วัสดุสำหรับเสริมจมูกที่ได้รับความนิยม ในปัจจุบัน
1.Medical grade Silicone
แบ่งระดับความนิ่มเป็น ultra soft , soft , medium , Hard ซึ่งพบว่าในระยะยาวจะเกิดการหนาตัวจากแคลเซี่ยมมาเกาะ และ ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อมาหุ้มซิลิโคนเป็นแคปซูลไว้ ทำให้อาจเกิดรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปจากหลังทำใหม่ๆ หรือเคลื่อนที่ได้ จึงเกิดความบิดเบี้ยวของทรงได้ ปลายจมูกทะลุ
เป็นการศัลยกรรมจมูกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหตุผลคือเป็นการผ่าตัดเล็ก ง่ายต่อวิธีการดูแลรักษา และแก้ไขในรายที่มีปัญหา สามารถปรับแต่งทรงได้ค่อนข้างมาก ขึ้นกับข้อจำกัดทางโครงสร้างใบหน้าและจมูกของคนไข้
ชนิดของซิลิโคนแบ่งตามความนิ่มของตัวซิลิโคนโดยวัดจากเครื่องมือชนิดพิเศษที่ตรวจความนิ่มของหนังและผิวหนัง
เครื่องมือชนิดนี้ชื่อ Durameter โดยมี Scale ตั้งแต่ 0-90
Silicone ที่ นิ่มมากๆ ( Ultra Soflt ) จะมีค่าอยู่ที่ 11- 20
Silicone ที่ นิ่ม ( Soft ) จะมีค่าอยู่ที่ 21- 30
Silicone ที่ นิ่มปานกลาง ( Medium ) จะมีค่าอยู่ที่ 30-40
Silicone ที่ แข็ง ( Hard ) จะมีค่ามากกว่า 40 ขึ้นไป
สำหรับข้อดี-ข้อเสียของการเสริมด้วยซิลิโคนมีดังนี้
1) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของขนาดและรูปทรง (รูปร่างตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันสิ้นโลกรูปร่างก็ไม่เปลี่ยนแปลง)
2) เมื่อใส่เข้าไปในร่างกาย ร่างกายจะสร้าง Capsule (พังผืด) มาหุ้มตัวซิลิโคนไว้ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ Capsuleพวกนี้มีโอกาสรัดตัวซิลิโคนให้ผิดรูป หรือเคลื่อนที่ได้ (Capsule Contracture) ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ขึ้น ก็จะทำให้ดูเหมือนปลายจมูกสั้นเหมือนหมู หรือการเคลื่อนที่ลงจะทำให้ปลายจมูกแลดูมีหยดน้ำ โดยที่หลังเสริมใหม่ๆไม่มีหยดน้ำ
3) โอกาสติดเชื้อค่อนข้างสูงกว่าวัสดุอื่น
4) แต่ถ้าต้องการแก้ไขในกรณีจมูกเบี้ยวเอียง หรือไม่ชอบรูปทรงการเสริมด้วยซิลิโคนสามารถทำการแก้ไขได้ง่ายกว่าวัสดุแบบอื่น เพราะด้วยความที่มี Capsule หุ้มทำให้ตัว ซิลิโคนไม่ได้ยึดติดกับเนื้อเยื่อข้างเคียง
5 ) เมื่อเสริมไปนานๆ (ประมาณมากกว่า10ปีขึ้นไป)จะมี Calcium มาเกาะรอบๆ Capsule ได้ทำให้สามารถคลำ หรือเห็นได้จากภายนอก
2.ePTFE , PHDPE
เป็นวัสดุเดียวกับที่ทางการแพทย์นำมาทำหลอดเลือดเทียม เนื่องจากมีคุณสมบัติ ที่เนื้อเยื่อแทรกเข้าไปตามรูพรุนได้ จึงยึดได้แน่นไม่เคลื่อนที่ง่าย จีงเกิดโอกาสในการทะลุต่ำ รวมถึงไม่มีcapsuleพังผืด มาหุ้ม จึงไม่เกิดเรื่องจมูกเอียงหรือผิดรูปในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อจำกัดคือ รูปทรงเปลี่ยนแปลงโด่งขึ้น จากเนื้อเยื่อแทรกเข้าไปในตัววัสดุ และการที่ไม่มีcapsule มาหุ้มก็ทำให้เห็นขอบของวัสดุได้ง่าย รวมถึง ถ้าเสริมไปนานๆแล้วอยากแก้ทรง ก็จะทำได้ยากกว่าเพราะเอาออกได้ยากกว่า
