[[ รีวิว ]] ดูดไขมัน และแก้ไขปัญหากวนใจที่มาพร้อมกับวัยบนใบหน้า @รพ.เกาหลี!!!

ss_ppink12

สมาชิกโดดเด่น
Registered
เข้าร่วม
4 มิถุนายน 2019
ข้อความ
14
PEMIKA ONE LIFE STORY: PLASTIC SURGERY @BANOBAGI

สวัสดีค่ะ เห็นหลายๆกระทู้รีวิวศัลยกรรมเกาหลีแล้ว เราก็อดใจไม่ได้ที่จะแบ่งปันข้อมูลการทำศัลยกรรมที่เกาหลีของตัวเองบ้าง
ก่อนอื่น แนะนำตัวก่อนค่ะ

ชื่อจริง เปมิกา อายุ 43ปี ชื่อเล่นปูเป้คะ หรือเรียกสั้นๆง่ายๆว่า เป้ ก็ได้คะ จะพี่เป้ น้องเป้ หรือจะเรียกเป้ เฉยๆก็ได้
(ส่วนป้าเป้ ไม่จำเป็นอย่าเรียก เลยเนอะ ^^)



จุดเริ่มต้น “ทำไมอยากทำศัลยกรรม”

...แล้วทำไมถึงอยู่ๆถึงทำศัลยกรรม ? นี่เป็นคำถามจากเพื่อนๆที่รู้จักกันดีในแวดวงการทำงาน รวมถึงคนใกล้ตัว เพราะเป้เองไม่เคยเกริ่นหรือมีวี่แวว ที่อยากจะทำศัลยกรรมมาก่อนเลย คือจะเฉยๆมาก ก็ ไม่ได้แอนตี้หรืออะไรเพียงแต่ ไม่ได้สนใจอยากทำมาก่อน

แต่จริงลึกๆแล้ว ตัวเองมีความ “ อยากสวย” ในใจมาตลอด แต่ไม่เคยบอกใครและก็คิดว่า มันคงไกลตัวเรา แล้วก็ยังไม่ได้นึกถึงการไปทำศัลยกรรม
คือทุกคนก็มักจะบอกว่าเฮ่ย หน้าเราโอเคนะ ไม่มีปัญหาอะไร (ดูจากรูปปัจจุบันก่อนทำ นะคะ) ....... แต่...เพื่อนๆคะ ที่จริงๆแล้ว เป้ มีปัญหานะคะ 5555!!!




**ปัญหาจากวัยค่ะ เพื่อนๆ**

ดูจากอายุ เป้อายุ 43 ปี แล้วนะคะ คือแม้เราดูแลผิวภายนอกได้ดีก็จริง แต่ด้วยปัญหาของวัย ความหย่อนคล้อยตามอายุจริง เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ มันเป็นธรรมชาติมนุษย์ คะ เมื่อถึงเวลา ก็ต้องมีมาตามกาล

แล้วทีนี้ ยิ่งนานวันปัญหาก็พอกพูนตามวัยของเราเลยคะ ปัญหาของเป้ตอนนี้ คือ

• ชั้นตาตก (ทำให้ตาไม่เท่ากัน) ,

• ถุงใต้ตาที่เป็นกรรมพันธุ์มาตั้งแต่เด็ก
(ทำให้ตาดูเหนื่อยและล้าง่าย) ,

• ร่องลึกข้างแก้ม, (ทำให้เราดูแก่กว่าวัยคะ)

• ไขมันสะสมที่ข้างแก้ม, (เรียกเองว่าเหนียง)

• จมูกเบี้ยว โพรงจมูกบิด ทำให้เป็นหวัดและเป็นไซนัสได้ง่ายมาก และไม่มีดั้งด้วยคะ 555
(เคยลองจินตนาการถึงดั้งโด่งๆกะเค้าเหมือนกันอยากทำแต่ยังไม่กล้า)




และจุดสุดท้าย คือ* จุดนี้พีคสุดๆ

• อยากเอาไขมันสะสมออกจากร่างคะ
จุดนี้หลายคนไม่รู้แน่นอน หรือไม่เคยสังเกตุ คือเป้ เป็นคนตัวใหญ่นะ แต่แขน ขา จะเล็ก เหมือนไม่สมส่วน อันนี้เป็นมาแต่เด็ก ลำตัว/เอว/ต้นขา จะหนามาก แล้วระบบเผาผลาญเราไม่ดี ทำให้มีไขมันสะสมง่ายกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว

พออายุมากขึ้นส่งผลกับร่างกายคือเหนื่อยง่าย หอบ ก็พยายามออกกำลังกายคะ ช่วยได้ประมาณนึง มีลดลงบ้าง แต่ไขมันนั้นยังอยู่ค่า ไม่ลงง่ายคะ คือน้ำหนักลดแต่ไขมันไม่ลง






ทีนี้ถ้าเราจะเอาไขมันสะสมเหล่านี้ออก ก็คิดเองละคะว่าคงต้องเพิ่งเทคนิคทางการแพทย์เข้าช่วย
(ลึกๆในใจสำหรับผู้หญิงจะวัยไหน ก็ อยากสวย เสมอจริงมั้ยคะ )

เลยคิดว่าถ้าหากเราเองมีโอกาสที่จะทำศัลยกรรมได้จะเป็นยังไงนะ
จะทำได้มั้ย
ถ้าทำจะต้องทำอะไรบ้าง?
ทำเสร็จแล้วจะเป็นยังไง ?
คือคำถามในหัวมีเยอะมากคะ จะว่ากลัวก็แอบกลัวนิดๆ แต่เป้าหมายที่มีมันใหญ่กว่า คือ “เราอยากสวยสักครั้งในชีวิต" ถ้าทำได้อะนะ ^^

และนี้ก็ยังคงเป็นแค่ความคิดแน่ๆ คือเป้ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในเร็ววัน จนได้มาเจอกับเพื่อนที่รู้จักกันเค้าทำงานในแวดวงศัลยกรรม (แบบอินไซด์เลย)
เราก็มีโอกาศได้คุยกันแล้วรู้ถึงความต้องการของเรา เพื่อนบอกว่าสิ่งที่เราคิดเป็นไปได้ ไม่ยากเลยด้วย
(พี่ไม่ต้องมานั้ง “ฝัน”อีกต่อไปแล้วนะ)

ทำเลย ง่ายมาก ปลอดภัยแน่นอน และก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดด้วย เพราะว่าเราสามารถเลือกทำกับโรงพยาบาล หรือคลินิกที่มีประสบการณ์ และมีความน่าเชื่อได้ เช็คข้อมูล โรงพยาบาลได้หใด ไม่ต้องกลัว
เพราะศัลยกรรมมีมานานแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ มีคนทำมาเยอะแล้ว

ก็เป็นช่วง ค้น & คุ้ยคะ หลังจากซุ่มเข้าดูข้อมูลอยู่นาน เป้ก็สนใจที่นี่เลยค่ะ โรงพยาบาลบาโนบากิค่ะ เป็นโรงพยาบาล ด้านศัลยกรรมที่มีชื่อเสียง อันดับต้นๆในประเทศเกาหลีเลย
มีมาตราฐาน มีเทคโนโลยี และมีความปลอดภัยสูง
น่าเชื่อถือมาก จัดเป็นโรงพยาบาลทำศัลยกรรมที่ดังมากที่เดียวคะ แล้วที่สำคัญคือ ที่รพ.บาโนบากิ เป็นโรงพยาบาลที่ร่วมทำศัลยกรรมให้กับรายการ Let Me In Thailand ของไทย และLet Me In Korea ในเกาหลีด้วย แล้วยังมีอีกหลายรายการเลยค่ะ

รีวิวคนทำจริงๆก็เยอะมากๆ รวมทั้งดารา นักแสดง ในประเทศไทยหลายคน บินไปทำศัลยกรรมที่ รพ.บาโนบากิ ด้วย คือดูข้อมูลแล้ว ก็อยากทำมากๆเลยคะ
อีกอย่าง หลังจากดูรีวิวแล้ว ศัลยกรรมก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ยิ่งดูในรายการ Let Me In ทั้งของไทยและเกาหลีแล้ว บอกได้เลยคะ ว่าศัลยกรรม ไม่ใช่แค่ ช่วยให้คนเราสวยหรือหล่อขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่มันคือการเปลี่ยนชีวิตของคน คนนึงไปตลอดกาล จริงๆ

เป้เอง ก็เปลี่ยนทัศนคติจากเดิมไปเลยค่ะ เพราะเคยคิดว่าศัลยกรรมคือทำให้คนที่อยากสวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จริงๆไม่ใช่เลย ศัลยกรรมสามารถมาช่วยแก้ปัญหาในชีวิตเราได้ ทำให้การใช้ชีวิตของบางคนที่มีร่างกายไม่สมบรูณ์ หรือจากการเกิดอุบัติเหตุ การศัลยกรรมก็ช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้นได้

หลายคนได้ใช้ชีวิตได้ปกติมาก คือไม่ว่าจะด้านไหน ศัลยกรรมคือการช่วยเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้นได้จริงๆคะ

จุดนี้อินมากแล้ว ตัดสินใจเลย อยากทำ ก็ลองติดต่อปรึกษากับโรงพยาบาล อยากรู้งบประมาณ และความเป็นไปได้ ซึ่งทางโรงพยาบาลบาโนบากิก็น่ารักมากค่ะ มีล่ามคนไทยพูดคุย ปรึกษา โต้ตอบเป็นภาษาไทยเลย ไม่มีปัญหาด้านการสื่อสาร คุยกันอยู่นานค่ะ มีส่งรูปเป้ไปให้ดูก่อนแล้วประเมินงบประมาณ พอจะทราบรายละเอียดคร่าวๆ แล้ว ทาง รพ.เลยนัดให้เราบินไปเกาหลีเพื่อพบที่ปรึกษาและพบคุณหมอ เพื่อดูเคสจริงกันอีกรอบก่อนผ่าตัด
คือตอนนี้ คิดในใจค่ะ ถ้าทำได้ จะทำเลย ไม่อยากรอเวลาให้ผ่านไป คือ “อยากสวยสักครั้งในชีวิต” คีย์เวิร์ด นี้พุดขึ้นมาในใจชัดเจนมาก

V

และก็ตัดสินใจทำที่นี่ค่ะ !

