- เข้าร่วม
- 16 กรกฎาคม 2018
- ข้อความ
- 18
ธุรกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยเป็นระบบการค้าเสรี ราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวขึ้นลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความผันผวนสูง จึงทำให้เกิดข้อสงสัยทำไมราคาน้ำมันแพงแต่คนไทยยังใช้อยู่ สาเหตุหลักมาจากความต้องการใช้น้ำมันที่ขยายตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะจาก จีน และอินเดีย ความแปรปรวนของสภาพอากาศและภัยธรรมชาติ ความกังวลในเรื่องปัญหาการเมืองและความวุ่นวายในประเทศผู้ผลิตน้ำมันกลุ่ม โอเปก และส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไรในตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเกินราคาปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปัจจุบันควรจะอยู่ที่ประมาณ 100 เหรียญ สหรัฐ/บาร์เรล (ราคา ณ เดือนพฤษภาคม 2551)
ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปที่เราซื้อจากสถานีบริการ มีโครงสร้างของราคาประกอบด้วย ส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ
1) ค่าต้นทุนในการซื้อน้ำมันจากโรงกลั่น หรือนำเข้าจากต่างประเทศ
2) เงินภาษีและกองทุนที่รัฐเรียกเก็บจากผู้ค้าน้ำมัน ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล ภาษีมูลค่าเพิ่ม กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3) ค่าการตลาด ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ เช่น ค่าจ้าง แรงงาน ค่าขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นผ่านคลังน้ำมันไปยังสถานีบริการน้ำมัน ค่าสารปรับปรุงคุณภาพ ค่าส่งเสริมการตลาด และค่าผลตอบแทนในการดำเนินธุรกิจ ค่าการตลาดที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจควรจะอยู่ที่ประมาณ 1.50 บาท/ลิตร แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์น้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันดีเซลมีค่าการตลาดติดลบ
หมายเหตุ: ส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นในประเทศและราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปเกือบทั้งหมดเป็นภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล ภาษีมูลค่าเพิ่ม เงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน และกองทุนอนุรักษ์พลังงาน โดย ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2551 ยอดรวมภาษี และเงินกองทุนต่าง ๆ สำหรับน้ำมันเบนซินสูงถึง 10.88 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลประมาณ 5 บาทต่อลิตร
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.รู้จริงพลังงานไทย.com/น้ำมันแพง-2/
ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปที่เราซื้อจากสถานีบริการ มีโครงสร้างของราคาประกอบด้วย ส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ
1) ค่าต้นทุนในการซื้อน้ำมันจากโรงกลั่น หรือนำเข้าจากต่างประเทศ
2) เงินภาษีและกองทุนที่รัฐเรียกเก็บจากผู้ค้าน้ำมัน ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล ภาษีมูลค่าเพิ่ม กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3) ค่าการตลาด ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ เช่น ค่าจ้าง แรงงาน ค่าขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นผ่านคลังน้ำมันไปยังสถานีบริการน้ำมัน ค่าสารปรับปรุงคุณภาพ ค่าส่งเสริมการตลาด และค่าผลตอบแทนในการดำเนินธุรกิจ ค่าการตลาดที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจควรจะอยู่ที่ประมาณ 1.50 บาท/ลิตร แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์น้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันดีเซลมีค่าการตลาดติดลบ
หมายเหตุ: ส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นในประเทศและราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปเกือบทั้งหมดเป็นภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล ภาษีมูลค่าเพิ่ม เงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน และกองทุนอนุรักษ์พลังงาน โดย ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2551 ยอดรวมภาษี และเงินกองทุนต่าง ๆ สำหรับน้ำมันเบนซินสูงถึง 10.88 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลประมาณ 5 บาทต่อลิตร
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.รู้จริงพลังงานไทย.com/น้ำมันแพง-2/
กระทู้เพิ่มเติมหมวดหมู่เดียวกัน
- คุณหมอกวาง วาสิตา ศัลยแพทย์หนึ่งเดียวจากประเทศไทย ปลื้มเข้าร่วมประชุมงาน PRS KOREA 2024 กระทบไหล่หมอจากทั่วเอเชีย
- ประตูม้วนกม8 กม4 คู้บอน รามคำแหง บดินทรเดชา รามอินทรา เกษตร ประตูม้วนคลองกุ่ม คลองสามวา เลียบด่วน
- EMMA CLINIC นำเทรนด์ทรงจมูก TEARDROP อ.พญ.วาสิตาหรือคุณหมอกวาง แกะกล่องเทคนิคใหม่ Preservation Rhinoplasty ชี้ฝั่งยุโรปและเอเชียกำลังมาแรง
- หอพักหน้า ม.มหิดล ประตู6 PJ Bed Story ศาลายา พุทธมลฑล นครปฐม ห้องพักใหม่ เช่าถูก เฟอร์ใหม่ทั้งตึก
- EMMA CLINIC ไม่หยุดอัปความรู้ ส่ง “อ.พญ.วาสิตา หรือหมอกวาง ” ดีกรีศัลยแพทย์งานแก้สุดปัง บินตรงเอ็กซ์คลูซีฟเทรนนิ่งความรู้ใหม่ๆเทรนด์ศัลยกรรมจมูก ณ ป