รีวิว ★ แก้แกนจมูกเบี้ยว ตาเศร้า และโครงหน้าไม่เท่ากัน

DKpooook

สมาชิกโดดเด่น
Registered
เข้าร่วม
4 มิถุนายน 2019
ข้อความ
14
สวัสดีค่ะ ปุ๊ก นะคะ วันนี้จะมารีวิวการทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีค่ะ
เล่าให้ฟังก่อนว่าก่อนนี้เนี่ย ปุ๊กมีปัญหาบนใบหน้าอยู่หลายจุดเลย และด้วยอาชีพที่ปุ๊กเป็นนางแบบโฆษณา ต้องใช้ใบหน้าทำมาหากิน >< ก็อยากจะเป๊ะกว่านี้เนอะ
ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าหน้าก่อนทำมีปัญหาตรงไหนบ้าง


เริ่มจากจมูกค่ะ จมูกนี้ปุ๊กทำมาก่อนเมื่อ 8-9 ปีก่อน ซึ่งนานมากๆแล้ว เห็นได้ชัดเลยมีแกนจมูกเบี้ยวไปฝั่งนึงเลย แต่ถ้าใครไม่สังเกตจะไม่ค่อยเห็น เพราะส่วนใหญ่ที่ปุ๊กถ่ายรูปลงเฟซ ก็จะอาศัยเอียงข้าง ไม่ถ่ายหน้าตรงๆ กลัวคนทัก 555
จุดถัดมาคือ กรามค่ะ กรามด้านซ้ายปุ๊กมีขนาดที่ใหญ่กว่าด้านขวา คือหน้าสองฝั่งไม่เท่ากันนั่นเอง จมูกเบี้ยวไปฝั่งขวา กรามเบี้ยวไปฝั่งซ้าย โอยยย แบบนี้ก็ต้องแก้อะเนอะ เพราะค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการทำงานของปุ๊กพอสมควรค่ะ


กรามบานไปข้างนึงเลย
ถัดมาคือโหนกแก้มค่ะ มันทำให้หน้าปุ๊กดูมีอายุ ดูแก่กว่าวัย หน้าดูโทรมด้วย

ส่วนตา มีความตก ตาดูเศร้าไม่สดใส โหงวเฮ้งไม่ดีเลยอะ อยากแก้มากๆ
และแล้วปุ๊กก็ได้มีโอกาสมาศัลยกรรมที่โรงพยาบาลบาโนบากิ นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีศิลปินดาราของไทยมาทำศัลยกรรมที่นี่เยอะมากๆแห่งนึงเลยนะคะ และคุณหมอที่นี่ยังเป็นทีมแพทย์ในรายการศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต Let me in Thailand ที่หลายคนอาจจะเคยได้รับชมกัน
การศัลยกรรมครั้งนี้ของปุ๊กจะเป็นยังไง ไปติดตามกันได้เลยค่ะ
★*... ★ ...*★

การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรม
ก่อนไปศัลยกรรมที่เกาหลี ก็ต้องมีการเตรียมตัว หาข้อมูล ทั้งเรื่องการทำศัลยกรรมและการเดินทาง เพราะปุ๊กไม่เคยมาเกาหลีมาก่อนค่ะ
ก่อนหน้าที่จะได้รับเลือก ปุ๊กได้มีโอกาสพบคุณหมอโอ ชัง ฮยอน ซึ่งท่านมาให้คำปรึกษาศัลยกรรมที่ประเทศไทยพอดี คุณหมอก็วิเคราะห์คร่าวๆแล้วว่าเราควรจะทำส่วนไหนบ้าง จึงนำข้อมูลนั้นมาศึกษารายละเอียด บวกกับดูรีวิวจากคนอื่นๆประกอบไปด้วย เพื่อจะได้ทราบว่าขั้นตอนการทำศัลยกรรมมีอย่างไรบ้าง ซึ่งปุ๊กว่าสำคัญมากๆค่ะ เราจะได้เตรียมตัวที่จะเจอกับสถานการณ์ต่างๆ ถ้าเราศึกษาไว้บ้างแล้ว จะได้ช่วยลดความตื่นเต้น ความวิตกกังวลที่อาจจะเกิดขึ้นได้ค่ะ
สำหรับใครอยากปรึกษาศัลยกรรม คุณหมอจะมาที่ไทยเพื่อให้คำปรึกษาทุกเดือนค่ะ มีล่ามแปลให้เรียบร้อย มาที่ทองหล่อซอย 3 ได้เลยค่ะ รายละเอียดวันเวลาดูได้ในเฟซบุ้ค หรือ ig โรงพยาบาลศัลยกรรมบาโนบากิ ( Thai Banobagi )
นอกจากนั้นปุ๊กก็ศึกษารายละเอียดการเข้าตม. การเดินทางด้วยรถไฟ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ อาหารการกินต่างๆ
บางคนกังวลว่าจะไม่ผ่านตม. ตรงนี้ทาง รพ. มีใบรับรองการศัลยกรรม เพื่อยื่นให้ตม.ดูว่าเรามาทำศัลยกรรมกับ รพ. นี้จริงๆ พยายามรวบรวมเอกสารสำคัญๆไว้ค่ะ พวกใบจองตั๋วเครื่องบิน ใบจองโรงแรม
การเดินทางมาเกาหลีครั้งนี้ ปุ๊กเช่า pocket wifi มาจากที่ไทยนะคะ อันนี้เป็นของ Tripizee ราคาแล้วแต่โปรโมชั่นช่วงนั้นนะคะ หรือใครจะมาเช่าที่เกาหลีเลยก็มีนะคะ เห็นมีที่สนามบิน แต่อันนี้ต้องลองหาข้อมูลดูนะคะ



