- เข้าร่วม
- 21 พฤษภาคม 2014
- ข้อความ
- 8
เจ้า VASER นี้คืออะไร และต่างกับดูดไขมันอย่างไร และได้ผลเท่าไหร่ แล้วสุดท้ายยย...ทำไมมันแพง ??แม่หมอจะไขความลับนี้ ณ บัดนาวจ้า
ใครที่เคยพยายามเอาเจ้าก้อนเหลืองๆแข็งๆอันน่ารังเกียจที่ชื่อว่า "ก้อนไขมัน"ออกไปจากตัวจะรู้ว่ามันเข้าง่าย แต่ออกยากขนาดไหนนะคะ ใครมีเจ้าก้อนนี้ที่ไหนจะบังเกิดความรังเกียจอวัยวะส่วนนั้นขึ้นมาทันที ยิ่งจับแล้วมันเต็มไม้เต็มมือยิ่งเศร้า...หยิบเสื้อผ้ามาลอง 100 ชุดจะสวยซะ 3 ไรงี้...รู้นะว่าทำยังไงมันถึงจะหายไป...ทานน้อยๆ ออกกำลังกาย ..เชอะ!ใครก็รู้คะ แต่ถ้าทำได้ ฉันจะอ้วนไหมเนี่ย เฮ้อออออ และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์พยายามจะช่วยบุคคลผู้มีส่วนเกินที่"ขี้เกียจ"มาตั้งแต่สมัยกระโน้น ตั้งแต่ดูดไขมันสมัยพระเจ้าเหา มาเรื่อยๆก็ได้ผลดีค่ะ แต่ผลข้างเคียงสูงมากกก มนุษย์พยายามค้นคว้าหาเครื่องมือแบบไม่ต้องเจ็บตัว แต่นั่นก็ไม่เห็นได้ผลเลย หรือได้ผลช้ามากก และค่าใช้จ่ายมโหฬาร ผลลัพธ์จี๊ดดดเดียว เช่นสถาบันลดน้ำหนักทั่วไป (ไม่ได้อ้างอิงนะ) ต้องมานั่งลุ้นว่ามันจะได้ผลไหมสุดท้ายก็ต้องมาจบที่ดูดไขมันอยู่ดี ได้ผลชัวร์ เพราะดูดออกมาเห็นๆ แต่ก็นะ เจ็บค่อดๆ และแล้วสวรรค์ก็ประทานเจ้าเครื่องๆหนึ่งที่ชื่อว่า VASER ลงมาให้มนุษย์ผู้หยุดกินไม่ได้
ไขมันที่สะสมใต้ผิวที่เป็นเปลือกส้มอันน่ารังเกียจนั้นมีลักษณะเป็นก้อนๆแข็งๆคล้ายไขมันหมูที่เอาไว้ทาหมูกระทะนั่นแหละค่ะ
สมัยก่อน เวลาดูดไขมันเนี่ย หมอต้องเอาท่อใหญ่ๆใส่เข้าไป กระทุ้งๆ แล้วก็ใช้แรงดูดมหาศาลดูดออกมา
ไม่งั้นมันไม่สามารถดูดออกมาได้ เหมือนเวลาดูดชานมไข่มุกอ่ะค่ะ ถ้าหลอดเล็กเกินมันจะติด ดูดออกมาไม่ได้ต้องใช้ท่อใหญ่แบบหลอดชาไข่มุก ทำให้การดูดไขมันสมัยก่อนช้ำมาก เจ็บมาก พักฟื้นนานมาก เลือดออกเยอะมาก คนไข้ต้องดมยาสลบ และนั่นหมายถึงก็อันตรายที่ตามมาเพราะมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะอันตราย แต่มันก็เป็นวิธีการที่เห็นผลที่สุด คือไขมันออกมาให้คนไข้เห็นเลย แต่อย่างไรก็ตาม การเสียเลือดและบอบช้ำ ต้องพักฟื้น 2-4 อาทิตย์ ทำให้ประเทศอิตาลีพัฒนา VASER เทพเจ้ากำจัดไขมันขึ้นมา
การทำงานของ VASER จะเริ่มจากการที่ใส่น้ำเกลือผสมยาชาเข้าไปบริเวณที่จะทำ คนไข้จะเจ็บแค่ตอนฉีดยาชาซึ่งถ้าใครเคยทำ Carboxy มาแล้วอันนี้เจ็บน้อยกว่าค่ะ ...