Gore-tex คือ Polytetrafluoroethylene(ePTFE;Gore-Tex) และMedporก็คือ high-density polyethylene (PHDPE) ทางการแพทย์เราได้นำ ePTFE มาใช้สำหรับทำหลอดเลือดเทียม ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดเทียมสำหรับฟอกไต หรือเอาไว้ปิดช่องท้องกรณีไส้เลื่อนก็แล้วแต่โดยคุณสมบัติที่ดีของมันได้แก่
1) มีลักษณะเป็นรูพรุนขนาดเล็กที่ทำให้เนื้อเยื่อแทรกเข้าไปได้ (tissue ingrowth)
2) ใส่แล้วยึดแน่ติดไม่มีการเคลื่อนที่ไปมาได้ ไม่ว่าจะเคลื่อนที่ ขึ้นหรือลง ไปซ้ายหรือขวา ทำให้โอกาสในการเกิดการทะลุแทบไม่มี
3) โอกาสติดเชื้อต่ำ ซึ่งต่ำกว่าการเสริมด้วยซิลิโคนมาก
4) ไม่มี Capsule (พังผืดมาหุ้ม) ดังนั้นจะไม่เกิดปัญหาว่าเสริมไปแล้วนานๆ อยู่ดีๆจมูกเอียงหรือผิดรูป
แต่ข้อเสียของมันก็มีนะ!!!
1) รูปทรงอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเช่น เสริมไปแล้วอาจโด่งมากขึ้นเพราะมีเนื้อเยื่อเจริญเข้าไป หรือ อาจโด่งน้อยลงก็ได้ซึ่งยังบอกไม่ได้แน่ชัดว่าจากสาเหตุใด (แม้ว่าอเมริกาจะใช้วัสดุชนิดนี้มากว่า20ปี แต่เกาหลีเพิ่งเอามาเสริมจมูกไม่นานมานี้เองนะคะ)
2) จากที่มีเนื้อเยื่อแทรกเข้าไปในตัว Gore-tex ได้ทำให้ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไข โดยการถอดออกนับว่ายากยิ่ง
(ในกรณีที่เสริมด้วย Gore-tex แล้วเกิดการเบี้ยวเอียง หมอแนะนำว่าให้รีบแก้ไขใหม่ภายใน1-2เดือนหลังเสริม)
3) จากการที่มันไม่มี Capsule มาหุ้มทำให้เมื่อเสริมไปนานๆอาจเห็นขอบของตัว Gore-tex ได้ (การมี Capsule มาหุ้มก็ไม่ได้ไม่ดีเสมอไปนะ หลายคนเสริมจมูกด้วยซิลิโคนไปแล้ว ยิ่งนานยิ่งเนียนก็มีเยอะ)
3. Silitex
เป็นวัสดุผสมกันระหว่าง ซิลิโคน
และ ePTEF เพื่อลดข้อเสียของทั้งซิลิโคน และ ePTFE แต่มีข้อจำกัดเรื่องการเหลาปรับรูปทรงไม่ได้ เนื่องจากจะเหลาส่วนผิวที่เป็น ePTFE ออกไป
เป็นลูกผสมระหว่าง Silicone กับ Gore-tex อย่างที่กล่าวไว้ว่า ทั้งซิลโคนและGore-tex ต่างมีข้อดี และข้อสียที่แตกต่างกัน เลยเกิดลูกผสมระหว่างวัสดุ 2 อย่างนี้ขึ้น โดยตัววัสดุ จะเป็นซิลิโคนสำเร็จรูปที่ เคลือบผิวด้วย Gore-tex ฟังดูดีนะคะ เพราะสามารถแก้ไขในเรื่อง การเกิด Capsular Contracture ที่นำไปสู่การเคลื่อนที่ที่มักพบในซิลิโคนและสามารถแก้ไขปัญหา รูปทรงเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น หรือยุบลงในGore-tex ได้
แต่มันก็มีข้อเสียเช่นกันคือ ด้วยความที่มันมีGore-tex เคลือบอยู่ที่ผิวด้านบนของซิลิโคน ทำให้แพทย์ไม่สามารถปรับแต่งหรือเหล่ารูปทรงของซิลิโคนบริเวณนั้นได้ เพราะเมื่อเหลาหรือตัดออกก็จะทำให้Gore-tex ที่เคลือบหลุดออกไป จึงไม่ต่างอะไรกับการเสริมด้วยซิลิโคนเพรียวๆ
4. Cartilge
นิยมใช้เสริมปลายจมูก ป้องกันการทะลุของซิลิโคน
เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหูกับดรีมคลินิก เป็นเทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกแบบใหม่โดยใช้เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนหลังหูมาใช้เสริมจมูกซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่าการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนแบบธรรมดา โดยจะลดความเสี่ยงของปัญหาจมูกเบี้ยวและซิลิโคนทะลุออกมานอกจมูกได้