และที่ปุ๊กว่าค่อนข้างสำคัญเลย คือปุ๊กทำประกันการเดินทางไว้ด้วยค่ะ โดยปกติจะทำทุกครั้งที่ไปต่างประเทศอยู่แล้ว เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเวลาเราเดินทางหรือไปท่องเที่ยว ทำไว้อุ่นใจดีค่ะ
การเดินทางเข้าเมือง ปุ๊กเดินทางโดยรถบัส ราคาประมาณ 16,000 วอน/คน ซื้อที่ไทยแล้วมารับบัตรที่สนามบิน ถ้าจะไปรพ.เลยควรขึ้นสาย 6020 นะคะ ซื้อตั๋วได้ที่สนามบินค่ะ สายนี้จะจอดสถานี Yeoksam เดินต่อไปอีกนิดเดียวถึง รพ. ส่วนสายที่ปุ๊กขึ้น 6703 จะไปจอดแถวๆโรงแรม ปุ๊กเลยเลือกสายนี้เพื่อแวะโรงแรมก่อนค่ะ


แต่ถ้าใครมีสัมภาระน้อย แบบกระเป๋าใบเดียว ขึ้นรถไฟโลดเลยค่ะ เดินทางไม่ยาก ลองขึ้นสักครั้งสองครั้งจะเริ่มดูเป็นแล้วว่าต้องขึ้นตรงไหนยังไง รถไฟจากสนามบินไปสถานี Yeoksam ( สถานีที่ตั้งของ รพ. ) ราคาประมาณ 4,xxx วอนค่ะ
และการเดินทางด้วยรถไฟ สิ่งที่สำคัญมากๆๆๆๆๆ อีกสิ่งหนึ่งคือบัตรเงินสดค่ะ เราซื้อบัตร T-money ซื้อที่เมืองไทยแล้วมารับที่สนามบินอินชอนค่ะ เติมเงินในร้านสะดวกซื้อ เวลาซื้อของก็ติ๊ดบัตรได้เลย ขึ้นรถเมล์ รถไฟ ติ๊ดได้เลยไม่ต้องไปรอต่อแถวซื้อตั๋วให้เสียเวลาค่ะ บัตรหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ที่สนามบินก็มีค่ะ



แอพที่ควรโหลดก่อนมาเกาหลี เช่น Naver map เป็นแอพที่บอกการเดินทาง ต้องขึ้นรถไฟสายไหน ผ่านกี่สถานี เปลี่ยนขบวนสถานีไหน บอกอย่างละเอียดค่ะ ใช้งานง่าย ปักหมุดสถานที่สำคัญๆไว้ได้ ลองศึกษาดู เวลาเดินทางจะได้ไม่เสียเวลา

อีกแอพที่ชอบมากๆ Google Translate ค่ะ ใช้แปลเวลาเราอยากจะอ่านภาษาเกาหลี อาจจะเป็นป้าย เมนูอาหาร หรือของใช้ต่างๆ ปุ๊กใช้เวลาซื้อเครื่องสำอางค่ะ เวลาอยากทราบฉลากสินค้า มีตัวอย่างคร่าวๆให้ดูค่ะ

ใช้โหมดกล้อง แล้วถ่ายภาพตรงภาษาเกาหลีที่เราอยากทราบความหมาย

รอสักพักมันจะขึ้นข้อความที่สามารถแปลได้

ให้เราใช้นิ้วไฮไลท์ตรงข้อความที่ต้องการ แล้วแอพจะแปลออกมาให้ค่ะ บางคำอาจจะแปลแล้วแปล่งๆไปบ้าง แต่ถือว่าใช้ได้ดีทีเดียวค่ะ
ในเรื่องอาหารการกิน ปุ๊กเตรียมโจ๊กสำเร็จรูปจากไทยไปเยอะหน่อยค่ะ เพราะไม่ทราบว่าจะทานอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนใหญ่คงทานได้แค่อาหารเหลวๆ เพราะปุ๊กมีปรับรูปหน้า แผลจะอยู่ในปากทั้งหมดค่ะ


