- เข้าร่วม
- 29 สิงหาคม 2019
- ข้อความ
- 16
ผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัดกับสาววัยเลข 4 ดูจะเป็นของคู่กันที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลยค่ะ
หลายๆคนน่าจะเข้าใจดีเพราะเจอปัญหาแบบเดียวกันแน่ๆ ถ้าใครมีวิธีแก้ไขปัญหายังไงมาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ
ส่วนตัวเรา เราเลือกที่จะไปปรึกษาคุณหมอที่คลินิกค่ะ เราเลือก DSK Clinic ที่รัชดาเพราะใกล้บ้านค่ะ
ตอนแรกมีเลือกไว้แล้วในใจว่าจะฉีด Botox กับ Fat เพราะรู้สึกกรอบหน้าไม่ชัด แล้วก็หน้าแลดูบานกว่าสมัยสาวๆ
ก็เลยทำการจองเข้าไป ที่นี่ต้องโอนเงินมัดจำก่อน 500 บาท เพื่อจองคิวค่ะ
พอไปถึงเปิดประวัติเรียบร้อย พนักงานน่ารักดีค่ะ ชอบที่มีการถ่ายภาพที่ห้องถ่ายภาพแบบจริงจัง เพื่อเป็นการติดตามผลของเรา
ที่เคยไปคลินิกอื่นๆไม่เคยเห็นแบบนี้ค่ะ ระหว่างรอปรึกษาแพทย์ น้องเซลก็เข้ามาคุยด้วย มาสอบถามปัญหา ความกังวล
ตอนแรกก็คิดว่าจะมายัดเยียดขายของเลยแบบที่อื่นๆ (บางที่ไมไ่ด้พบแพทย์ด้วยซ้ำ) แต่ไม่เลยค่ะ
น้องเซลให้คำปรึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และหัตถการ ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว
พอมาพบแพทย์ เราก็ได้แจ้งกับแพทย์ไปว่าเราดูไว้ว่าอยากฉีด Botox กับ Fat
แต่หลังจากแพทย์วินิจฉัยก็เบรกเราและบอกว่า ปัญหาของเราไม่ได้สามารถช่วยได้จาก Botox และ Fat แบบ 100%
เพราะเป็นความหย่อนคล้อยตามวัยจากความเสื่อมของชั้นผิวหนัง
แพทย์แนะนำให้เราทำ Ulthera ค่ะ เพื่อดึงผิวหนังชั้น SMAS นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ยินผิวหนังชั้นนี้
โดยแพทย์อธิบายว่าผิวหนังชั้น SMAS นั้นเป็นเหมือนเยื่อบางๆใต้ผิวหนังที่ยึดเกาะ
กับผิวหนังชั้นบนและล่าง หากเราสามารถทำให้ SMAS หดได้
แปลว่ามันจะช่วยยกผิวหนังเราทั้งใบหน้าให้ยกกระชับได้ ซึ่งเจ้า SMAS นี้เป็นเพียงเนื้อเยื่อบางๆ
ที่ถ้าไม่แม่นจริงยิงไม่โดน เพราะแต่ละคนชั้น SMAS ก็มีความลึกที่แตกต่างกัน
ไม่เพียงเท่านั้นชั้น SMAS ในคน คนเดียวกัน แต่คนละบริเวณก็ลึกแตกต่างกันไปอีก
ดังนั้นแพทย์จึงให้ใช้ Ulthera แทนเครื่อง Hifu อื่นๆ เพราะ Ulthera
สามารถสแกนหน้าเราให้เห็นชั้น SMAS ได้ก่อนการยิงลงไป ซึ่งปัจจุบันมีเพียง Ulthera เท่านั้นที่ทำได้
ทำให้เรามั่นใจได้ว่าการยิงพลังงานลงไปนั้นจะโดน SMAS จริงๆ
หลังจาก Consult กับแพทย์เสร็จ เราก็้ตกลงซื้อทันที โดยแพทย์ประเมินว่าเราต้องใช้ราว 600 ไลน์