เดินทางมาถึงเกาหลีก่อนผ่าตัด 3วัน มาเตรียมตัวก่อนเข้าปรึกษาคุณหมอ ที่รพ. บาโนบากิ พอมาถึงก่อนเราก็เดินชิวค่ะเที่ยวเก็บเกี่ยวบรรยากาศ สบายๆ เอาจริงๆช่วงนี้ยังไม่ตื่นเต็นเท่าไหร่คะ ยังสบายๆอยู่ ไปเดินเที่ยว แถวกังนัม สนุกสนานเลยคะ

และแล้ววันนัดปรึกษาก็มาถึงค่าา เดินทางไปถึงก็เจอน้องที่เป็นล่ามคนไทยมารับ ทักท้ายกันแนะนำข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับการเตรียมตัวศัลยกรรม พาไปถ่ายรูป ทำประวัติคะ ช่วงนี้แหละคะเริ่มตื่นเต้นแล้ว 555 เขินคุณพยาบาลด้วยคะ แบบว่าต้องถ่ายทุกมุมเลย ><






ก่อนจะพบคุณหมอ จะมีการพบกับเจ้าหน้าที่ Consult กันก่อนนะคะเพื่อคุยรายละเอียดการทำว่าเราจะทำอะไรบ้าง ควรทำแบบไหน แล้ววิธีการทำเป็นอย่างไร (ข้อมูลละเอียดมากคะ)
ถึงเวลาพบคุณหมอ ก็แบบสบายๆเลยคะน้องๆที่เป็นล่ามพูดไทยแปลให้เรา สื่อสารกับคุณหมอแบบคำต่อคำเลยเปะมากคะขอบอก บรรยากาศเป็นกันเอง คุณหมอน่ารักมากคะ จะถามเราว่า เราต้องการอยากทำแบบไหน หรือกังวลตรงจุดไหนมากที่สุด ถ้าแก้ไขแล้วเราจะแฮปปี้มากที่สุด โอ้โห้ ตรงเป้าเลยคะ 5 จุดที่คิดไว้ เราก็บอกคุณหมอไป คุณหมอจะแนะนำสิ่งที่เหมาะกับเรา ว่าจะทำแบบไหน จะแก้ไขแต่ละจุดอย่างไร
รอบแรก เราจะทำทั้งหมด 4 จุดก่อนคะ

จุดแรก 1.
ยกหน้าผาก เพื่อทำให้ชั้นตาชัดขึ้น แทนการทำตา2 ชั้นใหม่ (เดิมเป้อยากทำตาใหม่) ซึ้งคุณหมอแนะนำว่าชั้นตาเดิมยังดี เพียงแต่หนังตาเราตก ลงช่วงว่างระหว่างคิวและตาใกล้กันมาก หากเราปรับเป้นการยก คิ้วขึ้น จะทำให้ ชั้นตาเดิมเราชัด โดยไม่ต้องกรัดใหม่ และให้ช่งงหน้าผากเราดูตึงขึ้นเหมือนตอนเราวัยรุ่น (ว้าวตรงนี้ 555)

จุดที่ 2.
ขจัดถุงใต้ตา โดยการเกลี่ยไขมันใต้ตาใหม่ ใช้การเย็บใต้ตาล่าง จะไม่เห็นรอยแผล ทำให้ไขมันไม่เป็นถุง ทำหน้าดูไม่โทรมง่าย

จุดที่ 3.
การลดไขมันที่แก้ม แต่เดิมเป้คิดว่าตรงนี้คือ ผิวหย่อนคล้อย หรือเรียกเองว่าเหนียงค่ะ เพราะจะเป็นเนื้อเหลือๆ ข้างแก้มใกล้กรามแล้วผิวเริ่มเป็นร่องๆตรงนี้ จึงอยาก เก็บหรือกระชับขึ้น ซึ้งคุณหมอบอกว่าผิวเรายังไม่หย่อนคล้อย แต่เป็นไขมัน สามารถเอาออกได้ ร่องผิวก็จะหายไปไม่ต้องยกอะไรค่ะ

จุดที่ 4.
ดูดไขมันทั้งตัว จุดนี้พีคสุดคะ ตรงนี้คุณหมอจะถามเลยว่าจุดตรงไหนที่เรากังวลสุด ถ้าหายไปแล้วเราแฮปปี้ เอาจริงๆ ทุกจุดเลยคะ คือเป้เป็นคนแขนขาเล็ก แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเราตัวใหญ่ เวลาใส่เสื้อผ้าต้องเลือกพลางดีๆ ไม่งั้นจะไม่สวย ทำให้เราไม่มั่นใจ คุณหมอทราบว่าเราพอออกกำลังกายมาบ้าง เพราขาเรามีกล้ามเนื้อพอควร ตรงนี้คุณหมอก็เริ่มมาร์คๆจุด ในชาร์ทไว้คะว่าตรงไหนบ้าง พรุ่งก่อนเข้าห้องผ่าตัด มามาร์ดจริงที่ตัวอีกที

จาก 4 จุดที่ว่ามานี่ ผ่าตัดพรุ้งนี้พร้อมกันนะคะ คุณหมอให้กลับไปเตรียมตัว อดน้ำอาหาร หลังเที่ยงคืนวันที่ 8 เตรียมตัวผ่าตัดวันที่ 9 เลย ที่ได้ผ่าตัดเลย เพราะเป้ได้มีการปรึกษา กับทาง รพ. บาโนบากิ ไว้ก่อนแล้ว เลยได้บุคคิวไว้ พอมาปรึกษาปุ๊ปก็ มีคิวทำได้เลยคะ มาเอาใจช่วยกันนะคะ พรุ้งนี้ผ่าตัดใหญ่ ครั้งแรกของเป้ ครั้งแรกของการศัลยกรรม ที่ยิ่งใหญ่ แลังการสำหรับตัวเองมาก จะไหวมั้ย จะเป็นยังไง เอาใจช่วยด้วยนะคะ



 
หลังผ่าตัดวันแรก Day 0 และ 1
หลังผ่าตัด พักฟื้นที่ รพ. บาโนบากิ ที่ชั้น 6 เป็นห้องพักส่วนตัวค่ะ มีพยาบาลดูแลตลอดทั้งคืน
หลังผ่าตัดหลับดีค่ะ จะมีตื่นเป็นช่วงๆ 2-3 ช.ม. ตื่นทีเพราะหิวน้ำ และเมื่อยตัว แต่ไม่ยังรู้สึกเจ็บนะคะ ออกแนวระบมตึงๆ ตามตัวมากกว่าเพราะเราดูดไขมันทั้งตัว ส่วนบริเวณที่หน้านี่ปกติดมากค่ะ ไม่รู้สึกเจ็บเลย ช่วงเช้าประมาณ 9.00 โมงได้นะคะ คุณหมอที่ผ่าตัดให้เจ้ามาตรวจถามอาการแต่เช้าเลย (ซึ่งถือว่าคุณหมอมาเช้ามากค่ะ เพราะปกติ โรงพยาบาลจะเปิดทำงานตอน 10.00โมง ซึ่งเป็นเวลาทำงานปกติของโรงพยาบาลที่เกาหลี)
มาพร้อมทีมพยาบาล ซักถามอาการ และดูว่าเราเป็นยังไงบ้างได้ปกติมั้ย ปวดหัวมั้ย หนาวมั้ย จากนั้นก็ ให้ถอดผ้าพันตัว และแขนขาออก ใส่ชุดคลุมคนไข้ของโรงพยาบาล (ทั้งคืนนั้น เป้ใส่ชุดผันแผลมัมมี่ทั้งคืนนะคะ ถ้าถามว่าปัสสาวะยังไง ตอบเลย ใส่สายปัสสาวะครั้งแรกก็ที่นี่แหละค่า 55 เขิน แต่สบายตัวไม่ต้องลุกไปฉี่เอง ^^)
คุณหมดเช็ค Condition ต่างๆ จากที่เราผ่าตัดเมื่อวาน
1. ดูดไขมันทั้งตัว
และที่ใบหน้า จะมี2-3 จุดก็คือ
2 มีรอยไหมยกกระชับหน้าผาก (ตอนนี้มีลวดหรือแม็คตึงไหมไว้อยู่ด้วยคะ แต่ไม่เจ็บเลยนะคะแค่รู้สึกตึงๆที่หัวเท่านั้นเองคะ
3.เกลี่ยไขมันใต้ตา
4.ดูดไขมันใต้คาง
5.ฉีดไขมันดี ที่คิว ร่องแก้ม ใต้ค้าง ข้างแก้ม
โอ้โห้ว หลายรายการนะคะเนี้ย55 ถึงบอกว่ารอบนี้ผ่าตัดใหญ่คะ 9 ชม. ยาวนานและใหญ่ที่สุดในชีวิตจริงๆ ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ทำพร้อมกันในครั้งเดียวนะคะ ต้องปรบมือให้คุณหมอเลยค่ะ เก่งที่สุด
จนเรียบร้อยแล้วบอกว่าอาการเราค้อนข้างดี ตอนผ่าตัดก็เป็นไปด้วยดี หลังผ่าตัดร่่างกายก็ปกติและมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี ทั้งที่เราผ่าตัดใหญ่
วันนี้วันแรกหลังผ่าตัด คุณหมอย้ำว่า ให้ค่อยๆเดิน อาการเราค่อนข้างดีเลยไม่บวมมาก ให้ประคบเย็นที่หน้าเยอะๆ เพราะไขมันเพิ่งฉีด ยังไม่เกาะดี
ส่วนการเดิน ให้เราพยายามลุกเดิน อย่านอนนาน ค่อยๆเดิน ถ้าเหนื่อยหรือหน้ามืดให้หยุด คือคนที่ดูดไขมันทั้งตัวควรเคลื่อนไหว เดินเพื่อให้เลือดไหลเวียน ได้ดีและลดการบวมได้ไว เพราะการดูดไขมันทั้งตัว หลังผ่าตัดช่วงแรกๆ3-4 วันจะบวมมากหน่อย มีการระบมตามตัว การเดินจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี และลดบวมได้เร็วขึ้น (อันนี้อะธิบายนิดนะคะ
ช่วงวันนี้ ตัวจะบวมมากๆ มีน้ำไหลออกจากรอยแผลบางจุด ซึ่งอันนี้ปกตินะคะ ทางทีมพยาบาลบอกว่าปกติสำหรับคนดูดไขมัน เพราะการดูดคือ วิธีการนำน้ำเข้าไปในร่างกายเราแล้วดูดออกมาพร้อมไขมัน ประมาณนี้ พอหลังจากผ่าตัดเสร็จบางคนจะมีน้ำไหลจากแผล มากน้อยแล้วแต่คนค่ะ ของเป้น่าจะมากหน่อยๆ 555 ใช้ผ้าพันแผลไว้แล้วเดินต่อคะ จะบอกว่าแผลที่น้ำไหลออกมาไม่เจ็บนะคะ ตัวเราจะบวมปกติ เลยตามสเต็ป ทานข้าวได้ เข้าห้องน้ำเองได้ ต้อนลุก นั่ง นี่ต้องระวังหน่อยนะคะวันนี้ ยังมีอาการมึนยา จากการผ่าตัดอยู่จะหน้ามืดได้ง่ายคะ
วันนี้ทั้งวันเป้ก็จะเดินลากสายน้ำเกลือ เดินทางทางเดินหน้าห้อง เพื่อลดบวม
วันนี้เป้สบายค่ะ ไม่อาเจียน ไม่ปวดหัว ผ่านฉลุยคะ ^^
ช่วงเย็นมีกำลังใจมาเยี่ยมเพียบเลยค่า รวมทั้งน้องล่ามที่พูดเกาหลีได้ มาถามไถ่อาการ แล้วบอกว่า คุณหมอบอก อาการเราดีมาก ฟื้นตัวดี ให้เราเตรียมตัวกลับบ้านได้เลย พรุ่งนี้ คืนนี้ให้ย้ายไปพักที่ เกสเฮาส์ของโรงพยาบาล ( ว้าวโรงพยาบาลมีเกสเฮาส์ด้วยอะเก๋มาก) แต่ที่นี่เป็นเกสเฮาส์เฉพาะ คนไขผู้หญิงเท่านั้นนะคะ จะไม่ให้ผู้ชายเข้า ดั้งนั้นที่นี่จะปลอดภัยมาก อยู่ติดกับโรงพยาบาลเลยคะ พอไปถึงโอโห้ ดูดี ค้อนข้างหรูเลยค่ะ นอนสบาย อุปกรณ์พร้อม เหมือนโรงแรมเลยคะ เป้พักที่นี่ 1 คืน พรุ้งนี้กลับบ้าน เอ้ยกลับโรงแรมเราเองคะ ไว้มาเล่าให้ฟังต่อนะคะ ว่าหลังผ่าตัดวันที่ 2จะเป็นยังไง ^^