การแต่งตัว ดูตามสภาพอากาศในช่วงนั้นได้จากเว็บไซต์ accuweather.com ได้เลยค่ะ ยิ่งช่วงใกล้ๆจะแม่นมาก ตอนที่ปุ๊กไปอากาศไม่หนาวไม่ร้อนค่ะ มีเตรียมแขนยาวไปบ้าง นอกนั้นก็สบายๆเหมือนอยู่ไทยค่ะ
นี่ก็เป็นการเตรียมตัวคร่าวๆในการเดินทางมาทำศัลยกรรมที่เกาหลีของปุ๊กค่ะ เผื่อเป็นแนวทางให้ใครที่กำลังจะมาทำเหมือนกัน หวังว่าจะมีประโยชน์นะคะ
ตอนต่อไปมาดูขั้นตอนต่างๆที่โรงพยาบาลก่อนผ่าตัด และผ่าตัดแล้วกันนะคะ
รอติดตามชมกันด้วยน๊า
 
1 วันก่อนเข้ารับการผ่าตัด
มาถึงเกาหลีกันแล้ววว อันยอง~
วันนี้ต้องเข้าไปตรวจร่างกาย พบคุณหมอ และผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลกันก่อนนะคะ

เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาลตามนัด เราก็ต้องไปถ่ายรูปก่อน เพื่อเก็บภาพ before จากนั้นเตรียมตัวไปตรวจร่างกาย ขั้นตอนแรกคือเจาะเลือดค่ะ
ต่อไปทำ ct scan และ x-ray หลังจากนั้นเปลี่ยนชุดคลุมเพื่อไปตรวจคลื่นหัวใจ แล้วมาถ่ายภาพรูปหน้าตรง หัน 45 องศา ซ้าย-ขวา หัน 90 องศา ซ้าย-ขวา เสร็จแล้วรอพบคุณหมอค่ะ




ท่านแรกคือคุณหมอโอ ชัง ฮยอน เป็นแพทย์ที่ทำการผ่าตัดโครงหน้าของเรา
ในเคสปุ๊ก คุณหมอโอบอกว่า ปุ๊กมีใบหน้าที่ไม่เท่ากัน และโครงหน้าออกไปทางผู้ชาย คุณหมอจะทำการตัดกรามทั้งสองข้าง รวมไปถึงเลื่อนกระดูกคางที่ยื่นออกมามากเกินไปนิดนึง และยุบโหนกแก้ม ให้ใบหน้าโดยรวมมีความละมุนมากขึ้น และเหมาะสมกับเรามากที่สุดค่ะ


จากนั้นก็พบคุณหมอลี ฮยอน แท็ก ที่จะมาผ่าตัดแก้ไขจมูก และทำเอนโดไทน์ยกกระชับหน้าผาก
ในเคสปุ๊ก คุณหมอบอกว่าที่แกนจมูกเอียงไปด้านนึงน่าจะมาจากการเหลาฮัมพ์ไม่เสมอกันจากการทำจมูกครั้งก่อน และซิลิโคนเดิมที่เล็กเกินไป คุณหมอจะทำการแก้จมูกให้ โดยจะใช้ซิลิโคนและกระดูกหลังหูค่ะ และปุ๊กมีกระดูกตรงฐานจมูกที่ค่อนข้างใหญ่ คุณหมอก็จะทำการทุบตรงนี้ด้วย ฐานจมูกเราจะได้เล็กลงค่ะ
ส่วนตาคุณหมอบอกว่าไม่ต้องกรีดใหม่ค่ะ ใช้การทำเอนโดไทน์หน้าผาก เป็นการใส่อุปกรณ์ที่ศีระษะของเรา 3 จุด เพื่อยกให้ช่วงตาของเรามีความสดใสขึ้น ชั้นตาก็จะยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและไม่มีแผลที่ชั้นตาค่ะ

หน้าตาของอุปกรณ์เอนโดไทน์เป็นแบบนี้ค่ะ ( ภาพจากในอินเตอร์เน็ตนะคะ )


หลังจากปรึกษาคุณหมอทั้งสองท่านเสร็จ เราก็จะมาคุยกับผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งเพื่อสรุปสิ่งที่เราจะต้องทำและผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากผ่าตัด