พอตอนจะจ่ายเงินน้องเซลถึงเฉลยว่า ที่เค้าไม่ยัดเยียดคอร์สก่อนในตอนแรกเพราะต้องการให้เราได้พบแพทย์ก่อน
เพื่อให้แพทย์ประเมิน วิเคราะห์ วางแผน และออกแบบการรักษาของเราให้ก่อน เพราะยึดหลัก Customization
การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลค่ะ
โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกว่าปัญหาของเราเหมาะกับอะไร ทำยังไงถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เลยเป็นเหตุผลว่าวันนี้เราเลยอดฉีด Botox กับ Fat ตามที่ตั้งใจค่ะ เพราะมันไม่ได้ตอบโจทย์เราจริงๆ
ขอโชว์ผลลัพธ์นะคะ เปรียบเทียบระหว่างก่อนทำกับหลังทำ 1 เดือนค่ะ
ช่วงแรกหลังทำมันจะยกขึ้นทันที แต่จะยกขึ้นเรื่อยๆ เห็นผลชัดเจนราวๆ 3 - 6 เดือนค่ะ
หลังทำซัก 1 สัปดาห์แรกจะรู้สึกระบมๆหน่อย กดลงไปแรงๆที่ผิวจะมีเจ็บๆบ้างอันนี้เรื่องปกติค่ะ ทานพารา แก้ปวดค่ะ
สุดท้ายที่เรามาเขียนบทความรีวิวนี้ เพราะเราประทับใจกับแพทย์ที่ DSK Clinic มากๆค่ะ
อธิบายวิธีการรักษา การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล วิเคราะห์ดีมาก วางแผนการรักษาละเอียดชัดเจนจากปัญหาของเราจริงๆค่ะ
เพราะ ปัญหาที่ดูเหมือนกัน อาจมีสาเหตุที่ต่างกัน การรักษาจึงต้องต่างกัน ที่สำคัญเครื่องเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์อาจจะต่างกัน
ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วยค่ะ
ประทับใจมากๆค่ะ 😊
หลายๆคนน่าจะเข้าใจดีเพราะเจอปัญหาแบบเดียวกันแน่ๆ ถ้าใครมีวิธีแก้ไขปัญหายังไงมาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ
ส่วนตัวเรา เราเลือกที่จะไปปรึกษาคุณหมอที่คลินิกค่ะ เราเลือก DSK Clinic ที่รัชดาเพราะใกล้บ้านค่ะ
ตอนแรกมีเลือกไว้แล้วในใจว่าจะฉีด Botox กับ Fat เพราะรู้สึกกรอบหน้าไม่ชัด แล้วก็หน้าแลดูบานกว่าสมัยสาวๆ
ก็เลยทำการจองเข้าไป ที่นี่ต้องโอนเงินมัดจำก่อน 500 บาท เพื่อจองคิวค่ะ
พอไปถึงเปิดประวัติเรียบร้อย พนักงานน่ารักดีค่ะ ชอบที่มีการถ่ายภาพที่ห้องถ่ายภาพแบบจริงจัง เพื่อเป็นการติดตามผลของเรา
ที่เคยไปคลินิกอื่นๆไม่เคยเห็นแบบนี้ค่ะ ระหว่างรอปรึกษาแพทย์ น้องเซลก็เข้ามาคุยด้วย มาสอบถามปัญหา ความกังวล
ตอนแรกก็คิดว่าจะมายัดเยียดขายของเลยแบบที่อื่นๆ (บางที่ไมไ่ด้พบแพทย์ด้วยซ้ำ) แต่ไม่เลยค่ะ
น้องเซลให้คำปรึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และหัตถการ ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว
พอมาพบแพทย์ เราก็ได้แจ้งกับแพทย์ไปว่าเราดูไว้ว่าอยากฉีด Botox กับ Fat