หลังผ่าตัดวันที่สอง Day 2
ขออัพเดทอาการกันต่อเลยนะคะ เพื่อนๆหลายคนอยากรู้แล้วแน่เลยว่า วันที่ 2 จะเป็นยังไงนะ
วันนี้นอนได้นานขึ้นค่ะ ได้มาพักที่เกสเฮาส์ของ รพ.บาโนบากิ หลับสบายมาก หลังจากตื่นมาก็ลองขยับตัวแล้วลงเดินตามที่คุณหมอแนะนำ (คนดูดไขมันต้องหมั่นเดินบ่อยๆนะคะ)
รู้สึกขยับตัวได้มากขึ้น กว่าวันแรก แต่ก้ยังมีเจ็บๆอยู่ ส่วนอาการเจ็บตรงที่เอวน้อยลง (จุดนี้ดูดเยอะสุดค่ะ)
แล้ววันนี้รู้สึกจะมีอาการปวดหัวนิดหน่อย จากวันแรกที่ไม่รู้สึกอะไรเลย น่าจะหมดฤทธิ์ยาแล้ว ก็เลยเป็นการปวดหัวปกติ สำหรับคนที่ยกหน้าผาก (ของเป้รอยไหมยึด ช่วงแรกจะมีเหล็กอ่อนยึดอยู่ เดี๋ยวจะเอาออก ก็จะเหลือแต่ไหมละลาย ) คุณหมอบอกไว้แล้วว่าจะมีอาการปวดหัวนิดหน่อยในช่วงแรก เป็นปกติ ให้ทานยาตามเวลา จะดีขึ้น ที่จริงตรงนี้ปวดเบากว่าที่คิดไว้เยอะ เพราะแทบไม่รู้สึกเลย ผ่าตัดครั้งนี้ที่ใบหน้าที่คุณหมอทำหลายอย่าง แต่ไม่รู้สึกเจ็บเลย
รู้เลยว่าคุณหมอเก่งและชำนาญมากๆ
ส่วนเรื่องการดูดไขมัน จะมีอาการน้ำออกที่ขา ยังมีอยู่ แต่จือจางลงมาก ช่วงสายๆ ก็หายแล้วค่ะ
ส่วนที่ตา (ทำการเกลี่ยไขมันใต้ตา เย็บในเปลือกตาล่าง) วันนี้รู้สึกมีขี้ตาเยอะกว่าเมื่อวาน แต่พอหยอดตาแล้ว ขี้ตาหลุดง่าย เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น (ยาเค้าสุดยอดจริงๆ)
และวันนี้ปัสสาวะได้มากขึ้นกว่ามือวานเยอะค่ะ 55 ทำไมต้องบอกเรื่องนี้ เป้ว่ามันก็สำคัญนะ เพราะดูดไขมัน มันก็เกี่ยวกับระบบข้างในเราเนอะ ถ้าร่างกายเรายังทำหน้าที่ได้ดีแสดงว่าการผ่าตัดดีมากไม่มีผลข้างเคียง ไม่ได้ทานอะไรหนักคะช่วงนี้ทานแต่โจ๊กข้าวต้ม ล้วนๆ วันนี้จะออกจากเกสเฮาส์ แล้ว กลับโรงแรมที่พักเรากันคะ ได้ยามาพร้อม เดินได้สบายค่า อาจจะเดินช้าๆก่อนนะคะ เพราะยังระบมอยู่ เป้ก็ค่อยๆเดินบ่อยๆ อย่างอยู่ในห้องก็เดิน เพื่อให้เลือดเราไหลเวียน ลดบวมได้เร็วขึ้น (อยากไปเดินช็อปปิ้งเลย555)
กลับมาที่พักก็เดินรอบโรงแรมเอา เดินใกล้ๆ แต่เดินถี่หน่อย พักผอนให้เต็มที่ คุณหมอบอกเราจะฟื้นตัวเร็วขึ้น จริงนะคะ ^^
อาการวันที่ 3 กันจะเป็นยังไงบ้าง รอติดตามนะคะ


 
สนใจเข้ากลุ่มแชร์ประสบการณ์ศัลยกรรมได้นะครับ โอเปิ้ลคอยตอบปัญหาอยุ่ตลอด https://www.facebook.com/groups/dodeden/
 
หลังผ่าตัดวันที่ 3
วันนี้ตื่นมามีอาการปวดหัวตึบๆพอประมาณ ไม่มากพอทนไหว ยังไม่ต้องทานยาแก้ปวด แต่มีอาการระคายคอมาก ไอเกือบตลอดเวลา พอไอมากก็อาเจียน (มีแต่น้ำๆออกมา) พอนอนก็จะมีอาการระคายคอทันที
การเดิน รู้สึกเดินได้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานค่ะ แต่รู้สึกตึงๆที่ขามากๆ ปวดน้อยลง ทำความสะอาดล้างแผลที่หัวแต่ตอนนี้ยังไม่ได้สระผม เช็ดตัวเอาค่ะ (ยังชุดเดิมอยู่เลย ><) เพราะกลัวโดนแผล
วันนี้ค่อนข้างปวดหัว น่าจะจากแม็กที่ดึงหัว

มีฝึกเดินขึ้นบันไดค่ะ ขึ้นลง 3 ชั้น ไปร้านสะดวกซื้อได้แล้วค่าา
ช่วงเย็นนี้ รู้สึกว่าใต้ตาซ้ายบวมตุ่ยๆขึ้นมา แต่ไม่เจ็บนะคะ(ตาขวาไม่บวมคะ)







หลังผ่าตัดวันที่ 4
รู้สึกเดินได้คล่องขึ้น ตัวยังบวม ตึงๆ เจ็บน้อยลง แต่ยังมีจุดเจ็บตามเอวหลัง ต้นแขน และขาที่ตึงมาก
ส่วนใต้ตาที่ปวดจากเมื่อวานก็ลดลงแล้ว แต่ก็ยังมีบวมๆอยู่
ส่วนตา วันนี้รู้สึกดีมาก ขี้ตาน้อยแทบไม่มีเลย
มีอาการปวดตุบๆ ตึงๆ ที่ตรงรอยเย็บลวดแม็กที่หัว 5 จุด แต่ไม่มากโดยรวมดีขึ้น วันนี้ว่าจะออกไปซื้อของ (ใส่ชุดเดิมมา 4วันแล้วอยากเปลี่ยน 55)
วันนี้ยังใส่ชุดรัดรูปที่ได้มาจากโรงพยาบาลไม่ได้ (ชุดรัดรูปสำหรับคนที่ดูดไขมัน) เพราะตัวยังบวมอยู่ ไม่เคยรู้สึกตัวบวมแน่นอย่างนี้มาก่อน หลายๆคนบอกว่าแบบนี้ปกติมาก เป้ค้อนข้างฟื้นตัวไวด้วยซ้ำ เพราะเดินเก่งมาก55 อันนี้ทำตามคุณหมอที่แนะนำคะ ว่างเป็นเดินจำได้ว่าเคสดูดไขมันทั้งตัวแบบเราจะนอนเฉยๆไม่ดี ต้องขยันเดิน เป้ก็พยายามเดินตลอด แม้บางทีจะปวด ตึง แต่เราก็พยายามเพราะช่วงแรกเราต้องช่วยให้ร่างกายเราคล่องตัวเร็วที่สุด
วันที่4หลังผ่าตัด ความตึงปวดลดลงเยอะ เดินได้มากขึ้น ขึ้นลงบันได้ 3ชั้น ออกไปช็อปปิ้งได้แล้วนะคะ วันนี้ได้ไปเดินแถวโรงแรม ใกล้ๆ เป็นแหล่งช็อปปิ้งของกังนัมนี่แหละ พอกลับมาปุ๊ปพานั้งปั๊ป รู้สึกเลยว่า เมื่อยมาก 555 ตอนเดินแค่ตึงๆ แต่ตอนนี้เมื่อย เดินนานเริ่มปวดหัวหน่อยๆ ก็เลยทานข้าว ทายาเตรียมนอนดีกว่า
ช่วงเย็นมาสังเกตุคะว่า ตรงคางเราบวมๆหน่อย เอ๊ะหรือไขมันจะย้อย รีบสอบถาม กับทาง รพ. ซึ่งจะมีทีมล่ามคนไทยที่ช่วยดูแลเราอยู่ ค่อยแนะนำสอบถามอาการหลังผ่าตัด ซึ่งทางล่ามบอกว่า เป็นอาการบวมปกติ เป็นอาการบวมไล่ลงมาเรื่อยจากช่วงบนลงมา ที่จริงช่วงบนเป้บวมน้อยมาก ที่ศรีษะไม่บวมเลย คุณหมอบอกไม่ต้องพันแผลเลยค่ะ ปกติคนอื่นจะต้องพันแผลกันบวมอยู่ 3 วัน แต่ของเป้ไม่ต้องพัน เพราะแผลดี ไม่บวม
ให้ดูแลเรื่องความสะอาด เช้าเย็นพอค่ะ
วันนี้ก็เหนื่อยๆ เพลียๆเพราะเดินเยอะ หลับพักผ่อนก่อนนะคะ แล้วจะมาอัพเดทอาการกันต่อนะจ๊ะ




 
สามารถไปลงประชาสัมพันธ์ในกลุ่ม แชร์ประสบการณ์ศัลยกรรมเกาหลี เพิ่มได้นะครับ https://www.facebook.com/groups/452462338470129/
 
หลังผ่าตัดวันที่ 5










หลังผ่าตัดวันที่ 6

ตื่นมาด้วยความตื่นเต้น เพราะว่าจะเป็นวันที่ผ่าตัดรอบที่2 (ตื่นเต้นยิ่งกว่ารอบแรกอีกค่ะ แปลกจัง 555 ) ก่อนอื่นอัพเดทอาการเดิมก่อน วันนี้อาการบวมที่หน้ายังมี แต่ลดลงจากเมื่อวานหน่อย ส่วนที่ศรีษะก็ยังตึงๆมากอยู่ แต่ไม่เจ็บ ส่วนตัวที่ดูดไขมัน ยังบวม และตึงๆอยู่ โดยเฉพาะตรงขาและแขน แต่ขยับได้เยอะขึ้น

วันนี้จะเป็นการผ่าตัดรอบ2 เสริมจมูกใช้กระดูกอ่อนหลังหู และตัดปีกจมูก เป็นผ่าตัดเล็ก จะใช้เวลา ประมาณ 3 ชม.

เป้จะกังวลกับจุดนี้มากเนื่องจากเป็นจุดที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งหน้าเรา จมูก ตา คือถ้าทำสวย จะสวยเลย เลยเป็นจุดเรากังวลว่าทำแล้วจะเป็นยังไงน้า แต่ก็มั่นใจในฝีมือคุณหมอมากๆค่ะ (คุณหมอบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง จะทำให้สวยๆเลย ^^ ปลื้มค่า มั่นใจ สวยชัวร์ 5555)

รอไม่นานก็ มีน้องล่ามภาษาไทย มารับเราไปห้องผ่าตัด จากนั้นพยาบาลก็ฉีดยานอนหลับให้คะ (รอบนี้ไม่ใช้ยาสลบนะคะ เพราะผ่าตัดเล็ก) ข้อดีของยานอนหลับคือ พอจะรู้นิดๆว่าคุณหมอทำอะไร แต่เราไม่เจ็บ ) ไม่นาน ก็เสร็จเรีบบร้อยคะ ออกมาก็จะตึงๆ แปลกนิดนึง (คนไม่เคยทำเนอะ) ความตึงอาจจะมาจากการดามเฝือกอ่อนด้วย และหลังหูขวาจะมีผ้าผันแผล จะตึงๆจี๊ดๆนิดนึงไม่เจ็บคะ (ใช้กระดูกอ่อนหลังหูมาเสริมปลายจมูกคะ) เลยจะมีแผลตรงนี้ด้วย


พอเสร็จก็ ขึ้นมานอนพักที่ห้องชั้น 6 รอหายมึนยา สักพักก็กลับบ้านได้คะ ผ่าตัดจมูก การไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล สามารถทำแล้ว กลับบ้านได้เลย