ปลายจมูกเป็นส่วนที่ต้องระวังมากที่สุดในการเสริมจมูก เพราะความงามของจมูกขึ้นอยู่กับปลายจมูกมาก แต่ในคนเอเชียหลายคนมีปัญหามีโครงสร้างจมูกเล็ก หรือมีปัญหาจมูกสั้นซึ่งการเสริมซิลิโคนเพียงอย่างเดียวในปริมาณมากอาจทำให้เกิดปัญหาจมูกผิดรูปหรือซิลิโคนทะลุได้ จึงต้องอาศัยเทคนิคการใช้เนื้อเยื่อตัวเองมาเสริมที่ปลายจมูกช่วยให้ปลายจมูกสวยได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้นปลายจมูกหนากลมใหญ่ก็เป็นอีกปัญหาใหญ่ของคนเอเชียซึ่งแพทย์ต้องวิเคราะห์ว่าเป็นการหนาจากชั้นผิวหนังหรือ หนาเพราะกระดูกอ่อนใหญ่หรือกางออก จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ถูกจุด เพราะการเสริมซิลิโคนธรรมดาเพียงอย่างเดียวมักจะไม่สามารถแก้ปัญหาปลายจมูกได้มากนัก
5. Allo derm graft
เนื้อเยื่อไขมันหลังหู
ใช้เสริมปลายจมูกหรือกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและสามารถใช้ในรายที่ผิวบางหรือเสริมเพิ่มเพื่อป้องกันผิวหนังทะลุใช้กันแพร่หลายในประเทศเกาหลี แต่ในเมืองไทยมีใช้น้อยมาก ราคาค่อนข้างสูงมาก
------------------------------------------------------------
BSK ของเรา
❌ไม่มีการบวกเพิ่มใดๆ ราคาที่เราแจ้งเป็นราคาโดยตรงจากโรงพยาบาล
มั่นใจได้ว่าราคานี้เท่ากับราคาที่ walk in ไปเองแน่นอนค่ะ หรือบางกรณีที่ลูกค้าทำหลายอย่างราคาก็สามารถลดได้อีก 10-20% ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ ให้ทุกท่านฟรี ดังนี้ ❤️
ให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนจากผู้เชี่ยวชาญ
โรงแรมฟรี(ตามโปร)
ล่ามดูแลนอก รพ
รถ รับส่งสนามบิน
บริการพรีเมี่ยม
โปรโมชั่นพรีเมี่ยม ทุกๆเดือน
ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมหรือปรึกษาศัลยกรรม
FB: https://www.facebook.com/bskbyjessica/
Line ID: @beautysecrets.k(มี@ด้วยนะคะ)
แอดไลน์ : @beautysecrets.k(มี@ด้วยนะคะ)
ภาษาไทย โทร : +82-10-48248980
blog : http://bskbyjessica.blogspot.kr/
★★★ BSK เป็นบริษัทเอเจนซี่ศัลยกรรมเกาหลีถูกกฎหมาย ★★★
1.Medical grade Silicone
แบ่งระดับความนิ่มเป็น ultra soft , soft , medium , Hard ซึ่งพบว่าในระยะยาวจะเกิดการหนาตัวจากแคลเซี่ยมมาเกาะ และ ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อมาหุ้มซิลิโคนเป็นแคปซูลไว้ ทำให้อาจเกิดรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปจากหลังทำใหม่ๆ หรือเคลื่อนที่ได้ จึงเกิดความบิดเบี้ยวของทรงได้ ปลายจมูกทะลุ
เป็นการศัลยกรรมจมูกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหตุผลคือเป็นการผ่าตัดเล็ก ง่ายต่อวิธีการดูแลรักษา และแก้ไขในรายที่มีปัญหา สามารถปรับแต่งทรงได้ค่อนข้างมาก ขึ้นกับข้อจำกัดทางโครงสร้างใบหน้าและจมูกของคนไข้