แต่หลังจากแพทย์วินิจฉัยก็เบรกเราและบอกว่า ปัญหาของเราไม่ได้สามารถช่วยได้จาก Botox และ Fat แบบ 100%
เพราะเป็นความหย่อนคล้อยตามวัยจากความเสื่อมของชั้นผิวหนัง
แพทย์แนะนำให้เราทำ Ulthera ค่ะ เพื่อดึงผิวหนังชั้น SMAS นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ยินผิวหนังชั้นนี้
โดยแพทย์อธิบายว่าผิวหนังชั้น SMAS นั้นเป็นเหมือนเยื่อบางๆใต้ผิวหนังที่ยึดเกาะ
กับผิวหนังชั้นบนและล่าง หากเราสามารถทำให้ SMAS หดได้
แปลว่ามันจะช่วยยกผิวหนังเราทั้งใบหน้าให้ยกกระชับได้ ซึ่งเจ้า SMAS นี้เป็นเพียงเนื้อเยื่อบางๆ
ที่ถ้าไม่แม่นจริงยิงไม่โดน เพราะแต่ละคนชั้น SMAS ก็มีความลึกที่แตกต่างกัน
ไม่เพียงเท่านั้นชั้น SMAS ในคน คนเดียวกัน แต่คนละบริเวณก็ลึกแตกต่างกันไปอีก
ดังนั้นแพทย์จึงให้ใช้ Ulthera แทนเครื่อง Hifu อื่นๆ เพราะ Ulthera
สามารถสแกนหน้าเราให้เห็นชั้น SMAS ได้ก่อนการยิงลงไป ซึ่งปัจจุบันมีเพียง Ulthera เท่านั้นที่ทำได้
ทำให้เรามั่นใจได้ว่าการยิงพลังงานลงไปนั้นจะโดน SMAS จริงๆ
หลังจาก Consult กับแพทย์เสร็จ เราก็้ตกลงซื้อทันที โดยแพทย์ประเมินว่าเราต้องใช้ราว 600 ไลน์
พอตอนจะจ่ายเงินน้องเซลถึงเฉลยว่า ที่เค้าไม่ยัดเยียดคอร์สก่อนในตอนแรกเพราะต้องการให้เราได้พบแพทย์ก่อน
เพื่อให้แพทย์ประเมิน วิเคราะห์ วางแผน และออกแบบการรักษาของเราให้ก่อน เพราะยึดหลัก Customization
การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลค่ะ
โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกว่าปัญหาของเราเหมาะกับอะไร ทำยังไงถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เลยเป็นเหตุผลว่าวันนี้เราเลยอดฉีด Botox กับ Fat ตามที่ตั้งใจค่ะ เพราะมันไม่ได้ตอบโจทย์เราจริงๆ
ขอโชว์ผลลัพธ์นะคะ เปรียบเทียบระหว่างก่อนทำกับหลังทำ 1 เดือนค่ะ
ช่วงแรกหลังทำมันจะยกขึ้นทันที แต่จะยกขึ้นเรื่อยๆ เห็นผลชัดเจนราวๆ 3 - 6 เดือนค่ะ
หลังทำซัก 1 สัปดาห์แรกจะรู้สึกระบมๆหน่อย กดลงไปแรงๆที่ผิวจะมีเจ็บๆบ้างอันนี้เรื่องปกติค่ะ ทานพารา แก้ปวดค่ะ
สุดท้ายที่เรามาเขียนบทความรีวิวนี้ เพราะเราประทับใจกับแพทย์ที่ DSK Clinic มากๆค่ะ
อธิบายวิธีการรักษา การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล วิเคราะห์ดีมาก วางแผนการรักษาละเอียดชัดเจนจากปัญหาของเราจริงๆค่ะ
เพราะ ปัญหาที่ดูเหมือนกัน อาจมีสาเหตุที่ต่างกัน การรักษาจึงต้องต่างกัน ที่สำคัญเครื่องเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์อาจจะต่างกัน
ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วยค่ะ
ประทับใจมากๆค่ะ 😊