จากนั้นเราก็จะไปซื้อยาที่ร้านขายยา ซึ่งอยู่ด้านหลัง รพ. เสร็จสิ้นขั้นตอนการปรึกษาในวันนี้เรียบร้อยค่ะ เตรียมกลับไปพักผ่อน เตรียมร่างกาย และลุยกันในวันผ่าตัดพรุ่งนี้ค่ะ
ヽ( ´ー`)ノ ♡ ♡
วันผ่าตัด

วันนี้มีนัดกับทางโรงพยาบาลตอน 9 โมงเช้า และเข้าผ่าตัดตอน 9 โมงครึ่ง

เมื่อถึงตามเวลานัด ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแล พาไปเปลี่ยนเสื้อคลุมและรองเท้า และกกน.แบบจีสติงให้ใส่ และรวบรวมของใช้ เสื้อผ้าของเราไว้ในกระเป๋าใบใหญ่ๆที่จาก รพ.เตรียมไว้ให้


จากนั้นก็ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัดแล้วค่ะ
ผ่าตัดเสร็จแล้ว ไม่แน่ใจว่าเข้าไปกี่ชั่วโมง เพราะหลังจากผ่าตัดเสร็จ เค้าจะต้องรอให้เราฟื้นจากยาสลบอีก แต่พอจะลืมตาและรู้สึกตัวขึ้น น่าจะประมาณ 1 ทุ่ม จากนั้นประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง ก็มีพยาบาล 2 คน มาช่วยกันพยุงเราลุกจากเตียงเพื่อกลับไปยังห้องพักฟื้น ตอนนั้นคือเรายังมึนมากเลย ตาลืมยังไม่ค่อยขึ้นดี เดินเซๆไปถึงห้องพัก
พอไปถึงห้องพักก็จะมีเจ้าหน้าที่ของ รพ. มาเป็นล่ามคอยอธิบายเรื่องการดูแลตัวเองคร่าวๆ แต่ตอนนั้นเรายังจับใจความไม่ค่อยได้เท่าไหร่เพราะยังมึนหัวมากๆเลย



ตอนนี้ยังจะยังกินอะไรไม่ได้นะคะไป 3 ชม.นะคะ คอแห้งและกระหายน้ำมากๆก็ต้องทน และห้ามหลับด้วยค่ะ สำหรับเรานี่ยากมากๆ แต่ก็พยายามอดทนจนผ่านมาได้
จากนั้น 4 ทุ่มครึ่ง พยาบาลนำน้ำส้มมาให้ดื่ม อร่อยมากๆๆๆๆ แล้วก็น้ำเปล่า แล้วก็ให้เราบ้วนปากเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ล่ามบอกไว้ว่า หลังจากบ้วนปากด้วยน้ำยาแล้ว ฟันเราอาจจะเหลืองได้เพราะน้ำยามีสีเข้ม จึงต้องบ้วนน้ำเปล่าตามค่ะ
จากนั้นประมาณ 5 ทุ่มเราก็ปิดไฟนอนแล้ว เรานอนคนเดียวนะคะ ให้แฟนไปนอนที่โรงแรมเพราะในห้องพักฟื้นไม่สะดวกสบายมากนัก เดี๋ยวตอนเช้าค่อยมารับ พอถึงเวลาหลับได้ดันไม่ยอมจะหลับอีก เฮ้ออ หลับๆตื่นๆไปจนถึงตีสองกว่า ปวดฉี่มากเลยค่อยๆลุกขึ้นแล้วค่อยเกาะเสาน้ำเกลือเดิน เข้าห้องน้ำ ไปขอน้ำเปล่าเพิ่ม และเดินไปเอาแผ่นประคบเย็นมาเปลี่ยน เสร็จสรรพเข้านอน และก็ตื่นมาอีกรอบประมาณตี 4 กว่าๆ เราก็ทำแบบเดิมซ้ำ ลุกไปเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนแผ่นประคบเย็น กลับมานอน แล้วลุกอีกทีน่าจะประมาณ 6 โมง ทำซ้ำแบบเดิมแล้วกลับเข้ามา สักพักคุณพยาบาลเข้ามาเช็คตอน 7 โมง เปลี่ยนแผ่นประคบให้ใหม่ และเพิ่มแผ่นประคบที่ตาเพิ่ม เพราะตาเราเริ่มบวม ประมาณ 8 โมงครึ่งแฟนก็เข้ามาหาที่ห้องพักเพื่อจะรับกลับไปพักฟื้นที่โรงแรมต่อค่ะ​
 
สามารถไปลงประชาสัมพันธ์ในกลุ่ม แชร์ประสบการณ์ศัลยกรรมเกาหลี เพิ่มได้นะครับ https://www.facebook.com/groups/452462338470129/
 