ซึ่งระหว่างเป้รอคนมารับ น้องล่ามภาษาไทยก็น่ารักมากไปซื้อยามาให้ไว้เรียบร้อย อธิบายการใช้ยาแล้ว แจ้งว่าพรุ้งนี้ให้มาล้างแผลที่โรงพยาบาล ผ่าตัดจมูกจะต้องมาเช็คแผลล้างแผลในวันถัดไปด้วย เพราะ รพ. จะเช็คแผลในจมูก เราต้องล้างข้างในจมูกมาดีๆ วันนึงจะต้องล้างเป็น 10 รอบนะคะ เพราะช่วงแรกที่ทำ เรามีทั้งแผล และน้ำหมูกตามทำธรรมชาติเรา ต้องค่อยดูแลให้สะอาดมากๆ เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการอักเสบคะ ช่วงนี้สำคัญมากนะเลยคะ ทาง รพ. ย้ำมา ตอนนี้ที่ต้องพกติดตัวเลย คือ นำยาล้างจมูก และคอตต้อนบัด ทิชชู คะ เอาไว้เช็ดทำความสะอาดจมูก ^^



หลังผ่าตัดวันที่ 7 (หลังผ่าตัดจมูก 1วัน)

หลังผ่าตัดจมูกเมื่อวานมา วันนี้ตื่นมามีอาการตึงๆ ตรงจมูก (ใส่เฝือกอ่อนอยู่) เมื่อคืนทั้งคืนจะเอาผ้าก๊อซพันสำลีรองไว้ใต้จมูก เป็นอาการปกติของคนทำจมูกใหม่ๆนะคะ ที่จะมีเลือดออกคล้ายๆเลือดกำเดา ต้องคอยซับออกให้สะอาด จะเป็นแค่แปบเดียวไม่นาน เช้ามาหายแห้งสนิท ส่วนตรงหน้าจะบวมเพิ่มมานิดๆ เป็นผลจากการทำจมูก ตอนนี้อาการผสมกันหลายอย่างเลยค่ะ 555 เพราะหน้าก็ยังมีบวมๆ จากการฉีดไขมัน (มีจุดที่เริ่มยุบลงบ้างแล้ว) แต่ไม่มีอาการปวดเลยคะดีงามมากจุดนี้ ^^




ส่วนที่ตัว ยังมีบวมและตึงๆอยู่ แต่ยุบลงเรื่อยๆ เดินคล่องขึ้นกว่าเมื่อวาน เช้านี้มีนัดล้างแผลที่ทำจมูก (เมื่อวาน) ที่โรงพยาบาล แผลที่ทำจมูก คุณขนตาปลอม้ำว่าเราต้องดูแลเรื่องทำความสะอาดเป็นพิเศษนะคะ ต้องล้างจมูกบ่อยๆ ให้สะอาด เพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบ

ไปถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาค่ะ รอน้องล่ามคนไทยมารับไปล้างแผลกับพยาบาลก่อนคุณหมอจะเข้ามาตรวจอีกรอบ ด้วยความที่เราดูแลตัวเองดีเคร่งครัดกับคำแนะนำในการดูแลตัวเอง คุณหมอให้ตัดไหมในส่วนที่ดูดไขมันได้เลย ครบ 7 วันพอดี คันนิดๆ เจ็บจิดๆ ตอนดึงไหมออก 555 แต่สบายมากเลยค่ะ



หลังตรวจเช็คล้างแผลตัดไหมเรียบร้อย ก็กลับบ้านค่ะ วันนี้รู้สึกเดินได้คล่องตัวมากขึ้น อาการบวมที่ตัวขา ลดลทุกวัน ตอนกลับเราก็เดินสำรวจแถวโรงแรมเพิ่มเลยจ้า พอดีแถวที่พักติดกับย่านช็อปปิ้ง ของโซลด้วย เดินเล่นเพลินๆ เกือบ2ชั่วโมงแหน่ะ ยืดขาได้ดีเลย กลับมานอนยกขาช่วยลดบวมได้อีกแบบนะคะ

ช่วงนี้รู้สึกร่างกายเราเริ่มเข้าที่ ฟื้นตัวขึ้นทุกวัน สิ่งที่ต้องระวังคือ งดของเผ็ด ของมีกลิ่นฉุน เพราะจะทำให้เราไอ จาม ระวังอย่าให้เป็นหวัดค่ะ เพราะจะทำให้มีน้ำมูกได้ เป้จะใส่เสื้อหนากว่าปกติไว้ตลอด แล้วก็ทานของจืดเป็นหลัก(พกโจ๊กมาเยอะเลยจากเมืองไทย 55)
 
หลังผ่าตัดวันที่ 8 (หลังผ่ตัดจมูก 2 วัน)

วันนี้ย้ายมาโรงแรมใหม่แต่เช้าเลยค่ะ อาการโดยรวมดีขึ้นมาก แต่หน้าอาจจะดูบวมอยู่ เพราะทำจมูกเพิ่ม
ส่วนตัวที่ดูดไขมันตอนนี้รู้สึกบวมน้อยลงมาก วันนี้ว่าจะลองใส่ชุดยะกระชับรัดรูป ^^

ทางรพ.แนะนำให้ ใส่วันละ 8 ชม ทุกวัน ประมาณ 2 เดือนค่ะ เพื่อกระชับผิวหลังจากดูดไขมัน ถ้าจะให้รูปร่างเข้าที่จริงๆก็ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนค่ะ เพิ่งลองใส่แรกเราก็กลัวนะว่าจะใส่ได้มั้ย ดูชุดมันเล็กจัง 555 ด้วยความที่ตัวเราก็ยังบวมๆเจ็บๆอยู่บ้าง แต่พอลองค่อยๆใส่ เฮ้ย..!! ใส่ได้อะ เยี่ยมมม อาจจะยัด

ยากหน่อย เพราะหลังจากดูดไขมันไปวันนี้ก็เพิ่งใส่ครั้งแรกอะเนอะ 555
ใส่ได้พอดีเป๊ะ พอใส่ชุดแล้วรู้สึก ตัวเราแน่นๆ เคลื่อนไหวได้ช้าลงกว่าเดิม อาจจะเพราะยังไม่ชินกันชุด เนื่ิองจากชุดเป็นผ้าตาข่ายแบบเนื้อแบบช่วยผยุงรูปร่างเราทั้งหมดเลย ค่อนข้างกระชับมาก



เป้คิดว่าต้องเคลื่อนไหวเยอะๆ เพื่อให้ชินกับชุด ว่าแล้วหลังใส่ชุดก็พากันไปเดินออกกำลังกายค่ะ
สำหรับคนดูดไขมัน การเดินเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องหมั่นเดิน เพื่อให้เลือดไหลเวียนจะลดบวมได้ดี และฟื้นตัวไวค่ะ
หลังจากเดินกลับห้องมาก็ต้องล้างแผลจมูกต่อค่า สำหรับคนทำจมูกเป็นเรื่องจำเป็นมากเช่นเดียวกันนะคะ ถ้าเราดูแลดีตั้งแต่ตอนนี้ จมูกเราก็จะหายไว สวยเร็ว ไม่อักเสบนะคะคุณขนตาปลอม้ำมา



ช่วงนี้ เป็นช่วงที่อากาศที่เกาหลีกำลังเย็นสบายดี เราก็ชิวมากจริงๆ การที่เรามาทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลที่มืออาชีพ ทำให้เราวางใจ อยู่กับทีมที่ช่วยดูแลเรา ให้คำปรึกษาได้ตลอด มีทีมล่ามคนไทยที่เราสามารถคุย ปรึกษาอาการได้ตลอดเวลาที่พักอยู่ที่เกาหลีเลยคะ ปลื้มและอุ่นใจมากคะ

ตอนนี้เป้พักโรงแรมที่อยู่ใกล้ รพ.บาโนบากิเลยคะ เดินทางสะดวกมากขึ้น
วันจันทร์นี้ทางรพ.นัดมาฉายแสงลดอาการช้ำของหน้า พร้อมกับนัดเช็คแผลอีกรอบด้วย อยากให้ถึงวันจันทร์ไวๆ (วันนี้วันศุกร์) จะได้ไปลดบวมและแกะเฝือกจมูกแล้ว อยากเห็นจมูกใหม่เร็วๆ 55 รอลุ้นคะว่าจะเป็นยังไง รออัพเดททกันนะคะ

หลังผ่าตัดวันที่ 9 (หลังผ่าตัดจมูก 3วัน)

วันนี้ ตื่นเช้ามาด้วยความสบายตัวมากกว่าวันอื่นๆ ค่ะ
ยังเจ็บๆ ตึงๆ ตามตัว แต่รู้สึกเคลื่อนไหวคล่องมากขึ้น โดยปกติจะมีอาการตึงตามเอว ต้นแขน สะโพก และต้นขามาก แต่วันนี้อาการดีมากกว่าทุกวัน ลองสังเกตุอาการของเราคือดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันจริงๆ ยิ่งเดินเยอะ นอนพักผ่อนเยอะ อาการวันต่อไป จะยิ่งดีขึ้น (คือ บวมน้อยลง เจ็บน้อยลง การเคลื่อนไหวตัวดีขึ้น)



ในส่วนใบหน้า วันนี้วันที่ 3ของการทำจมูกค่า ยังมีอาการบวมอยู่ แต่เป้บวมค้อนข้างน้อย ส่วนตรงจมูกยังใส่เฝือกอ่อนอยู่ค่ะ ( เวลากินอะไรก็ยังอ้าปากได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่นะ ต้องทานโจ๊ก หรือข้าวต้มที่พอจะซดๆ ได้จะดีกว่า) จมูกไม่เจ็บเลย รู้สึกแต่ตึงๆรั้งๆ เพราะใส่เฝือกและยังไม่ชินด้วยมากกว่า

วันนี้ มีแพลนหาที่เดิน (เดินบ่อยๆ ช่วยลดบวมตามที่คุณหมอแนะคะ ^^) ก็เลยว่าเราจะไปเดินเที่ยวกันที่
กังนัมสแควร์ค่ะ อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก นั้งรถไฟฟ้าใต้ดินไปสถานนีเดียวเท่านั้น ก็เลยตั้งใจว่า เดี๋ยวเราจะออกไปช่วงเที่ยงๆ เนี่ยละคะ ขายังตึงๆเวลาขึ้นลงบันได แต่สบายมากค่ะ ค่อยๆ ลง 3 ชั้นกว่าๆ (ขาเริ่มตึงมาก) เพิ่งขึ้นบันใดเยอะๆ แบบนี้ครั้งแรก หลังผ่าตัดดูดไขมัน บอกเลยว่า ทำให้ขาตึงมากกกก

แต่ในที่สุดเราก็ลงมาถึงสถานนีจนได้คะ แต่ก็ไม่รู้ว่าซื้อตั๋วยังไงดี ครั้งแรกๆซื้อไม่เป็นคะ รบกวนคนแถวนั้น เจอน้องผู้ชายน่าจะยังเป็นนักเรียนอยู่วันรุ่นเชียวมาช่วยหยอดเหรียญให้ ได้บัตรโดยสารมาแล้วค่ะ ลุยเลยคะ เพียงแค่ 1 สถานนีถึงแล้วค่า



พอถึงบุ๊ปโอโห้ ลืมเรื่องขาตึงเพราะขึ้นบันได เมื่อกี้ไปเลยค่า ที่ใต้ดินสถานีคังนัมมีร้านช๊อปปิ้งเยอะ เราไม่ต้องขึ้นไปข้างบนสถานนีเลยค่ะ จากที่ขาตึงๆ ก็เดินยาวเลยค่ะ เหมือนเปิดโลกใหม่ 55 สู้ขาดใจ
เดินซื้อของ กินข้าว ความเร็วในการเดินเพิ่มไม่รู้ตัวเลยค่ะ สรุปเดินกันไปเกิน 2 ชม. กลับถึงโรงแรม เพลียมาก หลับเลยค่ะ

แม้ว่าเราจะเดินได้คล่องขึ้น แต่ร่างกายก็ยังไม่ฟื้นตัวเหมือนปกตินะคะ เดินนานมากไปจะเพลียง่าย แนะนำว่าให้เดินแต่พอดี แล้วต้องพักผ่อนเยอะๆ ทานยาตามกำหนดเป๊ะๆ อันนี้เป้เคร่งครัดมาก ทุกอย่างตามที่คุณหมอแนะนำเลยคะ