จากนั้นก็สอดแท่ง VASER ขนาดเล็กมาก ประมาณหลอดยาคูลท์เข้าไป VASER เป็นคลื่น Ultrasound ที่ทำให้ถุงไขมันละลาย เสมือนเนยแข็งละลายบนกระทะแพนเค๊กค่ะ พอไขมันที่เป็นก้อนละลายเป็นน้ำเหมือนไอศครีมวนิลลาแบบละลายแล้ว ทีนี้เราก็ดูดออกมาเหมือนเราดูดมิลค์เช็คอ่ะค่ะ แค่หลอดกาแฟธรรมดาก็ดูดได้แล้ว ดังนั้นจึงทำให้ไม่กระทบเส้นเลือด เสียเลือดน้อยมาก และไม่ต้องกระทุ้ง แท่งดูดก็เล็กมาก คนไข้รู้สึกตัวตลอดเวลา สามารถกลับบ้านไปพักแล้วรุ่งขึ้นก็ชาลาล่าได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น แผลทางเข้าแค่ 3 mm ประมาณ 2 หัวไม้ขีด อันตรายน้อยกว่าดูดไขมันเป็นสิบๆเท่า ในขณะที่ดูดแต่ไขมันออกมา ไม่ดูดเลือดออกมาด้วยมาก คนไข้จะไม่เจ็บหรือช้ำมาก ไขมันที่ดูดมาจาก VASER ไม่ค่อยมีเลือดปน เป็นแต่ไขมันล้วนๆ ดังนั้นไขมัน 1000 CC ของVASER อาจเท่ากับ 2500 CC ของการดูดไขมันธรรมดา ( เพราะมันมีเลือดออกมาผสมเยอะ )
ดูดเสร็จก็กลับบ้านนอน พรุ่งนี้ไปทำงานได้เลย
อีกหนึ่งข้อดีของ VASER คือระหว่างที่มันปล่อยคลื่นละลายไขมันนั้น มันก็ได้ปล่อยคลื่นที่ทำให้ผิวกระชับไปด้วย เหมือนยิงเลเซอร์แต่ยิงจากใต้ผิว ดังนั้นคนไข้จะไม่ค่อยมีปัญหาหย่อนคล้อย ซึ่งต่างจากการดูดไขมันธรรมดา VASER เครื่องของแท้ต้องมาจากอิตาลีนะคะ มีบางแห่งใช้เครื่องของเกาหลี หรือหนักข้อก็จีน เครื่องพวกนั้นอาจปล่อยคลื่นแบบไม่สม่ำเสมอออกมา ซึ่งอาจจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ดีเท่าทีควรค่ะ …VASER ดีขนาดนี้ รับรองว่าต้องแพงแน่นอน เพราะตัวเครื่อง แพง และอุปกรณ์ที่ใช้แล้วก็ต้องทิ้งทั้งหมด อย่างว่าแหละค่ะ ดีๆถูกๆไม่มีในโลก แต่ตอนนี้ราคา VASER ก็เริ่มลงมาแล้วค่า ใครเบี้ยน้อยหอยน้อย ตอนนี้ฝันก็กำลังเป็นจริงแล้วจ้า เพราะทำให้เห็นผล และทำให้จบในครั้งเดียว คุ้มจะตายค่ะ กินมาทั้งชีวิต วันเดียวออกไปเลย โฮ้ มีความสุข...
ใครที่เคยพยายามเอาเจ้าก้อนเหลืองๆแข็งๆอันน่ารังเกียจที่ชื่อว่า "ก้อนไขมัน"ออกไปจากตัวจะรู้ว่ามันเข้าง่าย แต่ออกยากขนาดไหนนะคะ ใครมีเจ้าก้อนนี้ที่ไหนจะบังเกิดความรังเกียจอวัยวะส่วนนั้นขึ้นมาทันที ยิ่งจับแล้วมันเต็มไม้เต็มมือยิ่งเศร้า...หยิบเสื้อผ้ามาลอง 100 ชุดจะสวยซะ 3 ไรงี้...รู้นะว่าทำยังไงมันถึงจะหายไป...ทานน้อยๆ ออกกำลังกาย ..เชอะ!ใครก็รู้คะ แต่ถ้าทำได้ ฉันจะอ้วนไหมเนี่ย เฮ้อออออ และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์พยายามจะช่วยบุคคลผู้มีส่วนเกินที่"ขี้เกียจ"มาตั้งแต่สมัยกระโน้น ตั้งแต่ดูดไขมันสมัยพระเจ้าเหา มาเรื่อยๆก็ได้ผลดีค่ะ แต่ผลข้างเคียงสูงมากกก มนุษย์พยายามค้นคว้าหาเครื่องมือแบบไม่ต้องเจ็บตัว แต่นั่นก็ไม่เห็นได้ผลเลย หรือได้ผลช้ามากก และค่าใช้จ่ายมโหฬาร ผลลัพธ์จี๊ดดดเดียว เช่นสถาบันลดน้ำหนักทั่วไป (ไม่ได้อ้างอิงนะ) ต้องมานั่งลุ้นว่ามันจะได้ผลไหมสุดท้ายก็ต้องมาจบที่ดูดไขมันอยู่ดี ได้ผลชัวร์ เพราะดูดออกมาเห็นๆ แต่ก็นะ เจ็บค่อดๆ และแล้วสวรรค์ก็ประทานเจ้าเครื่องๆหนึ่งที่ชื่อว่า VASER ลงมาให้มนุษย์ผู้หยุดกินไม่ได้
ไขมันที่สะสมใต้ผิวที่เป็นเปลือกส้มอันน่ารังเกียจนั้นมีลักษณะเป็นก้อนๆแข็งๆคล้ายไขมันหมูที่เอาไว้ทาหมูกระทะนั่นแหละค่ะ
