ชวนคุณมาทำความรู้จักรถยนต์ HYBRID ให้มากขึ้น กับ รวิศ หาญอุตสาหะ

marisa7545

สมาชิกโดดเด่น
Registered
เข้าร่วม
13 พฤศจิกายน 2018
ข้อความ
18
รถยนต์พลังงานทางเลือก แบบรถยนต์ HYBRID เป็นรถประหยัดน้ำมันแถมยังช่วยคุณรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกวันนี้เราต้องเผชิญกับมลพิษมากมายบนท้องถนนอันเนื่องมาจากรถยนต์ จะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยหากพวกเรามาทำความรู้จักกับรถยนต์ HYBRID ให้มากขึ้น เพื่อที่โลกของเราจะได้น่าอยู่



รถยนต์ไฮบริด หรือ HEV’ จึงเป็นสิ่งที่ถูกยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยครั้ง โดยเริ่มต้นจากการก้าวเข้าสู่ยุคไฮบริดเสียก่อน เป็นการเปลี่ยนผ่านก่อนที่เราจะก้าวไปสู่ยุคของรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว รถยนต์ไฮบริดจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ณ เวลานี้

The MATTER มีโอกาสได้พูดคุยกับ นาย รวิศ หาญอุตสาหะ ผู้บริหารหนุ่มแห่งศรีจันทร์สหโอสถ ที่เคยมีประสบการณ์ใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก ถึงมุมมองต่ออนาคตของการใช้พลังงานทางเลือกที่อย่างรถยนต์ HYBRID และรถยนต์ไฟฟ้า



35XmDq.jpg

ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็ว มองว่ามีทางไหนที่จะทำให้เราสามารถเตรียมความพร้อมก่อนที่จะหันไปใช้พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ดีที่สุด

การใช้รถยนต์ไฮบริดเป็นการทำให้เราชินระดับหนึ่ง จากการใช้เครื่องยนต์ทั่วไปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์มากว่าร้อยปี ตอนนี้ก็มีทางเลือกที่สองคือรถยนต์พลังงานทางเลือก อย่างรถยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นการเตรียมตัวที่จะเข้าสู่รถยนต์ในอนาคตที่อาจจะไม่ใช้น้ำมันเลย ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเข้าใจเป็นหลัก สิ่งที่เป็นประเด็นเลยคือเรื่องของการให้ความรู้ คนไทยจำนวนมาก ค่อนข้างกลัวเรื่องของแบตเตอรี่รถ ยกตัวอย่างรถยนต์ที่ไร้คนขับ ปีหนึ่งมันขับไม่รู้กี่ร้อยล้านกิโลเมตร อาจจะมีเคสคนตายแค่ 1 คน แต่ข่าวดังมาก ในขณะที่รถยนต์ที่มนุษย์ขับมีคนตายปีหนึ่ง 2 ล้านคน จนชินกันไปหมดแล้ว ซึ่งก็คล้ายๆ กัน พอเป็นของใหม่มีเรื่องนิดหนึ่งจะถูกขยายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

จริงๆ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ซับซ้อนหรือซ่อมยากขนาดนั้น ยิ่งรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบมาก็ยิ่งต้องให้ความรู้คนใช้มากขึ้น ถ้าคนมีความรู้เรื่องนี้เยอะขึ้น ในที่สุดภาครัฐก็จะเริ่มต้องปรับตัวตาม แน่นอนว่าการช่วยเหลือจากภาครัฐไม่ใช่แค่การช่วยเหลืออย่างเดียว แต่เป็นการสนับสนุนด้วย ซึ่งในประเทศต่างๆ ภาครัฐมีส่วนอย่างมากในการทำให้รถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกมีโอกาสเกิดหรือไม่เกิดก็ได้

แสดงว่าภาครัฐมีส่วนสำคัญในการทำให้คนมองเห็นถึงปัญหาเรื่องพลังงานมากขึ้น

เป็นอีกก้าวหนึ่งที่รัฐจะต้องให้ความรู้กับประชาชน เป็นกลไกที่สำคัญมากๆ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดขึ้นได้ รถไฟฟ้า EV แท้ๆ ทุกวันนี้จะแพงมาก ถ้าคนไม่รู้จักก็ไม่กล้าใช้ เพราะฉะนั้นสมการมันยังไม่ลงตัว การจะทำให้เกิด EV ขึ้นจริงๆ รัฐต้องเข้ามาจัดการเหมือนที่ประเทศในยุโรปทำ ซึ่งมีขั้นตอนเยอะมาก เริ่มตั้งแต่ให้ความรู้ก่อน ลดภาษี สนับสนุน และสำคัญที่สุดคือถ้าต้องการให้ธุรกิจนี้ยั่งยืนจริงๆ ต้องสร้าง supply chain ให้เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าชิ้นส่วนต่างๆ ไม่เหมือนรถยนต์ทั่วไปเลย ดังนั้นกระบวนการจึงแตกต่างออกไป ผมเชื่อว่ามันจะเป็นโอกาสของประเทศถ้าเราทำให้ดี

