อากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ เป็นตัวกระตุ้นให้เราอยากดื่มน้ำเย็นๆเพื่อคลายความร้อนให้กับตัวเราจริงไหมคะ แต่การดื่มน้ำเย็นมากกินไปก็อาจส่งผลร้าายกับร่างกายเรามากกว่าที่คิดนะคะ วันนี้ Sanook! Club มีบทความเกี่ยวกับการดื่มน้ำเย็นมากเกินไปมาฝากค่ะ ไตของเราคือเครื่องกรองน้ำอันน่าอัศจรรย์ที่ช่วยกรองของเสียจากเลือด ดึงเอาสิ่งสกปรกของเสียในเลือด ขับออกทางปัสสาวะได้อย่างไม่มีวันหยุด ปรับปรุงเลือดที่มีแต่ของเสีย แล้วส่งต่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งยังเป็นอวัยวะที่ช่วยขับดันเลือดให้ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง แต่อวัยวะที่ทำงานให้กับเรา 24 ชั่วโมงแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีการบ่นใดๆ วันใดที่ไตอ่อนแอก็จะเริ่มส่งสัญญาณเตือน เช่น 1. ปัสสาวะบ่อย อั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ ดื่มน้ำแล้วเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง กลางคืนต้องลุกขึ้นปัสสาวะหลายเที่ยว 2. มีอาการปวดเอว ปวดหลังอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนาน 3. ปวดเมื่อยตามข้อและต้นคอ 4. น้ำในเลือดเหลือน้อย ทำให้หลอดเลือดแข็ง ตีบตันได้ง่าย สัปดาห์ที่ผ่านมาได้พบคนไข้พี่น้องที่ทำให้ผมเศร้าใจ เพราะความประมาทในเรื่องอาหารการกิน ทั้งสองท่านเดินเข้ามาพบหมอด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่มีหนึ่งคนในนั้นซึ่งเป็นพี่สาวที่ต้องใช้รถเข็นเข็นเข้ามาพบหมอ เพราะร่างกายซีกซ้ายเริ่มจะอ่อนแรง ขาซ้ายยังพอมีแรงขยับบ้างแต่เดินยังไม่ได้ อ่านจากในสอบประวัติคนไข้ของพี่น้องทั้งสองคนก็มีพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันคือ ทานแต่เนื้อสัตว์ ไม่ทานผักตั้งแต่เด็กๆ ที่สำคัญคือดื่มน้ำเย็นเป็นประจำตั้งแต่เด็ก ต้องน้ำเย็นเจี๊ยบจากตู้เย็น น้ำไม่เย็นทานไม่เป็น ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้น ร่างกายส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้ง เช่น มึนเวียนศีรษะง่าย มีแสงไฟแวบๆ เวลากะพริบตา การพูดเริ่มติดขัด สุดท้ายมีอาการวูบกะทันหันต้องส่งเข้าโรงพยาบาล เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกครั้งซีกซ้ายก็ขยับไม่ได้เสียแล้ว หมอบอกว่านี่คืออาการเส้นเลือดตีบที่สมองในวัยเพียง 40 ปีเท่านั้น การทานน้ำเย็นมากจนเกินพอดี ทำให้ไตและกระเพาะปัสสาวะต้องรีบกำจัดความเย็นออกจากร่างกาย ขับน้ำเย็นมากักเก็บไว้ที่กระเพาะปัสสาวะเตรียมนำออก ทำให้ผู้ที่ทานน้ำเย็นก็ยิ่งขาดน้ำจนเลือดข้นหนืดไปหมด เจ้าเลือดข้นหนืดที่ล่ะครับที่ทำให้หลอดเลือดของเราเริ่มแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น มีของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด จนเกิดการพอกพูนกลายเป็นโรคหลอดเลือดตีบก็เพราะน้ำเย็นที่ทานเข้าไปเอง น้องสาวของเธอที่เข้ามาด้วยกัน สมทบอีกว่า มิน่าล่ะ โรคนี้เป็นทั้งบ้าน ที่บ้านเราชอบกินน้ำเย็นกันทุกคน คุณแม่นอนเป็นอัมพฤกษ์อยู่ที่บ้านเช่นกัน เหลือตัวดิฉันกับพี่ชายอีกคนที่ต้องดูแลเพราะน้ำเย็นแค่นั้นเองหรือ ไม่น่าเลยจริงๆ หลังจากนั้นผมก็เจอคนไข้ที่ทานน้ำเย็นมากเกินไป จนป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบอีกสองท่าน ภายในวันเดียวกันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย
หากใครที่ยังทานน้ำเย็น นมเย็น กาแฟเย็น น้ำอัดลม น้ำหวาน ชาเย็น น้ำผลไม้แช่เย็น อยู่เป็นกิจวัตร ผมต้องขอเตือนแรงๆ ว่า ให้รีบไปทำประกันโรคหลอดเลือดไว้ได้เลยมีโอกาสได้ใช้สูง เมื่อเกิดอาการหลอดเลือดในสมองตีบแล้วอย่าเพิ่งท้อแท้ ยังมีวิธีแก้ไขทางธรรมชาติบำบัด 1. ปรับปรุงหลอดเลือดที่แข็งตึงให้กลับมายืดหยุ่นได้ดี ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ ทานน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะร่วมกับกระเทียมหรือขมิ้นชัน 1 แคปซูล ก่อนอาหารเช้าและเย็น 20 นาที 2. ปรับเลือดที่ข้นหนืดให้หายข้นหนืดด้วยการเพิ่มน้ำเข้ากระแสเลือด ทานน้ำเปล่าให้ได้ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อเติมน้ำกลับเข้าเลือด ทานยาน้ำตรีผลาหรือจตุผลาธิกะ ให้เลือดของเราสามารถอุ้มน้ำได้ดีขึ้น ช่วงแรกต้องอดทนกับการปัสสาวะบ่อยเสียหน่อย 3. ทำให้เลือดไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำในท่าที่สามารถทำได้ หรือใช้การนวดเท้าหรือนวดตัวช่วยให้เลือดไหลเวียนสม่ำเสมอ 4. งดการทานน้ำเย็นเด็ดขาด 5. งดเนื้อสัตว์ใหญ่ เนื้อวัว หมู ของทอด ของหวานจัดเพราะทำให้ร่างกายเกิดอนุมูลอิสระปริมาณมาก จนหลอดเลือดแข็งตีบตันได้ง่าย เมื่อหลอดเลือดของเรากลับมายืดหยุ่นได้ดี พร้อมทั้งจัดการกับของเสียที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดได้ เลือดดีจะกลับเข้าซ่อมแซมเซลล์สมองหากสมองส่วนนั้นยังไม่ฝ่อจนใช้การไม่ได้ เราก็ยังมีโอกาสหายจากโรคเส้นเลือดตีบที่สมองได้ ที่สำคัญคือไม่ควรกลับไปใช้วิถีชีวิตผิดๆ อีก ที่มา www.sanook.com