ชนิดของซิลิโคนแบ่งตามความนิ่มของตัวซิลิโคนโดยวัดจากเครื่องมือชนิดพิเศษที่ตรวจความนิ่มของหนังและผิวหนัง
เครื่องมือชนิดนี้ชื่อ Durameter โดยมี Scale ตั้งแต่ 0-90
Silicone ที่ นิ่มมากๆ ( Ultra Soflt ) จะมีค่าอยู่ที่ 11- 20
Silicone ที่ นิ่ม ( Soft ) จะมีค่าอยู่ที่ 21- 30
Silicone ที่ นิ่มปานกลาง ( Medium ) จะมีค่าอยู่ที่ 30-40
Silicone ที่ แข็ง ( Hard ) จะมีค่ามากกว่า 40 ขึ้นไป
สำหรับข้อดี-ข้อเสียของการเสริมด้วยซิลิโคนมีดังนี้
1) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของขนาดและรูปทรง (รูปร่างตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันสิ้นโลกรูปร่างก็ไม่เปลี่ยนแปลง)
2) เมื่อใส่เข้าไปในร่างกาย ร่างกายจะสร้าง Capsule (พังผืด) มาหุ้มตัวซิลิโคนไว้ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ Capsuleพวกนี้มีโอกาสรัดตัวซิลิโคนให้ผิดรูป หรือเคลื่อนที่ได้ (Capsule Contracture) ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ขึ้น ก็จะทำให้ดูเหมือนปลายจมูกสั้นเหมือนหมู หรือการเคลื่อนที่ลงจะทำให้ปลายจมูกแลดูมีหยดน้ำ โดยที่หลังเสริมใหม่ๆไม่มีหยดน้ำ
3) โอกาสติดเชื้อค่อนข้างสูงกว่าวัสดุอื่น
4) แต่ถ้าต้องการแก้ไขในกรณีจมูกเบี้ยวเอียง หรือไม่ชอบรูปทรงการเสริมด้วยซิลิโคนสามารถทำการแก้ไขได้ง่ายกว่าวัสดุแบบอื่น เพราะด้วยความที่มี Capsule หุ้มทำให้ตัว ซิลิโคนไม่ได้ยึดติดกับเนื้อเยื่อข้างเคียง
5 ) เมื่อเสริมไปนานๆ (ประมาณมากกว่า10ปีขึ้นไป)จะมี Calcium มาเกาะรอบๆ Capsule ได้ทำให้สามารถคลำ หรือเห็นได้จากภายนอก
2.ePTFE , PHDPE
เป็นวัสดุเดียวกับที่ทางการแพทย์นำมาทำหลอดเลือดเทียม เนื่องจากมีคุณสมบัติ ที่เนื้อเยื่อแทรกเข้าไปตามรูพรุนได้ จึงยึดได้แน่นไม่เคลื่อนที่ง่าย จีงเกิดโอกาสในการทะลุต่ำ รวมถึงไม่มีcapsuleพังผืด มาหุ้ม จึงไม่เกิดเรื่องจมูกเอียงหรือผิดรูปในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อจำกัดคือ รูปทรงเปลี่ยนแปลงโด่งขึ้น จากเนื้อเยื่อแทรกเข้าไปในตัววัสดุ และการที่ไม่มีcapsule มาหุ้มก็ทำให้เห็นขอบของวัสดุได้ง่าย รวมถึง ถ้าเสริมไปนานๆแล้วอยากแก้ทรง ก็จะทำได้ยากกว่าเพราะเอาออกได้ยากกว่า
Gore-tex คือ Polytetrafluoroethylene(ePTFE;Gore-Tex) และMedporก็คือ high-density polyethylene (PHDPE) ทางการแพทย์เราได้นำ ePTFE มาใช้สำหรับทำหลอดเลือดเทียม ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดเทียมสำหรับฟอกไต หรือเอาไว้ปิดช่องท้องกรณีไส้เลื่อนก็แล้วแต่โดยคุณสมบัติที่ดีของมันได้แก่
1) มีลักษณะเป็นรูพรุนขนาดเล็กที่ทำให้เนื้อเยื่อแทรกเข้าไปได้ (tissue ingrowth)
2) ใส่แล้วยึดแน่ติดไม่มีการเคลื่อนที่ไปมาได้ ไม่ว่าจะเคลื่อนที่ ขึ้นหรือลง ไปซ้ายหรือขวา ทำให้โอกาสในการเกิดการทะลุแทบไม่มี
3) โอกาสติดเชื้อต่ำ ซึ่งต่ำกว่าการเสริมด้วยซิลิโคนมาก
4) ไม่มี Capsule (พังผืดมาหุ้ม) ดังนั้นจะไม่เกิดปัญหาว่าเสริมไปแล้วนานๆ อยู่ดีๆจมูกเอียงหรือผิดรูป
แต่ข้อเสียของมันก็มีนะ!!!
1) รูปทรงอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเช่น เสริมไปแล้วอาจโด่งมากขึ้นเพราะมีเนื้อเยื่อเจริญเข้าไป หรือ อาจโด่งน้อยลงก็ได้ซึ่งยังบอกไม่ได้แน่ชัดว่าจากสาเหตุใด (แม้ว่าอเมริกาจะใช้วัสดุชนิดนี้มากว่า20ปี แต่เกาหลีเพิ่งเอามาเสริมจมูกไม่นานมานี้เองนะคะ)
2) จากที่มีเนื้อเยื่อแทรกเข้าไปในตัว Gore-tex ได้ทำให้ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไข โดยการถอดออกนับว่ายากยิ่ง
(ในกรณีที่เสริมด้วย Gore-tex แล้วเกิดการเบี้ยวเอียง หมอแนะนำว่าให้รีบแก้ไขใหม่ภายใน1-2เดือนหลังเสริม)
3) จากการที่มันไม่มี Capsule มาหุ้มทำให้เมื่อเสริมไปนานๆอาจเห็นขอบของตัว Gore-tex ได้ (การมี Capsule มาหุ้มก็ไม่ได้ไม่ดีเสมอไปนะ หลายคนเสริมจมูกด้วยซิลิโคนไปแล้ว ยิ่งนานยิ่งเนียนก็มีเยอะ)
3. Silitex
เป็นวัสดุผสมกันระหว่าง ซิลิโคน
และ ePTEF เพื่อลดข้อเสียของทั้งซิลิโคน และ ePTFE แต่มีข้อจำกัดเรื่องการเหลาปรับรูปทรงไม่ได้ เนื่องจากจะเหลาส่วนผิวที่เป็น ePTFE ออกไป
เป็นลูกผสมระหว่าง Silicone กับ Gore-tex อย่างที่กล่าวไว้ว่า ทั้งซิลโคนและGore-tex ต่างมีข้อดี และข้อสียที่แตกต่างกัน เลยเกิดลูกผสมระหว่างวัสดุ 2 อย่างนี้ขึ้น โดยตัววัสดุ จะเป็นซิลิโคนสำเร็จรูปที่ เคลือบผิวด้วย Gore-tex ฟังดูดีนะคะ เพราะสามารถแก้ไขในเรื่อง การเกิด Capsular Contracture ที่นำไปสู่การเคลื่อนที่ที่มักพบในซิลิโคนและสามารถแก้ไขปัญหา รูปทรงเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น หรือยุบลงในGore-tex ได้
แต่มันก็มีข้อเสียเช่นกันคือ ด้วยความที่มันมีGore-tex เคลือบอยู่ที่ผิวด้านบนของซิลิโคน ทำให้แพทย์ไม่สามารถปรับแต่งหรือเหล่ารูปทรงของซิลิโคนบริเวณนั้นได้ เพราะเมื่อเหลาหรือตัดออกก็จะทำให้Gore-tex ที่เคลือบหลุดออกไป จึงไม่ต่างอะไรกับการเสริมด้วยซิลิโคนเพรียวๆ
4. Cartilge
นิยมใช้เสริมปลายจมูก ป้องกันการทะลุของซิลิโคน
เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหูกับดรีมคลินิก เป็นเทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกแบบใหม่โดยใช้เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนหลังหูมาใช้เสริมจมูกซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่าการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนแบบธรรมดา โดยจะลดความเสี่ยงของปัญหาจมูกเบี้ยวและซิลิโคนทะลุออกมานอกจมูกได้