วันที่ 1 หลังผ่าตัด

สภาพหลังผ่าตัด 1 วันค่ะ ><




จะดูน่ากลัวๆหน่อยนะคะ แต่ไม่ได้เจ็บปวดทรมานแต่อย่างใด มีตึงๆแผล ปวดจี๊ดๆบ้าง เป็นอาการปกติหลังผ่าตัดค่ะ

วันนี้เราจะต้องออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปพักฟื้นที่โรงแรมนะคะ ช่วงเช้าประมาณ 9 โมง คุณพยาบาลก็จะเข้ามาถอดสายน้ำเกลือ ทำแผล รวมไปถึงถอดสายเดรนเลือดในปากของเราด้วย ขั้นตอนนี้คือเสียวมาก หลังจากถอดสายเดรนเลือดเราจะไม่สามารถทานอะไรได้ 6 ชม. หลังจาก 6 ชม.แล้ว ถึงเริ่มดื่มน้ำผลไม้ นม และเริ่มบ้วนปากได้เลยค่ะ

จากนั้นจะมีล่ามมาอธิบายการดูแลตัวเองในช่วงพักฟื้น การใช้ยา ทำแผลต่างๆ ใครกลัวลืมอัดคลิปไว้ได้เลยนะคะ จากนั้นเราก็เตรียมตัวเก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากโรงพยาบาลได้เลยค่ะ





ระหว่างอยู่ที่โรงแรม ก็หมั้นบ้วนปาก ล้างจมูก ประคบเย็น ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ และทานยาให้ครบทุกมื้อนะคะ



ช่วงกลางคืนตอนนอน ถือว่าเป็นช่วงที่ทรมานมากสำหรับเรา เพราะอยู่ๆก็เหมือนจะเป็นไข้ มีน้ำมูก เสมหะ และมีไอบ้างเป็นครั้งคราว ปวดตุ๊บๆทั่วหัวทั่วหน้า จนตื่นขึ้นมาทุกชั่วโมงเลย หลังจากตื่นเราก็ถือโอกาสเปลี่ยนแผ่นประคบเย็น และล้างจมูกไปด้วยเลย เพราะมีน้ำมูกออกมาเรื่อยๆ ตื่นตลอดทั้งคืนตั้งแต่ 4 ทุ่ม จนถึง 7 โมงเช้า กว่าจะผ่านคืนนี้ไปได้เล่นเอาจะร้องอยู่เหมือนกันค่ะ



วันที่ 2 หลังการผ่าตัด

วันนี้หน้าตอนตื่นรู้สึกบวมขึ้นมานิดหน่อย ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ วันนี้ไม่ได้ออกไปข้างนอกโรงแรมเนื่องจากฝนตกปรอยๆตลอดทั้งวัน และรู้สึกเหมือนจะไม่ค่อยสบาย เลยเดินวนไปมาในห้องแทน

ช่วงบ่าย ต้องแกะพลาสเตอร์ตรงคางออก ค่อนข้างแกะยากมากๆทีเดียว เราเอาออยล์ล้างเครื่องสำอางกันน้ำ ออกง่ายขึ้นเยอะค่ะ เทใส่คอตต้อนบัดแล้วค่อยๆถู หลังๆไม่ทันใจใช้ออยล์ละเลงใส่นิ้วแล้วค่อยๆถูเลยค่ะ ออกแล้วก็เอาทิชชู่เปียกเช็ดอีกทีพวกคราบเหนียวๆ โล่งสบายเลยค่ะ





วันนี้มีเสมหะในลำคออยู่พอสมควร บางทีมันคันคอมากจนไอออกมาไม่รู้ตัว เป็นเสมหะข้นๆปนเลือด และก็มีเลือดใสๆก็ไหลออกมาจากจมูก เสียงวันนี้จะอู้อี้มากเลยเหมือนจะเป็นไข้ อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็นเพราะมีฝนตกปรอยๆ



อาหารที่ทานในวันนี้ค่ะ เป็นนมถั่วเหลือง น้ำส้ม และน้ำผลไม้รวมค่ะ ทานเย็นๆอร่อยสดชื่นดี ช่วง 2-3 วันนี้อาจจะยังทานอะไรไม่ค่อยได้นะคะ ทานเป็นพวกน้ำๆแบบนี้ดื่มง่ายดีค่ะ แต่น้ำตาลเยอะอยู่ ><
ลืมบอกเวลานอน เราจะกึ่งนั่งหลับเอานะคะ คือเอาหมอนหนุนหลังไว้ 2 ใบ ด้านหน้ารองหลังอีก 1 ใบ จัดท่าทางให้ลงล็อคก็นอนสบายอยู่นะคะ มีอึดอัดบ้าง ถ้าเมื่อยช่วงล่าง ใช้การสลับพับมาไปมาเพื่อเปลี่ยนท่านอน​
 