ทุกๆวันเป้จะอัพเดท อาการกับทางรพ.ตลอด ว่าเรามีอาการเป็นอย่างไรบ้าง ก็จะมีทีมของทาง รพ. ช่วยแนะนำเวลาเรามีข้อสงสัย หรือคำถามใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับอาการเราในแต่ละวัน รู้สึกดีมากๆคะ ^^
วันนี้เดินนานกว่าทุกวัน หลับไว และหลับได้นาน ไว้พรุ่งนี้ เรามาอัพเดทอาการกันใหม่นะคะ​
 

หลังผ่าตัดวันที่ 10 (จมูกวันที่ 4)

วันนี้ตื่นมาด้วยความสดชื่นมากเพราะเราพักผ่อนได้เต็มที่ เมื่อคืนนอนนานกว่าเดิมคงอาจจะเพราะวันนี้ฝนตกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้จนเช้า อากาศเลยเย็นสบาย
วันนี้ครบ10วัน ของการผ่าตัดรอบแรก (ยกหน้า,เกลี่ยไขมันใต้ตา, ฉีดไขมันทั่วหน้า และดูดไขมันทั้งตัว)
อาการสำหรับใบหน้าวันนี้ บวมประมาณเดิมๆคะ แต่ความรู้สึกตึงน้อยลงกว่าเมื่อวานหน่อย แล้วก็จะมีเขียวนิดๆตรงใต้ตาใกล้โคนดั้ง (ตรงนี้เป็นอาการปกติของคนที่ทำจมูก) แต่ไม่มากนะคะ คือหน้าสดจะเห็น แต่ถ้าทาครีมทาแป้งก็มองไม่ออกคะ คือน้อยมากๆ แล้วไม่ได้รุ้สึกเจ็บเลย
ส่วนอาการที่ตัว ที่ดูดไขมัน ก็บวมลงลงเรื่อยๆคะ จะสังเกตุว่า ทุกวันที่เป้ตื่นมาอาการบวม การตึงจะลดลงตลอด คือทำให้เราขยับตัวดีขึ้น คล่องขึ้น เป็นไปตามที่คุณหมอบอกทุกอย่างเลยคะ เดินออกกำลัง พักผ่อนดี ทานยาตามกำหนด พอเราดูแลตัวเองดี การฟื้นฟูร่างกายก็ดีตามด้วยคะ วันนี้ก็เลย ตั้งใจว่าจะไปเดินเที่ยว แต่ปรากฏ ฟ้าไม่เป็นใจเท่าไหร่นะคะ วันนี้ที่เกาหลี ฝนตกทั้งวันเลยคะ (อยู่ห้องพักไปคะวันนี้)

ก็เดินเล่นในห้อน หน้าห้องเอาคะ ช่วยออกกำลังกายยืดเส้น ไว้พรุ้งนี้ คะ เป้มีนัดกับ โรงพยาบาล เพื่อไปล้างแผล ฉายแสงลดบวมและตัดไหมที่จมูกนะคะ เพื่อนๆรอ อัพเดทกันได้เลยจ้า

หลังผ่าตัดวันที่ 11(จมูกวันที่ 5) / นัดเช็คแผล ลดบวม (ถอดเฝือกจมูกออก)

วันนี้มีนัดลดบวมรอบ2 ที่ รพ. บาโนบากิ นอกจากมีลดบวมแล้ววันนี้เช็คแผลผ่าตัดจมูกอีกรอบ
หลังผ่านไป5วันแล้ว ได้เอาเฝือกที่จมูกออกด้วยนะคะ โอ้ย ตื่นเต็นมาก อยากเห็นว่าจมูกใหม่เราจะเป็นยังไงน้า เข้ากับเรามั้ย จะสวยหรือเปล่า ..
พอไปถึง ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้เรานอนที่เตียง แล้วค่อยๆแกะเฝือกออก(มือเบามากกกก) อยากขอกระจกดูเลย แต่เอาออกปุ๊ปนี่ยังไม่ได้ดูค่าา เราต้องล้างแผล เช็ดหน้าและนวด เอารอยเมจิกที่คุณหมอมาร์คไว้ออกคะ ตอนนี้บอกเลยฟินมากกกก รู้สึกสบายหน้าที่สุด ครีมที่ทาก็เย็นๆหอมอ่อนๆค่ะ เจ้าหน้าที่ที่นวดให้แบบดีมากเบามือ ละมุนสบายหน้าที่สุดค่ะ
พอเสร็จปุ๊ป ทีนี้เราก็จะได้เห็นจมูกแล้วนะคะ(ขอดูกระจกทันที) จมูกชั้นสวยยย ^^ ดูโด่งขึ้น แต่โด่งแบบ สโลบ สวยธรรมชาติ นี่ขนาดยังบวมๆอยู่นะ แต่ดูเข้ากับหน้าเรามากเลย (น้องที่ไปด้วยกันก็ทักเลยว่า พี่มันเข้ากับหน้าพี่มากๆ) ดีใจสุดๆ
หลังนวดหน้าแล้ว เรายังไม่จบนะคะ น้องล่ามที่ไปกับเรา พาไปฉายแสงลดบวมอีกรอบที่ตึกหลักชั้น 6 เพื่อให้หน้าเราลดบวมลงไปอีก รู้สึกหน้ายุบหายบวมแบบเห็นได้ค้อนข้างชัดเลย
วันนี้เบาสบายหน้าไปเยอะเลยคะ กลับบ้านเดินออกกำลังกาย ช่วยตัวให้ลดบวมเพิ่มอีกดีกว่าค่ะ วันนี้ตัวยังตึงๆอยู่ แต่ขยับได้มากขึ้น

แล้วพรุ้งนี้เรามีนัดเอาชุดรัดรูปเพิ่มคะ เป็นชุดใหม่ที่จะมีขนาดเล็กกว่าชุดปัจจุบันที่ใส่อยู่ เอาไว้ใส่ตอนกลับเมืองไทย กว่าจะใส่ได้ก็น่าจะอีก 1เดือนค่ะ คุณหมอบอกว่าตัวเราจะเล็กลงกว่านี้ ยิ่งถ้าเราคุมอาหารและออกกำลังกายดีๆ เฟริม หุ่น S สบายๆเลย มาคะ มาเอาใจช่วยไปด้วยกันนะคะ ^^​
 
หลังผ่าตัดวันที่ 12 (จมูกวันที่ 6)
ถอดเฝือกจมูกแล้วจ้า
วันนี้ตื่นเต้นอีกแล้ว จะได้ล้างหน้าเสียที หลายวันหลังผ่าตัดเสริมจมูกก็เช็ดหน้าเอาอย่างเดียว เมื่อวานถอดเฝือกแล้ว คุณหมอให้ล้างหน้าได้ปกติ ดีใจมาก

ในส่วนของจมูก เราต้องดูแลเรื่องความสะอาดต่อนะคะ จะมียาล้างข้างในโพรงจมูกเรา ชื่อ HYDROGEN PEROXIDE ขวดสีเขียว น้ำใสๆ ใช้คอตตอนบัดชุบให้ชุ่มพอประมาณ เช็ดข้างในรูจมูก จะช่วยละลายสิ่งที่เกาะในจมูกเราให้ออกมาอย่างอ่อนโยน เป้ชอบมากกกกก เพราะไม่แสบ ไม่มีกลิ่นฉุน และที่สำคัญ ละลายดีมากกกก ก็ช่วงแรกๆอะ เราจะมีน้ำหมูก มีแผลผ่าตัดข้างในด้วย ก็ต้องทำให้สะอาดๆ จะได้หายไวๆแผลสวยๆนะคะ (คุณพยาบาลที่บาโนบากิย้ำมา ต้องเชื่อนะคะ ^^)
ได้ล้างหน้าก็สดชื่นมากๆเลยค่ะ หลังล้างหน้าฟินๆแล้ว ก็อยากลองแต่งหน้าอ่อนๆกะจมูกใหม่สวยๆแล้วจ้า แต่งหน้าแล้วไปรับชุดรัดตัวชุดที่ 2 ที่ รพ. ทำไม่ต้งมีชุด2 สงสัยใช่มั้ยคะ คือหลังจากที่เราผ่าตัดดูไขมันทั้งตัวแล้ว หลังจากผ่าตัดเราจะต้องใสชุดรัดรูปแบบเต็มตัว ชุดก็จะมี 2 ชิ้นค่ะ คือ เสื้อและกางเกง ซึ่งชุดแรก ที่เราได้นั้จะวัดขนาดตัวเราก่อนผ่าตัดไว้ และตัดเป็นชุดรัดรูปในขนาดที่เหมาะสมกับตัวเรา พอหลังผ่าตัดเราจะบวมหน่อยๆ พอการบวมลดเราก็ใสชุดแรก ที่เตรียมได้มาค่ะ โดยชุดนี้จะใส่ วันละ 8 ชม. ตลอด 2 เดือนค่ะ...และ มาถึงสาเหตุที่ต้องมี ชุดที่ 2 เพราะ เมื่อเราใส่ชุดแรกแบบอยู่ตัวแล้ว สัดส่วนเราจะเริ่มเล็กลงค่า และชุดที่ 2 นี้จะมีขนาดที่เล็กกว่าชุดแรก เพื่อช่วยให้สัดส่วนเรากระชับมายิ่งขึ้นค่า

พูดถึงชุดเราก็มาพูดอัพเดทอาการที่ตัวกันหน่อย วันนี้อาการทั่วไปของก็ยังคงมีอาการตึงๆปกติ แต่ดีขึ้น กว่าเมื่อวาน ศรีษะที่ร้อยไหมแผลแห้งสบาย ไม่เจ็บเลย รอตัดไหมอาทิตย์หน้า วันนี้กะว่าจะเดินไป รพ. เพื่อไปเอาชุดค่ะ ได้ออกกำลังกายด้วยค่า





หลังผ่าตัดวันที่ 13 (จมูกวันที่ 7)
วันนี้เป็นวันที่ทำจมูกมาครบ7วันแล้วค่า ไม่ค่อยบวมและไม่ช้ำเลยค่ะ เว้นรอยเย็บ(ที่ตัดปีกจมูก)ยังแดงๆ อยู่ เรายังต้องดูแลล้างข้างในโพรงจมูกให้สะอาดมากๆนะคะ เพื่อแผลเราจะได้หายไวๆ ส่วนที่เจ็บกว่าจมูกคือ หลังหูขวาค่ะ ที่เราเอากระดูกออ่นหลังหูมาใช้เสริมปลายจมูกนั้นเอง
แต่มันไม่ได้เจ็บมากนะ ถ้าไม่โดนก็จะเจ็บเล็กๆตึงๆ เวลานอนก็ระวังอย่างเพิ่งนอนตะแคงค่ะ ช่วงนี้นอนหงายตรงๆ เลยดีสุด
เพราะเป้มีเอนโดไทนด์หน้าผาก (ยกกระชับหน้าผาก) , เติมไขมันที่หน้า , เกลี่ยไขมันใต้ตา, สลายไขมันกรอบหน้า ในส่วนหน้านี้คุณหมอก็แนะนำให้นอนยกหมอนสูงหน่อยจะดีคะ อย่างเอนโดไทนด์นี่ก็จะทำให้เรารู้สึกตึงๆหัว นอนสูงแล้วสบายขึ้นเยอะ

