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในอนาคต
2. อุจจาระลีบเป็นลำเล็ก
เนื่องจากมะเร็งลำไส้ใหญ่มักเริ่มจากการมีติ่งเนื้อขึ้นมาในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นติ่งเนื้อธรรมดาไม่ใช่เนื้อร้าย แล้วจึงพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งในภายหลัง การมีติ่งเนื้อขึ้นขวางภายในลำไส้นี้จึงทำให้อุจจาระที่เคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่มีลักษณะถูกบีบให้เป็นลำเล็กลีบ ดังนั้นหากสังเกตได้ว่าอุจจาระมีลักษณะเล็กลีบเป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีก้อนเนื้อหรือติ่งเนื้อขึ้นในลำไส้
3. มีเลือดสดหรือเลือดสีแดงเข้มมากปนมากับอุจจาระ
อาจเกิดจากอุจจาระที่แข็งเมื่อเบียดกับติ่งเนื้อที่ขึ้นผิดปกติภายในลำไส้เกิดเป็นแผลทำให้มีเลือดออกและปนออกมาในบางครั้งที่ขับถ่าย
4. มีอาการท้องเสียสลับกับท้องผูก
คือการอุจจาระแข็งและเหลวสลับกัน เป็นติดต่อกันแบบมีอาการเรื้อรัง ถึงแม้ว่าจะกินอาหารที่เหมาะสมไม่ได้เป็นสาเหตุให้ท้องเสียก็ยังมีอาการนี้อยู่ นี่อาจเป็นความผิดปกติที่เกิดจากภายในลำไส้
5. กินอาหารเท่าเดิมแต่น้ำหนักลดฮวบฮาบ
ลักษณะอาการคือน้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีพฤติกรรมการกินอาหารแบบเดิมหรือมากกว่าเดิม
6. อ่อนเพลียอ่อนแรงแบบไม่มีสาเหตุ
อาจเกิดจากการที่มีเลือดออกในลำไส้ ปนออกมากับอุจจาระ หากเสียเลือดจากการขับถ่ายมากอาจมีภาวะซีด และโลหิตจางร่วมด้วย และยิ่งทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียอ่อนแรงต่อเนื่องมากขึ้นอีก ถึงแม้โรคมะเร็งลำไส้ จะเป็นมะเร็งร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับสามในปัจจุบันนี้ แต่หากเราระวังในพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต และหมั่นสังเกตตัวเองได้ทันการ จะได้รีบทำการรักษาได้ทันท่วงที โอกาสรอดชีวิตก็ยิ่งสูงขึ้น
ดังนั้นถ้าไม่อยากที่จะเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็ควรที่จะต้องดูแลตนเองให้ดี ๆ โดยเริ่มต้นง่าย ๆ จากการรับประทานผัก และผลไม้ให้มาก ๆ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญคืออย่างลืมไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ
#มะเร็งลำไส้
สัญญาณเตือนของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เราควรต้องรู้
1. ท้องผูกบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติ
บางคนมีปัญหาเรื่องท้องผูกมาตั้งแต่เด็ก ๆ อาจเป็นเพราะพฤติกรรมการกินที่ไม่กินผักผลไม้ ร่างกายไม่ได้รับไฟเบอร์เพียงพอ และดื่มน้ำน้อย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานไม่ดี แต่ในบางคนอาจมีอาการท้องผูกเพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตในวัยทำงาน และปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังจนมองว่าเป็นเรื่องปกติในชีวิต พฤติกรรมนี้ล่ะคือสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าคุณมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในอนาคต
2. อุจจาระลีบเป็นลำเล็ก
เนื่องจากมะเร็งลำไส้ใหญ่มักเริ่มจากการมีติ่งเนื้อขึ้นมาในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นติ่งเนื้อธรรมดาไม่ใช่เนื้อร้าย แล้วจึงพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งในภายหลัง การมีติ่งเนื้อขึ้นขวางภายในลำไส้นี้จึงทำให้อุจจาระที่เคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่มีลักษณะถูกบีบให้เป็นลำเล็กลีบ ดังนั้นหากสังเกตได้ว่าอุจจาระมีลักษณะเล็กลีบเป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีก้อนเนื้อหรือติ่งเนื้อขึ้นในลำไส้
3. มีเลือดสดหรือเลือดสีแดงเข้มมากปนมากับอุจจาระ
อาจเกิดจากอุจจาระที่แข็งเมื่อเบียดกับติ่งเนื้อที่ขึ้นผิดปกติภายในลำไส้เกิดเป็นแผลทำให้มีเลือดออกและปนออกมาในบางครั้งที่ขับถ่าย
4. มีอาการท้องเสียสลับกับท้องผูก
คือการอุจจาระแข็งและเหลวสลับกัน เป็นติดต่อกันแบบมีอาการเรื้อรัง ถึงแม้ว่าจะกินอาหารที่เหมาะสมไม่ได้เป็นสาเหตุให้ท้องเสียก็ยังมีอาการนี้อยู่ นี่อาจเป็นความผิดปกติที่เกิดจากภายในลำไส้
5. กินอาหารเท่าเดิมแต่น้ำหนักลดฮวบฮาบ
ลักษณะอาการคือน้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีพฤติกรรมการกินอาหารแบบเดิมหรือมากกว่าเดิม
6. อ่อนเพลียอ่อนแรงแบบไม่มีสาเหตุ
อาจเกิดจากการที่มีเลือดออกในลำไส้ ปนออกมากับอุจจาระ หากเสียเลือดจากการขับถ่ายมากอาจมีภาวะซีด และโลหิตจางร่วมด้วย และยิ่งทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียอ่อนแรงต่อเนื่องมากขึ้นอีก ถึงแม้โรคมะเร็งลำไส้ จะเป็นมะเร็งร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับสามในปัจจุบันนี้ แต่หากเราระวังในพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต และหมั่นสังเกตตัวเองได้ทันการ จะได้รีบทำการรักษาได้ทันท่วงที โอกาสรอดชีวิตก็ยิ่งสูงขึ้น
ดังนั้นถ้าไม่อยากที่จะเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็ควรที่จะต้องดูแลตนเองให้ดี ๆ โดยเริ่มต้นง่าย ๆ จากการรับประทานผัก และผลไม้ให้มาก ๆ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญคืออย่างลืมไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ
#มะเร็งลำไส้