วันที่ 3 หลังการผ่าตัด



วันนี้สามารถแกะผ้าบริเวณที่คาดหัวไว้ได้แล้ว และสระผมได้ เลยไปใช้บริการสระผมที่ได้คูปองมาฟรีจากทางโรงพยาบาล


ร้านอยู่หลังรพ.ต้องไปอีกนิดหน่อย ถึงที่ร้านก็จัดแจงสระผมให้ด้วยความระมัดระวัง
และเป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็น จะไม่ได้เซททรงให้เรานะคะ หลังสระสบายหัวมากเลย

ไหนๆผ่านร้านยาเลยแวะซื้อยาที่ใกล้จะหมด เช่น น้ำยาล้างแผล คอตต้อนบัด เพราะเราล้างจมูกวันละหลายรอบมากๆ เรียบร้อยแล้วก็กลับที่พักค่ะ
ช่วงเย็นอากาศดี มีออกไปเดินเล่นนิดหน่อยเพื่อออกกำลังกาย สูดอากาศสดชื่นๆ และช่วยให้อาการบวมน้อยลง



แม๊คบนหัวเป็นแบบนี้ค่ะ จับไปเจ็บนิดๆ ต้องหมั่นทำความสะอาดทุกวันนะคะ


ヽ( ´ー`)ノ ♡ ♡


วันที่ 4 หลังการผ่าตัด



สังเกตหน้าตัวเองวันนี้ไม่บวม ไม่ค่อยช้ำเลย มีรอยเหลืองๆบางๆใต้ตา ไม่มีอาการเจ็บปวดแผลอะไรนะคะ จับไปมีแปล๊บๆบ้างบริเวณที่ผ่าตัด เป็นอาการปกติค่ะ



หลังจากตื่นนอนก็ใช้ทิชชู่เปียกเช็ดหน้าเบาๆ เพราะเรายังล้างหน้าไม่ได้ หลังจากนั้นทานอาหารเช้าเป็นนมถั่วเหลือง กับ น้ำผลไม้ ทานยา และทำตามสเตปเดิมเหมือนทุกๆวัน บ้วนปาก ล้างแผล ล้างจมูก ทายา

ช่วงบ่ายๆออกไปเดินเล่นแถวกังนัมค่ะ จริงๆเราจะมาเดินตั้งแต่วันที่ 2-3 แล้ว แต่เนื่องจากหลังผ่าตัด มีวันนั้นของเดือนมาพอดี บวกกับอาหารที่ทานเป็นเพียงแค่เครื่องดื่ม ทำให้ร่างกายค่อนข้างเพลีย กลัวจะเหนื่อยเกินไป





เดินจากโรงแรมไปถึงกังนัมประมาณเกือบ 2 กม. เพราะกลัวว่าถ้านั่งรถบัสรถไฟ คนเยอะๆเบียดกัน อาจจะโดนศอก หรือมีการกระแทกเทือนหน้าเราได้ ต้องระมัดระวังเลยเลี่ยงดีกว่า ช่วงนี้ค่อนข้างเหนื่อยง่ายเพราะทานอาหารได้น้อย เดินไปพักไปค่ะ

วันนี้เดินเยอะมากๆและอากาศค่อนข้างเย็น อาจจะเป็นส่วนช่วยทำให้เราพื้นตัวไวขึ้น เพราะได้ออกกำลังกาย สูดอากาศ เลือดลมไหลเวียนดี ไม่อุดอู้อยู่แต่ในโรงแรม พยายามเดินออกกำลังกายเยอะๆนะคะ

ヽ( ´ー`)ノ ♡ ♡

วันที่ 5 หลังการผ่าตัด



เช้านี้เริ่มทานโจ๊กสำเร็จรูปแล้วนะคะ เพราะเมื่อวานเดินจนหมดแรงจริงๆ ก่อนหน้านี้ขี้เกียจขยับปากเยอะเลยกินแต่น้ำๆ ใครที่พอจะทานได้ตั้งแต่ 3-4 วัน ก็สามารถทานได้เลยนะคะ จะได้มีแรง


ปุ๊กกินยี่ห้อนี้ค่ะ จริงๆเอามาหลายยี่ห้อ แต่ยี่ห้อนี้โจ๊กเนื้อเนียน ไม่ข้นจนเกินไป ทานง่ายดี โซเดียมสูงพอประมาณ >< เวลากินใช้ช้อนจิ๋วๆตักกินจะได้ไม่ต้องอ้าปากเยอะค่ะ มันตึง