มาอัพเดทที่ตัวบางดีกว่าค่ะ วันนี้ครบ13 หลังดูดไขมันทั้งตัวมา เกือบจะ 2 อาทิตย์แล้ว ใส่ชุดรัดรูปมาได้ 1 อาทิตย์พอดีค่า ต้องบอกว่าการดูดไขมันทั้งตัว คือรวมแขน ขา เราด้วยนะคะ ดังนั้นตัวเราจะตึงๆ ไปหมดทั้งตัว ยิ่งพอใส่ชุดรัดรูปนี้ให้อารมณ์เหมือนตัวเองเป็นโรบ็อตนิดๆ ด้วยความที่เพิ่งจะ 2 อาทิตย์เองอะโน๊ะ ก็ยังตึงๆ คืออาการตึงนี้มาจากข้างในเลย ผิวข้างนอกจะมีรอยช้ำ มากน้อย แล้วแต่บุคคลนะคะ (แต่ละคนจะเกิดมากน้อยไม่เหมือนกันคะ) ของเป้จะเป็นรอยช้ำมากหน่อย แต่ไม่ปวดนะคะ จะตึงๆมากกว่า พอใส่ชุดเข้าไป ก็จะไปดามตรงที่เราตึงๆอยู่ ทำให้งอแขน งอขาไม่เต็มที่ ก็จะเดินจะนั้งแบบแข็งๆหน่อย เหมือนโรบ็อตมั้ยอ่า 55
แต่ยิ่งใส่ชุดยิ่งรู้สึกว่ากระชับดีมากเลยคะ คุณหมอให้ใส่ 2 เดือน เป้กะว่า จะใส่สัก 3 เดือนไปเลย แถมๆ เพราะเป้เป็นคนบวมง่าย เลยอยากให้กระชับแบบอยู่ตัวไปเลย
ที่สำคัญเลยคือต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะอย่างที่เป้ลงทุกวัน เลยว่าอาการตึงๆ ข้างใน ผิว และรอยช้ำจะยังมีอยู่ แต่อาการนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะอยู่ตัวจริงๆ คือ 3-6 เดือน ยิ่งกลางวันเราเดิน กลางคืนเราพักผ่อนเต็มที่ ทานยา ตามคุณหมอสั่ง แบบนี้เราจะฟื้นตัวเร็ว และเฟริมง่ายขึ้นคะ
อย่างวันนี้วันพักผ่อนอีกวัน วันนี้ก็เลยจะเดินออกกำลังกายไป ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆค่ะช่วงนี้ก็พักผ่อน ชิวๆไปคะ ไม่ต้องไป รพ.แล้ว รออาทิตย์หน้า เตรียมตัดไหมที่จมูกหลังหูที่ รพ.บาโนบากิ ก่อนกลับไทย เท่านั้นค่า ไวรอติดตามกันนนะคะเพื่อนๆ
☀​
 
หลังผ่าตัดวันที่ 14 (จมูกวันที่ 8)
: นัดตัดไหม จมูก หลังหู เช็คแผลFinalทั้งหมด เตรียมกลับไทยแล้วจ้า
สวัสดีคะ วันนี้ตื่นมาด้วยความสดชื่น เตรียมตัวไปตัดไหมที่จมูก และหลังหู (ที่เราผ่าตัดเอากระดูกอ่อนหลังหูมาเสริมปลายจมูกค่ะ) หลังตัดไหมเสร็จ ก็จะเตรียมตัว กลับไทยแล้วนะคะเพื่อนๆ ดีใจ คิดถึงบ้านนน
วันนี้ก็เช่นเคยคะ ช่วงเช้าเราก็เตรียมตัวล้างแผลให้สะอาด โดยเฉพาะในโพรงจมูก ล้างหลายรอบหน่อย (ทางน้องที่เป็นล่าม เคยบอกค่ะว่าถ้าเราล้างเองให้สะอาด คุณพยาบาลเค้าก็จะไม่ล้างเราเยอะ 555 )


โดยรวม ใบหน้า จมูก เริ่มยุบเข้าที่ขึ้นเรื่อยๆคะ เอาจริงๆ ดูแทบไม่ออกว่าบวมอยู่ คุณหมอเก่งมากกกก ส่วนตัวที่เราดูไขมัน อันนี้ตึงๆปกติค่ะ ตื่นมาทุกเช้าเป้จะเน้น ยืดแขนขาเบาๆ แล้วเดินรอบห้อง วอร์มๆ ก่อนทานข้าวเช้า จากนั้นจะเซ็ตเวลาไปเดินจริงจังสัก 2-3 ชั่วโมง เช้า เย็น คือเดินพอเหนื่อยแล้วก็มาพักยกขาสูงๆ พอเช้าอีกวันก็สังเกตได้เลยคะว่า ตัวเราจะยืดหยุ่น และลดการตึงลงไปจากเมื่อวานได้เยอะเลย ตัวเราก็จะลดบวม ค่อยๆลงจริงๆ
จุดสำคัญนะคะคุณหมอย้ำ ตั้งแต่หลังผ่าตัดเลยค่ะว่า เราต้องเดินออกกำลังกายเบาๆหลังผ่าตัด แต่ไม่ต้องหักโหมมาก อย่านอนเฉยๆ คือบางคนระบม ก็กลัวเดินแล้วจะเจ็บเลยจะอยู่เฉยๆ ซึ่งแบบนี้ไม่ดีกับคนที่ผ่าตัดเลยค่ะ จะทำให้ฟื้นตัวช้ามาก
เป้นี้เดินตั้งแต่วันแรกที่ฟื้นเลยค่ะ ถามว่าเจ็บไหม วันแรกระบมเยอะอยู่แล้วคะ แต่เป้อดทน พยายาม เดินตามที่คุณหมอบอกก็ฟื้นตัวเร็วจริงค่ะ อย่างวันนี้หลังจากไป รพ.บาโนบากิตัดไหมเสร็จแล้ว จะไปเดิน กาโรสุกิล/ Garosu-gil ช๊อปปิ้งเบาๆ ก่อนกลับไทย ต้องบอกว่าที่นี่เป็นย่านช็อปปปิ้งสุดฮิปแห่งหนึ่ง ของโซล เกาหลี เลยนะคะ ที่มีแต่ของน่าสนใจค่ะ ผู้คนแต่งตัวสวยๆมาเดินกัน ให้อารมณ์ คล้ายๆแถว สยามที่ไทยเลยคะ ของกินก็เยอะ ที่นี่ใกลโรงแรมเดิมที่เป้อยู่ ช่วงที่เพิ่งผ่าตัดใหม่ๆพักแถว กาโรสุกิล/ Garosu-gil นี้แหละค่ะ แอบมาเดินในชุดวอร์ม รองเท้าแตะ ใส่หมวก หน้าแปะเฝือก เดินเล่น วนๆอยู่แถวนี้ บ่อยเลยค่ะ หลายคนอาจจะเคยเจอเป้เดินผ่านก็ได้นะคะ 555 หัวยุ่งๆ(ไม่ได้สระผมเป็นอาทิตย์) ตัวแข็งๆ (เพิ่งผ่าตัดตัวยังตึงอยู่มากกก)หน่อยอะคะ เมาส์มานานแล้ว ได้เวลาแล้วเตรียมตัวไป รพ.ดีกว่าค่า

ถึง รพ. บาโนบากิ ตามเวลาเป๊ะ11.30 น. วันนี้ มีตัดไหม จมูก และหลังหู กับเช็คแผลทั้งหมด โดยคุณพยาบาล และได้พบคุณหมอโนยงจุน คุณหมอที่ผ่าตัดให้เป้ทั้ง 2 รอบ เป็นคุณหมอเจ้าของไข้นั้นเองค่ะ ดีใจมากกกกก ได้เจอคุณหมอก่อนกลับไทย ขอถ่ายรูป (อีกรอบ 555) คุณหมอถามถ่ายอีกเหรอ คือเคยถ่ายแล้ว วันก่อนที่จะผ่าตัดจมูก เลยบอกคุณหมอว่าตอนนั้นจมูกยังไม่สวยค่า วันนี้สวยแล้ว ด้วยฝีมือคุณหมอ ขอถ่ายอีกรอบนะคะ คุณหมอน่ารักมากๆคะ ใจดีมากด้วย ถามเราว่าเป็นยังบ้าง ที่ทำไปชอบมั้ย โอเคมั้ย มีอะไรอยากถามคุณหมอมั้ย บอกเลยค่ะว่า ชอบมากกก และไม่มีอะไรจะถามคุณหมอเลย แบบ นึกไม่ออก เพราะเราโอเคจริงๆ ด้วยเวลาคุณหมอมีจำกัด แต่ท่านก็ยังอุตสาห์ปลีกตัวมาทักเรา เลยต้องรีบร่ำลา ถ่ายรูปกันก่อนคุณหมอ



เสร็จจาก รพ. เราก็ไปช็อปปิ้ง ทานข้าว แล้วกลับที่พักเพื่อเก็บของค่ะ เตรียมเดินทางกลับไทย
วันมะรืน เหลือเวลาเดินเล่นพรุ่งนี้อีกวัน ก็ชิวๆแล้วค่ะ แล้วเดี๋ยวมาอัพเดทอีกทีนะคะเพื่อนๆ วันนี้ไปแล้วค่า
 
WEEK 1 : หลังกลับไทยสัปดาห์แรก อาการเป็นยังไง?
(ศัลยกรรมครบ 3อาทิตย์แล้วน๊า!)

สวัสดีไทยแลนด์ บอกเลยว่าคิดถึงเมืองไทยมากกกก หลังจากไปอยู่ที่เกาหลีมาเกือบเดือนค่ะ
ที่จริงประมาณ 2สัปดาห์ก็กลับไทยได้แล้ว (เป้ผ่าตัด 2 รอบนะคะ เลยอยู่ยาวนิดนึง)
มาอัพเดทอาการหลังกลับไทยกันดีกว่าค่ะ ขอแบ่งเป็นอย่างนี้นะคะ
ขอย้อนทบทวนกันก่อนว่า เป้ทำอะไรมาบ้าง เพื่อนๆจะได้ตามทันโน๊ะ

1. เอนโดไทน์หน้าผาก เป็นการยกกระชับหน้าผากด้วยวัสดุเอนโดไทน์ ช่วยลดริ้วรอยและช่วยให้ตาดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องทำตาสองชั้น
2. เกลี่ยไขมันใต้ตา เป็นการกรีดบริเวณใต้ตา แล้วเกลี่ยไขมันใต้ดวงตามีความเรียบเนียน แก้ปัญหาใต้ตาลึกและถุงใต้ตาได้อย่างถูกจุด
3. สลายไขมันกรอบหน้า เพื่อใบหน้าที่เรียวสวย
4. ฉีดไขมันที่หน้าโดยใช้ไขมันที่ดูดออกจากร่างกายเรา คัดแยกไขมันดีมาเติมร่องลึกเพื่อให้หน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น ฉีดทั้งหมด 7จุดค่ะ ขมับ, ร่องแก้ม, ข้างแก้ม 2 จุด, และใต้คาง 1 จุด
5. เสริมจมูก กระดูกอ่อนหลังหู ตัดปีกจมูก
6. ดูดไขมันทั้งตัว เป็นการดูดไขมันส่วนเกิน เพื่อกระชับรูปร่างให้หุ่นเพรียวสวย มีสัดส่วนชัดเจนมากขึ้น

ทั้งหมดนี้ แบ่งการผ่าตัดเป็น 2ครั้งนะคะ คือ ข้อ1-4 , 6 ผ่าตัดพร้อมกับครั้งเดียวค่ะ (ผ่าตัดรอบที่1) ส่วนข้อ 5 เสริมจมูกจะผ่าตัด รอบที่2 (เว้นจากรอบแรก 1 สัปดาห์)


จุดแรกเลย 1. คือหน้าผาก ที่รอยไหมเอ็นโดไทน์ จุดนี้ ยังตึงที่ศรีษะอยู่มาก แต่น้อยลงกว่าตอนที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ แค่ตึงนะคะไม่เจ็บ ใต้ผิวจะจับแล้วรู้สึกนูนๆอยู่หน่อยๆ ตรงนี้คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวประมาณ 2-3 เดือนจะยุบไปเอง พร้อมกับอาการตึงจะค่อยๆน้อยลง