สมัยก่อน เวลาดูดไขมันเนี่ย หมอต้องเอาท่อใหญ่ๆใส่เข้าไป กระทุ้งๆ แล้วก็ใช้แรงดูดมหาศาลดูดออกมา
ไม่งั้นมันไม่สามารถดูดออกมาได้ เหมือนเวลาดูดชานมไข่มุกอ่ะค่ะ ถ้าหลอดเล็กเกินมันจะติด ดูดออกมาไม่ได้ต้องใช้ท่อใหญ่แบบหลอดชาไข่มุก ทำให้การดูดไขมันสมัยก่อนช้ำมาก เจ็บมาก พักฟื้นนานมาก เลือดออกเยอะมาก คนไข้ต้องดมยาสลบ และนั่นหมายถึงก็อันตรายที่ตามมาเพราะมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะอันตราย แต่มันก็เป็นวิธีการที่เห็นผลที่สุด คือไขมันออกมาให้คนไข้เห็นเลย แต่อย่างไรก็ตาม การเสียเลือดและบอบช้ำ ต้องพักฟื้น 2-4 อาทิตย์ ทำให้ประเทศอิตาลีพัฒนา VASER เทพเจ้ากำจัดไขมันขึ้นมา
การทำงานของ VASER จะเริ่มจากการที่ใส่น้ำเกลือผสมยาชาเข้าไปบริเวณที่จะทำ คนไข้จะเจ็บแค่ตอนฉีดยาชาซึ่งถ้าใครเคยทำ Carboxy มาแล้วอันนี้เจ็บน้อยกว่าค่ะ ...จากนั้นก็สอดแท่ง VASER ขนาดเล็กมาก ประมาณหลอดยาคูลท์เข้าไป VASER เป็นคลื่น Ultrasound ที่ทำให้ถุงไขมันละลาย เสมือนเนยแข็งละลายบนกระทะแพนเค๊กค่ะ พอไขมันที่เป็นก้อนละลายเป็นน้ำเหมือนไอศครีมวนิลลาแบบละลายแล้ว ทีนี้เราก็ดูดออกมาเหมือนเราดูดมิลค์เช็คอ่ะค่ะ แค่หลอดกาแฟธรรมดาก็ดูดได้แล้ว ดังนั้นจึงทำให้ไม่กระทบเส้นเลือด เสียเลือดน้อยมาก และไม่ต้องกระทุ้ง แท่งดูดก็เล็กมาก คนไข้รู้สึกตัวตลอดเวลา สามารถกลับบ้านไปพักแล้วรุ่งขึ้นก็ชาลาล่าได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น แผลทางเข้าแค่ 3 mm ประมาณ 2 หัวไม้ขีด อันตรายน้อยกว่าดูดไขมันเป็นสิบๆเท่า ในขณะที่ดูดแต่ไขมันออกมา ไม่ดูดเลือดออกมาด้วยมาก คนไข้จะไม่เจ็บหรือช้ำมาก ไขมันที่ดูดมาจาก VASER ไม่ค่อยมีเลือดปน เป็นแต่ไขมันล้วนๆ ดังนั้นไขมัน 1000 CC ของVASER อาจเท่ากับ 2500 CC ของการดูดไขมันธรรมดา ( เพราะมันมีเลือดออกมาผสมเยอะ )
ดูดเสร็จก็กลับบ้านนอน พรุ่งนี้ไปทำงานได้เลย
อีกหนึ่งข้อดีของ VASER คือระหว่างที่มันปล่อยคลื่นละลายไขมันนั้น มันก็ได้ปล่อยคลื่นที่ทำให้ผิวกระชับไปด้วย เหมือนยิงเลเซอร์แต่ยิงจากใต้ผิว ดังนั้นคนไข้จะไม่ค่อยมีปัญหาหย่อนคล้อย ซึ่งต่างจากการดูดไขมันธรรมดา VASER เครื่องของแท้ต้องมาจากอิตาลีนะคะ มีบางแห่งใช้เครื่องของเกาหลี หรือหนักข้อก็จีน เครื่องพวกนั้นอาจปล่อยคลื่นแบบไม่สม่ำเสมอออกมา ซึ่งอาจจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ดีเท่าทีควรค่ะ …VASER ดีขนาดนี้ รับรองว่าต้องแพงแน่นอน เพราะตัวเครื่อง แพง และอุปกรณ์ที่ใช้แล้วก็ต้องทิ้งทั้งหมด อย่างว่าแหละค่ะ ดีๆถูกๆไม่มีในโลก แต่ตอนนี้ราคา VASER ก็เริ่มลงมาแล้วค่า ใครเบี้ยน้อยหอยน้อย ตอนนี้ฝันก็กำลังเป็นจริงแล้วจ้า เพราะทำให้เห็นผล และทำให้จบในครั้งเดียว คุ้มจะตายค่ะ กินมาทั้งชีวิต วันเดียวออกไปเลย โฮ้ มีความสุข...