ภาครัฐเป็นส่วนสำคัญที่สุดอยู่แล้ว แต่ต้องร่วมมือกับภาคเอกชนที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ด้วย ต้องให้ความรู้อย่างเช่นสภาพแวดล้อมเราเป็นปัญหาขนาดไหน หลายคนยังไม่เข้าใจว่า ถ้าปัญหาไม่มาเคาะประตูหน้าบ้านเรา ก็จะไม่มีใครเข้าใจมันจริงๆ โลกร้อนเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เรื่องพวกนี้ต้องให้ความรู้กับประชาชน ไม่มีทางไหนจะดีไปกว่าการทำไปเรื่อยๆ แต่ต้องทำในสเกลที่ใหญ่พอและมีความถี่สูง อย่างครั้งแรกไม่อ่าน ครั้งที่สองไม่อ่าน ครั้งที่สิบอาจจะอ่านก็ได้ วิธีการสื่อสารก็ต้องง่ายไม่ซับซ้อน ไม่วิชาการเกินไป ส่วนภาคเอกชนจะมาในส่วนของการแก้ปัญหา อย่างเช่นรถยนต์ไฮบริด หรืออย่างในกรณีพลาสติกที่ย่อยสลายได้ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ตัวเลือกที่ช่วยเหลือโลกมากขึ้น



การที่รัฐปรับลดโครงสร้างภาษีสำหรับรถไฮบริดและรถไฟฟ้า คิดว่าเป็นมาตรการที่ทำให้คนหันมาสนใจประเด็นนี้ได้มากขึ้นไหม

เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ เพราะว่ายังไงก็แล้วแต่ เรื่องราคาก็ยังเป็นประเด็นสำคัญเสมอ แล้วรถยนต์เป็นของชิ้นใหญ่ที่คนจะกังวลเรื่องราคา ถ้าลดได้ก็ดี แต่เรื่องอื่นก็ต้องดูด้วย อย่างเช่นที่ชาร์ตไฟ ระบบชาร์ตไฟที่บ้านหรือข้างนอก ต้องมีการออกแบบ และเรื่องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ได้เหมือนกับรทั่วไป สิ่งสำคัญก็คือคนต้องเข้าใจว่าความแตกต่างของรถกับรถธรรมดาแตกต่างกันอย่างไร เขาได้อะไรในทางตรงและทางอ้อม

เรื่องเงินเป็นประเด็นสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องทำควบคู่กันไป ผมคิดว่าคล้ายๆ กับการกินอาหาร พวกผักสลัด ปลา อาจจะแพงกว่าอาหารอ้วนๆ หน่อย และอาจจะไม่ถูกใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการกินหมูสามชั้นหรือสลัดวันนี้อาจจะไม่เห็นผลทันที แต่ถ้ามองไปในอนาคตอีกสัก 5 ปี เราจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้มันเห็นผล ความคุ้มค่าไม่ได้มีมิติแค่เรื่องเงินหรือส่วนต่างของน้ำมันที่เสียไป แต่เรากำลังมอบโลกที่ดีกว่าให้กับคนยุคหลังที่เป็นความรับผิดชอบของเรา ตอนที่เราแก่และกำลังจากโลกนี้ไป เราอยากจะส่งมอบโลกนี้ให้คนรุ่นต่อไปในสภาพแบบไหน ผมว่าเรื่องนี้มีค่ามากกว่าเงินเยอะเลย



แต่ในแง่การใช้งานรถยนต์ไฮบริดจริงๆ คนก็ยังกังวลเรื่องของค่าบำรุงรักษาและการประหยัดน้ำมันอยู่ดี

เรื่องของการบำรุงรักษาเป็นเรื่องที่คนไทยกลัวที่สุด ก็ต้องให้ความรู้เพื่อให้เห็นภาพว่า รถคนนี้ใช้มา 10 ปีแล้ว ค่าบำรุงรักษาปีละเท่านี้เอง ไม่ได้แพงอย่างที่คิด ซึ่งตรงนี้คนไทยยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน เพราะหลายคนพอนึกถึงรถไฮบริดคือมีเรื่องอิเล็กทรอนิกส์เยอะ ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรที่ซ่อมยาก

ขณะเดียวกันเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ตกลงว่ามันช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้แค่ไหน ครึ่งหนึ่งหรือยังไง ภาพนี้ยังไม่ได้ถูกส่งออกมาให้ชัด และเราอาจจะต้องพูดในอีกหลายมิติว่าเรื่องก๊าซไอเสียที่ปล่อย อย่างดีเซลก็ประหยัดเท่าๆ กัน แต่ไอเสียที่ปล่อยออกมาก็มากกว่า อีกอย่างที่เป็นภาพใหญ่ขึ้นไปอีกคือเรื่องของจิตสาธารณะก็ได้ ถ้าช่วยกันเน้นย้ำว่าสิ่งแวดล้อมและอากาศเป็นสิ่งที่เราต้องใช้ร่วมกัน คนก็จะรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ต้องปล่อยไอเสียให้น้อยลง



ในแง่การตลาด มีวิธีไหนที่ทำให้คนเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกได้เร็วที่สุดไหม

รถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ประหยัดน้ำมันก็จะคล้ายๆ กัน คนต้องเห็นคนอื่นใช้สักพักก่อน แต่รถอาจจะยากนิดหนึ่งเพราะมันแพง ต้องไปดูว่าถ้าอยากจะพูดกับลูกค้า เขาจะสนใจอะไร อย่างเด็กรุ่นใหม่ก็สนใจเรื่องเทคโนโลยีและรักษ์โลกมาเป็นหลัก แต่อย่างคนรุ่นเก่าจะคิดว่าประหยัดเงินได้กี่บาท ซึ่งถ้าเกิดดูเป็นเงินอย่างเดียวก็ไม่คุ้ม ต้องดูว่ามีประโยชน์อื่นๆ อีกมั้ยที่จะดึงดูดให้คนยุคเก่าหันมาสนใจได้



เคยได้ทดลองใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกบ้างไหม

จริงๆ ได้ใช้ตั้งแต่โตโยต้า พรีอุส เจนแรก ตอนนั้นก็ตื่นเต้นดีเพราะว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก จนคนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เป็นประสบการณ์การใช้งานที่ดี เพราะว่ามันเงียบและประหยัดมาก ชอบที่สุดคือเงียบ คือเป็นคนที่ชอบคิดอะไรในรถเยอะ บางทีก็ไม่ได้ฟังเพลง แต่ผมคิดว่าที่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นคือเรื่องของความเชื่อของเราที่อยากจะทำอะไรดีๆ ให้กับโลกนิดหนึ่ง ผมคิดว่าของทุกอย่างที่เราใช้รวมถึงรถยนต์ มันสะท้อนสิ่งที่เราเชื่อ ซึ่งการใช้ของแบบนี้มันบอกอะไรกับสังคมได้ จึงทำให้อยากจะซื้อของกับแบรนด์ที่มีความเชื่อเหมือนกับเรา ไดเรกชั่นของบริษัทคืออะไร และทิศทางของสินค้ามันสอดคล้องกับตัวแบรนด์รึเปล่า



35XIh8.jpg



มองว่าอนาคตของรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร

ในระยะสั้นคิดว่าคนที่เป็นผู้เล่นสำคัญที่สุดคือภาครัฐ ถ้าภาครัฐสนับสนุนมาแน่นอน ซึ่งโครงสร้างภาษีทำให้ราคารถค่อนข้างแพง แต่เมื่อใดที่ภาครัฐเข้ามามันจะเปลี่ยนแปลงราคาโครงสร้างรถยนต์ได้อย่างมากเลย แต่ว่าระยะยาวต้องมาจากตัวผู้ใช้ที่เริ่มตระหนักว่า เราต้องดูแลโลกมากขึ้น เด็กรุ่นใหม่จะมีความเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อ เพราะฉะนั้นของพวกนี้ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง

“ผมมีความเชื่อว่าทุกคนมีส่วนในการรับผิดชอบและส่งต่อโลกนี้ให้กับคนรุ่นต่อไป เพราะในยุคที่ ผ่านมา เราใช้ทรัพยากรโลกไปเยอะมาก ตอนนี้เรามีหน้าที่คือช่วยลดความรุนแรงของเรื่องนี้ให้มากที่สุด นั่นคือการช่วยเหลือกัน”



ถึงแม้ว่าในทุกวันนี้รถยนต์พลังงานทางเลือกยังเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับบางคนในประเทศไทย แต่ก็มีคนไม่น้อยที่กล้าที่จะหันมาเปลี่ยนตัวเองจากความคิดเก่า ๆ กล้าลองใช้ รถยนต์ HYBRID มากขึ้น ทั้งๆ ที่รถยนต์ไฮบริด ไม่เพียงแค่ช่วยรักษ์โลกเท่านั้น แต่ยังมีความทนทานและยังปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย ข้อที่สำคัญที่สุดคือ หากคุณได้ลองใช้รถยนต์ไฮบริดคุณจะต้องภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาโลกใบนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก https://thematter.co/sponsor/hybrid-vehicle/52352
 

กระทู้เพิ่มเติมหมวดหมู่เดียวกัน

กลับ
บน ล่าง