ปลายจมูกเป็นส่วนที่ต้องระวังมากที่สุดในการเสริมจมูก เพราะความงามของจมูกขึ้นอยู่กับปลายจมูกมาก แต่ในคนเอเชียหลายคนมีปัญหามีโครงสร้างจมูกเล็ก หรือมีปัญหาจมูกสั้นซึ่งการเสริมซิลิโคนเพียงอย่างเดียวในปริมาณมากอาจทำให้เกิดปัญหาจมูกผิดรูปหรือซิลิโคนทะลุได้ จึงต้องอาศัยเทคนิคการใช้เนื้อเยื่อตัวเองมาเสริมที่ปลายจมูกช่วยให้ปลายจมูกสวยได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้นปลายจมูกหนากลมใหญ่ก็เป็นอีกปัญหาใหญ่ของคนเอเชียซึ่งแพทย์ต้องวิเคราะห์ว่าเป็นการหนาจากชั้นผิวหนังหรือ หนาเพราะกระดูกอ่อนใหญ่หรือกางออก จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ถูกจุด เพราะการเสริมซิลิโคนธรรมดาเพียงอย่างเดียวมักจะไม่สามารถแก้ปัญหาปลายจมูกได้มากนัก
5. Allo derm graft
เนื้อเยื่อไขมันหลังหู
ใช้เสริมปลายจมูกหรือกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและสามารถใช้ในรายที่ผิวบางหรือเสริมเพิ่มเพื่อป้องกันผิวหนังทะลุใช้กันแพร่หลายในประเทศเกาหลี แต่ในเมืองไทยมีใช้น้อยมาก ราคาค่อนข้างสูงมาก
------------------------------------------------------------
BSK ของเรา
❌ไม่มีการบวกเพิ่มใดๆ ราคาที่เราแจ้งเป็นราคาโดยตรงจากโรงพยาบาล
มั่นใจได้ว่าราคานี้เท่ากับราคาที่ walk in ไปเองแน่นอนค่ะ หรือบางกรณีที่ลูกค้าทำหลายอย่างราคาก็สามารถลดได้อีก 10-20% ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ ให้ทุกท่านฟรี ดังนี้ ❤️
ให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนจากผู้เชี่ยวชาญ
โรงแรมฟรี(ตามโปร)
ล่ามดูแลนอก รพ
รถ รับส่งสนามบิน
บริการพรีเมี่ยม
โปรโมชั่นพรีเมี่ยม ทุกๆเดือน
ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมหรือปรึกษาศัลยกรรม
FB: https://www.facebook.com/bskbyjessica/
Line ID: @beautysecrets.k(มี@ด้วยนะคะ)
แอดไลน์ : @beautysecrets.k(มี@ด้วยนะคะ)
ภาษาไทย โทร : +82-10-48248980
blog : http://bskbyjessica.blogspot.kr/
★★★ BSK เป็นบริษัทเอเจนซี่ศัลยกรรมเกาหลีถูกกฎหมาย ★★★
กระทู้เพิ่มเติมหมวดหมู่เดียวกัน
- Endotine คืออะไร ใครควรทำ
- สาวๆหนุ่มๆ คนไหนกำลังกลุ้มใจ มีปัญหาหัวล้าน ผมร่วง ผมบาง หรืออยากได้แนวผมที่สวย มารวมกันตรงนี้เลยค่ะ
- [รีวิวจัดฟันแบบใส] อยากฟันเรียงสวยแต่ไม่มีเวลาเข้ามาคลินิกทุกเดือน
- รีวิวผ่าตัดขากรรไกร แก้ปากอูม แบบละเอียดยิบ 12 วันไปงานได้แล้ว ไม่มีสายเดรน ไม่ต้องจัดฟันก่อน
- โดนเพื่อนช็อตฟีลตั้งแต่เด็กว่ากรามใหญ่ แค่นั้นไม่พอยังโดนคนที่บ้านช็อตอีก