วันนี้เริ่มทานใบบัวบกอัดเม็ดเป็นวันแรก ตอนแรกชั่งใจว่าจะกินดีมั้ย เพราะหน้าเราไม่ค่อยช้ำเลย มีเหลืองนิดๆใต้ตา แต่ซื้อมาแล้วกินเถอะเนอะ เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องอาการฟกช้ำแล้ว ใบบัวบกยังช่วยในการสมานแผล ลดอาการอักเสบ เรากินพร้อมยาเลย เช้า-กลางวัน-เย็น มื้อละ 1 เม็ด

ปุ๊กเลือกยี่ห้อที่เป็นสารสกัดจากใบบัวบกนะคะ เห็นยี่ห้ออื่นจะเป็นผงใบบัวบก ถึงปริมาณจะมากกว่าแต่เราว่า ตัวที่เป็นสารสกัดย่อมเข้มข้นกว่าผง ตัวนี้สารสกัดจากใบบัวบกเม็ดละ 200 มก. ทานง่ายค่ะ 60 เม็ด ราคา 230 บาท ( ซื้อที่เพ็ชรัตน์ฟาร์มาค่ะ )



วันนี้ช่วงบ่ายมีนัดกับทาง รพ. เพื่อทำการถอดเฝือกที่จมูกออก แล้วก็คลีนหน้า ขั้นตอนนี้สบายหน้ามากๆค่ะ มีเจ็บนิดตามจุดที่เรามีแผล ได้เห็นทรงจมูกคร่าวๆแล้ว มีช้ำๆเหลืองๆเล็กน้อย และยังบวมอยู่นะคะ



หลังจากนั้นก็ไปอบอ็อกซิเจนในตู้ 20 นาที เหมือนยานอวกาศ 555 ตอนทำจะมีหูอื้อๆเจ็บๆบ้างนะคะ เจ้าหน้าที่บอกว่าอยากให้ทนหน่อย ซึ่งเราก็เจ็บจริงๆนะ กลืนน้ำก็ยังอื้ออยู่ข้างเดียว แต่พอผ่านไปสักพักเริ่มปกติค่ะ นอนจนครบเวลาก็เกือบหลับเหมือนกัน



ต่อไปเป็นการฉายแสงค่ะ ทั้ง 2 ขั้นตอนที่กล่าวมาจะช่วยในเรื่องการลดบวม ลดอาการฟกช้ำนะคะ เราก็นอนบนเตียงเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการฉายแสงสีเหลืองๆอุ่นๆ เป็นเวลา 20 นาที หลับได้เลยค่ะขั้นตอนนี้

จากนั้นก็ไปใส่เฝือกที่จมูกใหม่นะคะ เนื่องจากมีการตกแต่งกระดูกข้างจมูก การใส่เฝือกตัวนี้จะช่วยประคองจมูกไว้ค่ะ เค้าจะใช้วัสดุแผ่นๆทำให้อ่อนลงด้วยความร้อน แล้วนาบบนจมูกเรา จะรู้สึกอุ่นๆ เหมือนเป็นการพิมพ์เฝือกขึ้นใหม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะตกแต่งให้เข้ารูปทรง และแปะกลับลงไปที่จมูกของเราโดยใช้พลาสเตอร์ยึดไว้

เสร็จสรรพขั้นตอนการ check up หลังการผ่าตัดวันที่ 5 ค่ะ​
 
วันที่ 6 หลังการผ่าตัด



ใต้ตายังมีรอยช้ำเหลืองๆบางๆ อีกไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้วค่ะ ช่วงกรอบหน้าที่ยังบวมๆต้องใช้เวลาให้ยุบอีกนานพอสมควรนะคะ เดี๋ยวทาง รพ. จะมีผ้ารัดหน้ามาให้ จะได้กระชับเนื้อที่ย้อยๆบวมๆให้เข้ากรอบหน้าเรามากขึ้นค่ะ

ช่วงนี้ยังกินอะไรไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ ทานได้แค่น้ำๆ กับโจ๊กสำเร็จรูป ปากอ้าได้น้อยมากค่ะ บดเคี้ยวอะไรแทบไม่ได้เลย สั่งราเมนมากินได้แต่น้ำกับเส้น 2-3 เส้น ฮือออ



มีเมนูอร่อยมานำเสนอค่ะ ^^ เผื่อเป็นทางเลือกให้ทาน ตัวนี้เป็นโรลครีมสด น่าจะเป็นครีมชีสนะคะ รสออกมันๆเค็มๆนิดๆ เอาตัวแป้งแช่กับนมสดกินด้วยกันอร่อยดีค่ะ

ช่วงบ่ายไปเดินเล่นฮงแด เดินเยอะๆจะได้ยุบไวๆ
ถ้าจะออกไปเที่ยวแล้วกลัวเขิน ใช้แมสปิดอำพรางไปก่อนก็ได้ค่ะ