จุดที่ 2. เกลี่ยไขมันใต้ตา อันนี้ชอบมากกกก คืออันนี้ปกติมาก ไม่รู้สึกเจ็บหรืออะไรเลย ตั้งแต่วันแรกหลังจากที่ผ่าตัดจนวันนี้ ปกติดีทุกอย่าง เพิ่มเติมคือ ไม่มีถุงใต้ตา ให้ดูเหนื่อยล้าอีกต่อไปแล้ว
จุดที่ 3. สลายไขมันกรอบหน้า ตรงนี้ต้องบอกว่า จะมีการตึงๆบริเวญใต้ค้างนิดนึง แทบไม่รู้สึก(ถ้าเราไม่เงือยหน้ามากๆ) เพื่อนที่เจอต่างบอกว่าหน้าเราดูเล็กลง
จุดที่ 4. ฉีดไขมันที่หน้า หน้าดูอิ่ม ลดอายุลงไปได้เยอะเลยค่ะ ใครๆก็ทักว่าดูเด็กขึ้น ถ้าเทียบอายุจริง (42 ปี) เหมือนลดวัยไป 10ปีเลยค่ะ ปลื้มมากค่ะ ที่สำคัญคางเราดูสวยขึ้นมาก อารมณ์เหมือนฉีดคางมาเลยคะ แต่เป้ฉีดแค่ไขมันเอง สวยธรรมชาติมากๆค่ะ
จุดที่ 5. เสริมจมูก กระดูอ่อนหลังหู ตัดปีกจมูก จุดนี้เรียกว่าเด่นที่สุดแล้ว เพราะว่าปกติจมูกไม่ชัด ไม่มีดั้งนั้นเองค่ะ พอเสริมมาปุ๊ป มันชัด หน้าเราดูมีมิติมากขึ้น ที่สำคัญหลายคนบอกว่าสวย และธรรมชาติมาก ถ้าไม่บอกเค้าไม่รู้ว่าเราเสริมจมูกมา
แผลด้านในเริ่มแห้งแล้ว (สังเกตจากการล้างจมูก) แต่ยังมีน้ำมูกตอนเช้าๆอยู่ อาการตึงๆที่จมูกยังมี แต่ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ ภายนอกแทบไม่มีรอยแผลอะไรเลย แต่งหน้าได้ปกติมากๆ

จุดที่ 6. ดูดไขมันทั้งตัว เพื่อกระชับรูปร่างให้สมส่วนมากขึ้น อันนี้ไม่ใช่การดูเพื่อลดน้ำหนักนะคะ แต่เป็นการดูเพื่อเอาไขมันส่วนเกินออกไป คุณหมอบอกว่าจะใช้เวลาเข้าที่ประมาณ 3-6 เดือน โดยน้ำหนักเราอาจจะไม่ได้ลดลงมาก แต่สัดส่วนเราจะลง กระชับมากกว่าดิม โดยช่วงแรกเราต้องใสชุดกระชับสัดส่วนไว้วันละ 8 ชม. ติดกัน 2เดือน ตอนนี้อาการตึงก็ยังมี แต่น้อยลงเยอะมาก รอยช้ำเริ่มจางลง ต้องบอกว่าปลื้มสุดๆ สำหรับเป้ คือยังไม่เข้าที่ดีนะคะ แต่สัดส่วนลงแล้ว เพราะ Size เสื้อผ้าเปลี่ยนไปเยอะเลยค่ะ แต่เดิมคือ L- XL แต่ตอนนี้ M-S ค่ะ Sนี่อาจจะยังแน่นนิดๆ แต่คิดว่าน่าจะลงได้อีกค่ะ ช่วงนี้เป้ก็เริ่มมาวิ่งออกกำลังกายเบาๆ ไม่หักโหมนะคะ เพราะร่างกายเพิ่งฟื้นตัว คุณหมอแนะนำว่าคนที่ดูดไขมันมาควรออกกำลังกาย ระวังเรื่องอาหาร ของมัน ของทอดควรงด


สิ่งที่ต่างระหว่างอยู่ไทย และเกาหลี คืออากาศค่ะ เป้รู้สึกว่าอยู่เกาหลีเราใส่ชุดรัดรูปนี่สบายตัวมาก แต่พอมาเมืองไทยอากาศร้อนกว่าเยอะมาก เราเหนียวตัวง่ายเพราะเหงื่อ แต่ก็อดทนค่ะเพื่อความสวย
ไว้ครั้งหน้าเป้มาอัพเดทอาการกันใหม่นะคะเพื่อนๆ แล้วเจอกันค่ะ​
 

WEEK 2 : หลังกลับไทย สบายมาก

ตอนนี้ก็เข้าสัปดาห์ที่ 2 ที่กลับมาเมืองไทยแล้วนะคะ ถ้านับวันผ่าตัดตั้งแต่ครั้งแรก ก็ ใกล้จะครบเดือนที่ศัลยกรรมแล้วค่ะ
พอกลับมาไทย เหมือนเราได้ออกไปนั้นมานี่มีกิจกรรมเยอะมาก เลยเหมือนออกกำลังไปในตัว ตอนนี้อาการโดยรวม ส่วนที่เอนโดไทนด์ยกหน้าผากยังตึงๆอยู่ เป็นปกตินะคะ ยังไม่เข้าที่ดี(รอเข้าที่ประมาณ6เดือนค่ะ) ส่วนจมูกก็ตึงน้อยลงค่ะ ทรงสวยมากกก เพื่อนๆชอบกันใหญ่ บอกดูธรรมชาติที่สุด ไม่รู้ว่าทำมาเลยถ้าไม่บอก



ส่วนที่เติมไขมันหน้า นี่ก็ทำให้ใบหน้าเราดูอิ่มขึ้น ลดอายุไป10ปีเลยนะคะ ทุกคนทักหมดว่าหน้าเด็กลงมาก รวมทั้งการสลายไขมันใต้ตา สลายไขมันกรอบหน้า ทำให้โครงหน้าเราชัดขึ้น หน้าดูไม่โทรมค่ะ ชอบมากๆ



ส่วนตัวที่ดูไขมันมาก็ยังมีตึงๆนะคะ แต่รู้สึกยืดหยุ่นตัวดีขึ้นค่ะ ที่เพิ่มเติมคือ เหนียวตัวเพราะ เหงื่อออกง่ายคะ ช่วงนี้เลยต้องซักชุดบ่อยหน่อย ไม่เหมือนตอนอยู่เกาหลีที่อากาศเย็นสบาย ส่วนบ้านเราร้อนชื้น ค่อยๆปรับกันไปค่ะ เลือกใส่เสื้อผ้าที่เบาสบายมากขึ้น ช่วยได้เยอะเลยค่ะ




สัปดาห์นี้เรามีงานประชุมนอกพื้นที่เลยได้โชว์หน้าใหม่ ^^ ใส่ชุดที่เริ่มจะเล็กลงแล้ว จากปกติ L-XL ตอนนี้เริ่มขยับมาที่ M แล้วนะคะ ยังไม่ถึงเดือนดีเลย ดีใจมาก ช่วงเช้าออกกำลังกายเบาๆ ทุกวันค่ะ เดิน วิ่ง สลับกัน แล้วก็เลือกทานอาหารที่ไม่ทอด ไม่มีไขมันนะคะ คุณหมอแนะนำมาว่า จะทำให้ทรวดทรงเราชัดขึ้น ลดไขมันเพื่อรูปร่างที่ดีขึ้นค่ะ

ไหนๆเราก็ดูดเอาไขมันไม่ดีออกไปแล้ว ถือเป็นการเซตซีโร่ เรามาเริ่มต้นใหม่ ใส่ใจสุขภาพเพื่อรูปร่างที่ดีและแข็งแรงกันนะคะ

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿✿ ✿ ✿
 
:h::h: WEEK 2 : หลังกลับไทย ออกกำลัง ฟื้นฟูร่างกาย :h::h:


สวัสดีค่า เรายังอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ที่กลับมาเมืองไทยนะคะ

เรียกว่าเป็นช่วงที่ใช้ชีวิตได้แบบปกติเหมือนเดิมแล้วค่า




ร่างกายฟื้นฟูดีมากๆ อาการทั่วไปดีขึ้นเรื่อยๆ แทบจะหายเป็นปกติแล้วค่ะ

เพียงแต่ช่วงตัวบางบริเวณที่ดูดไขมันบางจุด ยังรู้สึกตึงๆข้างในอยู่บ้างค่ะ

ในส่วนที่ยกกระชับเอนโดไทนด์ยกหน้าผาก ส่วนนี้จะใช้เวลาฟื้นตัวนานหน่อย ยังมีอาการตึงๆ หัวอยู่นิดนึง แต่ย้ำว่าไม่เจ็บเลยค่ะ





เป้เองก็จะเน้นออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้เราแข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่นให้ตัว และช่วยทำให้กระชับเร็วขึ้นด้วยค่ะ ออกเบาๆ ทุกเช้า วันละ 40-60 นาที สัปดาห์ละ 3-4 วันคะ เดินวิ่งแบบเบาๆ ไม่หักโหมเกินไปนะคะ

ถึงแม้ว่าเราจะไม่เจ็บจากการศัลยกรรม แต่เราก็ผ่านการผ่าตัดใหญ่มา ค่อยๆ ออกกำลังแต่พอดีค่ะ





การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดจนเพื่อนๆ หลายคนทักก็คือ จมูก เพราะเป้ไม่เคยทำศัลยกรรมอะไรมาก่อนเลย

แม้แต่จมูกที่คนเค้าฮิตทำกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่เป้เพิ่งทำครั้งแรกในชีวิตคะ


แล้วก็โชคดีมากๆ ที่เลือกทำกับโรงพยาบาลที่ไว้ใจได้ อย่างโรงพยาบาลบาโนบากิ มีคุณหมอที่เก่งมากๆ และมีมาตรฐานสูงเรียกได้ว่า เป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมระดับต้นๆของเกาหลีเลยนะคะ คือก่อนทำบอกเลยว่า ก็กลัวค่ะ เพราะเราเคยดูรีวิวอยู่หลายที่ บางทีก็เจอเคสที่ทำแล้วมีปัญหา ทำแล้วต้องแก้ พอมาดูของเรา แบบดีใจที่ไม่เกิดปัญหาอะไรเลย แถมไม่เจ็บ ไม่อักเสบอะไรเลย ดีงามที่สุดค่ะ :inlove:





ผลการเปลี่ยนแปลงก็อย่างที่เพื่อนๆ เห็นค่ะ มีแต่คนทักว่าเด็กขึ้น หน้าดูมีมิติมากขึ้น รูปร่างดูเล็กลง

แฮปปี้มากๆ ชีวิตมีความสุข ^^

การทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หรือต้องเสี่ยงอีกต่อไป ถ้าเราเลือกโรงพยาบาลที่ไว้ใจได้

ทำวันนี้ สวยวันนี้ เชียร์เพื่อนๆเลยค่ะ

แล้วเจอกันนะคะ


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
 
  • Like
การตอบรับ: 0pEL
1 Month : ครบ 1เดือนแล้วหลังศัลยกรรมแล้ว เย้
สวัสดีค่า เพื่อนๆ วันนี้เป้มาอัพเดท หลังศัลยกรรมครบ 1 เดือนกันแล้วนะคะ เวลาผ่านไปไวมากจริงๆ เพราะรู้สึกว่าร่างกายเราปกติดีมากๆค่ะ

ยังมีส่วนที่ตึงบ้างบางจุด เป็นตามระยะฟื้นฟูที่คุณหมอบอกนะคะ เช่นจุดแรกเลยคือ หน้าผากค่ะ ที่ผ่าตัดร้อยไหมเอ็นโดไทน์ จุดนี้ตึงสุด ตึงนาน ต้องรอหลัง 6เดือนไปแล้วนะคะ อาการตึงก็จะประมาณ ชาๆนิดนึง ไม่เจ็บหรือปวดแค่รู้สึกตึง ถ้าเราทำเอ็นโดไทน์มา เป้แนะนำให้เว้นการก้มศรีษะนานๆ กับการรัดผมแน่นๆไปก่อนนะคะ ที่จริงคุณหมอไม่ได้ห้ามอะไรค่ะ แต่ว่าเป้รู้สึกว่าถ้าทำเราจะตึงมากขึ้นเลยเว้นดีกว่าค่ะ
จุดที่ 2 ก็จมูกและหลังหู เป็นทำจมูกแบบเปิดใช้กระดูกอ่อนหลังหู ตรงจมูกไม่เจ็บเลย แค่ยังตึงๆ แต่หลังหูนี่จะตึงมากกว่า ตอนนอนก็ระวังอย่าเพิ่งนอนทับด้านที่เราใช้กระดูกหลังหูนะคะ ตอนนี้จมูกเริ่มค่อยๆยุบแล้ว ทรงเริ่มชัด เปลี่ยนไปจากช่วงแรกที่ทำนิดนึง แอบลุ้นตอนเข้าที่มากๆค่ะว่าจะออกมาเป๊ะขนาดไหน (คุณหมอบอก 6เดือน รอเลยจ้า)
ตอนนี้เจอหลายๆคนก็ทักแล้วคะ ว่าหน้าเปลี่ยน ทั้งโครงหน้าดูมีมิติ ละมุนมากขึ้น อายุลดลงค่า ชอบที่สุด แล้วก็จะบอกว่าตอนนี้ขนาดเสื้อผ้าเริ่มเปลี่ยนแล้วนะคะ ทยอยซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้ว เพราะSize ขยับจริงค่ะ (ผลจากการดูไขมัน)

ครบ1เดือน ตามตัวเรายังตึงอยู่บ้าง เราต้องออกกำลังกายเพื่อให้กระชับมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เป้เปลี่ยนมาใส่ชุดรัดรูป ที่เป็นชุดขนาดเล็กแล้วนะคะ ชุดรัดรูปเป้จะมี 2ชุดใหญ่ คือชุดแรกที่ใส่หลังดูดไขมัน ชุดที่สองนี่จะเล็กกว่า ใส่หลังผ่านไปเดือนแรกค่ะ ตอนนี้ใส่ได้แล้วดีใจมากค่ะ ทำให้ขนาดเสื้อผ้าเราลดลงไปอีก ตอนนี้สังเกตว่าจะคุมน้ำหนักได้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ น้ำหนักลงจากเดิม 2 กิโลแล้วค่ะ อ้อ อันนี้ เป้อธิบายนิดนึงนะคะว่า น้ำหนักเราอาจจะไม่ได้ลดลงเท่าน้ำหนักที่ดูดเอาไขมันออกไป การดูไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนักนะคะ แต่การดูดไขมันจะช่วยกระชับรูปร่างมากยิ่งขึ้นค่า ช่วง 1-3 เดือนนี้เราต้องมาฟิตแอนเฟริมออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายเรากระชับให้ดียิ่งขึ้นค่ะ เราจะแข็งแรงขึ้นด้วยนะคะ
 
ครบ 2เดือนแล้ว สุดยอดค่ะ!
มาแล้วค่า เพื่อนๆไวมากๆ เป้ผ่าตัดทำศัลยกรรมครบ 2เดือนแล้ว เผลอแปบเดียวเราอัพเดทกันตลอดไปๆ มาๆ นี่เราใส่ชุดรัดรูปครบ 2เดือนแล้วเหรอ เป้จะมีชุดรับรูปสำหรับคนที่ดูดไขมันใส่ทุกวันคะ คุณหมอให้ใส่ วันละ8ชม.ทุกวัน เป็นเวลา2เดือน ช่วงแรกบอกเลยค่ะอึดอัดพอควร เพราะเราไม่ชิน แล้วอากาศเมืองไทยบ้านเราค้อนข้างร้อน แต่พอใสไประยะนึง ก็ชินนะคะ เริ่มคุ้นเคย ว้นไหนไม่ใส่รู้สึกไม่สวย 555 คิดเองค่ะ เป้ก็กะว่าจะใส่ต่อไปสัก3เดือนเลยค่ะ

ตอนนี้ความตึงๆตามตัวลดลงเยอะมากแล้ว จะมีรู้สึกตึงมากๆ เวลาเรานั้งนานๆ หรือ เพิ่งตื่นตอนเช้าๆ หรือเวลาเราออกกำลังกายมาแล้วมายืดกล้าเนื้อดูค่ะ ช่วงยืดๆนี่ล่ะค่ะจะยังรู้สึกตึงๆอยู่หน่อยๆ หน้าผาก ยังตึงค่ะ แต่น้อยลง เริ่มไปร้านสระผมบ้างแล้ว แต่บอกช่างว่าอย่าเกาแรงนะคะเดียวโดนเอนโดไทน์ที่เรายกหน้าผากไว้ ดังนั้นช่วงรอเข้าที่หลีกเลี่ยงอย่าทำอะไรแรง หรืออะไรที่ต้องใช้ความร้อนอย่างอบไอน้ำอะไรแบบนี้ เว้นไปก่อนนะจ๊ะ
ส่วนจมูกนี่ เริ่มเข้าที่ยุบสวย แอบแคะจมูกยากนิดนึง รูจมูลเล็กลง คุณหมอแต่งปีกจมูกให้สวยเรียวเลย ตอนแคะเลยต้องใช้คัตตอนบัดชุบน้ำเกลือ (ถือว่าช่วยทำความสะอาดโพรงจมูกไปในตัวค่ะ) เช็ดข้างในเบาๆ ตอนเช้าๆ จะมีน้ำมูกง่ายเพราะเรานอนห้องแอร์ทั้งคืน ดีที่จมูกไม่อักเสบเลย แผลดีมากๆค่ะ สบายใจ


✿ ✿ ✿ ✿

2 เดือนครึ่ง

ที่ดูดไขมัน เป้รู้สึกค่อนข้างอยู่ตัวมากขึ้นค่ะ คือรูปร่างค่อนข้างอยู่ทรงแบบไม่ขยับเปลี่ยนไปเท่าไหร่แล้วน้ำหนักก็เริ่มคงที่ ความตึงจากที่เราดูดไขมันก็น้อยลงเกือบปกติมากๆ แต่จะตึงมากในกรณีที่เราอยู่นิ่งไม่ออกกำลังกาย ก็จะตึงมากหน่อย เป้เลยเน้นออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ แต่ยังไม่หนักนะคะ เอาแบบพอดีค่ะ
ในส่วนหน้า จุดนี้ก็อยู่ตัวไวที่สุดค่าเพราะว่าตั้งแต่เริ่มทำหน้าใหม่ๆ ตั้งแต่แรกไม่ค่อยบวมเลยค่ะ พอตอนนี้ 2 เดือนกว่าๆ ความบวมไม่มีเลยค่ะ รอยเขียว ช้ำ ไม่มีเลยค่ะ (จะมีแค่ช่วงอาทิตย์แรกๆ ที่เข้าเฝือกที่จมูกเท่านั้นเองค่ะ) หลังจากนั้น เป็นธรรมชาติมากแทบดูไม่ออกเลยว่า ทำศัลยกรรมมา ^^ แฮปปี้มากๆ

จุดที่ต้องรอให้เข้าที่จริงเลย คือความรู้สึกตึงๆที่ศีรษะจากการที่เป้ทำการยกหน้าผากเอนโดไทน์ และทำจมูกแบบเปิดใช้ซิลิโคนและกระดูกอ่อนหลังหูค่ะ
3 จุดนี้ก็ยังตึงๆ ไม่เจ็บ แต่เรารู้สึกเองนะคะ ภายนอกปกติดีมากๆค่ะ เป้กลับมาทำงาน ลุยงานได้ตั้งแต่หลังผ่าตัดไป2- 3สัปดาห์แรกๆเลยด้วยค่ะ ต้องขอบคุณทีมแพทย์ของ รพ.บาโนบากิมากๆค่ะ คุณภาพและฝีมือเยี่ยมมากๆ ที่สำคัญ หลังผ่าตัดไม่ต้องดูแลอะไรมาก เพราะการผ่าตัดดี ทำให้เราฟื้นฟูตัวเองได้ง่ายขึ้นเยอะ อยากแนะนำเพื่อนๆนะคะ ถ้าจะทำศัลยกรรมเลือกโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ มีทีมแพทย์ที่ เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ รับรองว่า เราสวย ปลอดภัย มั่นใจได้เลยค่ะ
เดี๋ยวเรามาอัพเดท เรื่องราวสนุกๆกันนะคะ ครั้งหน้าเจอกันค่า ^^​
 
ครบ 3 เดือน
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห่างหายกันไปพักนึงเลยนะคะ ตอนนี้ครบ 3 เดือนหลังผ่าตัดศัยกรรมแล้วค่ะ

มาอัพเดทกันหน่อย สำหรับ หน้า ที่ทำจมูก เอนโดไทน์ยกหน้าผาก เกลี่ยไขมันใต้ตา สลายไขมันกรอบหน้า หายดีเป็นปกติมากๆค่ะ ดูภายนอกไม่มีแผลอะไรเลย ที่จริงตั้งแต่ตอนผ่าตัดใหม่ๆ เป้ก็ไม่ค่อยบวม ไม่มีรอยเขียวเลยด้วย คุณหมอและทางโรงพยาบาลบาโนบากิดูแลดีมากๆ มาตอนนี้ ภายนอกหายดีหมดแล้วค่ะ เราจะแค่ยังรู้สึกตึงๆในจุดใหญ่ เช่น จมูก และหน้าผากนิดหน่อย
ตามตัวที่ดูดไขมัน ไม่ค่อยตึงแล้วคะ ร่างการเป้ที่ดูดไขมันทั้งตัวก็เริ่มอยู่ตัวแล้วนะคะ เพราะว่าไซส์ไม่ลงจากเดิม และไม่เพิ่มขึ้นค่ะ แน่นอนว่าเรายังต้องระวังเรื่องอาหารและต้องออกกำลังกายนะคะ

ตอนนี้สิ่งที่เห็นชัดๆเลยคือ แต่งหน้าง่ายมากๆ บางทีแค่ทาตานิดเดียวก็สวยแล้วอะ ทั้งที่ไม่ได้ทำตาใหม่แต่อย่างใด คือ พอเสริมจมูก สลายไขมันกรอบหน้า คือทำให้หน้าเราดูชัดและมีมิติมากขึ้นเลยค่ะ หน้าเราเข้ารูปมากขึ้นเลยแต่งหน้าง่ายมาก ไวด้วย ไม่ต้องไฮไลท์คอนทัวร์อะไรเลย


และมาต่อในส่วนของเสื้อผ้านะคะ เป้บอกเลยว่าแต่งตัวง่ายขึ้นคะ หาชุดสวยๆใส่ได้ง่ายเพราะขนาดไซด์เราเล็กลง อาจจะไม่ได้ดูผอมอะไรมากนะคะ ต้องบอกว่าการดูดไขมันไม่ได้ทำให้เราผอมค่ะ แต่เป็นการดูดเพื่อกระชับสัดส่วน (เราดูดเอาไขมันส่วนเกินออกไปเท่านั้นค่ะ) ดังนั้น การดูดไขมันจะทำให้เรามีรูปร่างที่สมส่วนมากขึ้นค่ะ ถ้าเราอยากเฟิร์มให้มากขึ้นก็ออกกำลังกายเยอะๆและคุมอาหาร รับรองสวยค่า

ตอนนี้มีเพื่อนๆ ทักเยอะ คือหุ่นเราเข้ารูปมากขึ้นเยอะเลย แต่ก่อนไม่มีเอวค่ะ ตัวออกจะหนาๆ555 งานนี้เจอใครมีแต่คนทัก ปลื้ม ดีใจมากๆ รู้สึกเอ้อ ดีจังที่เรา ดูดี รู้สึกดีมากๆค่ะ แฮปปี้ งานนี้สวย55 ครั้งนี้ไปก่อนนะคะ เพื่อนๆ แล้วมาเจอกันอีกนะคะ​
 
:clap::clap: เปลี่ยนไปเยอะเลยครับ
 
กลับ
บน ล่าง