ปิดท้ายด้วยรูปจากฮงแด แอบเอาเฝือกออกตอนถ่าย ปิดแมสสักนิด อัพรูปลงเฟซไม่มีใครรู้เลยว่าแอบมาทำหน้า ><



วันที่ 7 หลังการผ่าตัด




วันนี้นัดกับทางรพ. เพื่อ check up ก่อนกลับไทย และมีตัดไหมที่จอนข้างหูทั้งสอง เช็คแผลที่จมูก หลังหู
ฉายแสงลดอาการช้ำ 20 นาที x-ray และ ct scan ถ่ายรูปอัพเดท



รวมไปถึงพบคุณหมอโอ ซึ่งเป็นคุณหมอที่ปรับโครงหน้าให้เรา คุณหมอก็อธิบายว่าตัดตรงไหน ยุบตรงไหนไปบ้าง รวมถึงฝากว่า อย่าให้น้ำหนักเพิ่ม !!! 55555 คุณหมอบอกเราว่าต้องช่วยกันนะ สิ่งที่เราทำไปจะได้บังเกิดผลที่ชัดเจน

หลังจากพบคุณหมอแล้ว น้องล่ามก็เอาผ้ารัดหน้ามาให้ พร้อมอธิบายวิธีการใส่ และระยะเวลาที่เราจะต้องรัดและพักหน้า ต้องรัดหน้าไป 2 เดือนเต็มๆค่ะ

อัพเดทหน้าวันที่7ค่ะ





วันที่ 8 หลังการผ่าตัด




ถึงไทยช่วงเช้าตอนตี 5 กลับถึงบ้านจัดการเก็บข้าวของ 6 โมงออกไปตลาดหาของกินต่อเลย ลุยย !! จะได้ทานข้าวเช้า ทานยา และจะได้งีบสัก 3-4 ชั่วโมง เพราะบนเครื่องแทบจะไม่ได้นอนเลย



ไปตลาดเลยจัดน้ำมะพร้าวน้ำหอมสดๆมาทานด้วย จะได้ช่วยให้หน้ายุบบวม เข้าที่ไวขึ้นค่ะ
รอยช้ำเหลืองๆใต้ตาแทบจะไม่เหลือแล้ว หน้าก็เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้น มองเผินๆเหมือนไปผ่าฟันคุดมาสองข้าง >< ตื่นเต้นๆๆ อยากยุบบวมไวๆ


วันนี้เริ่มรัดผ้าที่หน้าเป็นวันแรกค่ะ จริงๆเริ่มได้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อวานเป็นวันที่เราจะต้องเดินทางกลับไทย ก็จะยังไม่สะดวกหน่อย




การรัดผ้าจะมีตารางจากทาง รพ. ส่งมาให้นะคะ ว่าเราต้องรัดกี่นาที พักกี่นาที และห้ามรัดตอนนอน ตอนรัดก็จะมีเจ็บหูบ้างค่ะ เพราะเราผ่าตัดเอากระดูกหลังหูมาใช้ในการทำจมูกด้วย เวลาใส่ก็ขยับๆให้เข้าที่ ตรงที่แปะช่วงคาง รัดให้ลึกหน่อย ผ้ามันจะได้ไม่ไปโดนตรงหลังหูมากค่ะ



ปุ๊กซื้อคอตต้อนบัดแบบยาวมาใช้เพิ่มนะคะ ปลายสำลีมันจะใหญ่กว่าคอตต้อนบัดแบบเล็กนิดหน่อย ใช้ล้างจมูกสะดวกดี รวมถึงแผลบนหัวด้วย อันนี้สำลีไซซ์ S 100 ก้าน ราคา 28 บาทค่ะ​
 

วันที่ 9 หลังการผ่าตัด
ผ่านมา 9 วันแล้ว ไปดูรูปอัพเดทกันก่อนดีกว่า





อาการบวมๆดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ หมั่นรัดผ้าตามที่ทาง รพ. แนะนำนะคะ ผิวจะได้กระชับเข้าที่ไวๆ รอยช้ำจางไปหมดแล้ว
วันนี้นั่งทำตารางสำหรับรัดผ้าเองด้วยค่ะ ใช้ word ทำง่ายๆแบบคนอ่อนคอม 5555 เอาแบบที่เราสะดวกเลย ใช้ดินสอติ๊กไว้จะได้ไม่ลืมว่าทำถึงไหนแล้ว




สู้ๆนะ ต้องรัดไป 2 เดือนเต็มเลย
หลังจากผ่านมา 9 วันที่ผ่าตัดมาและไม่ค่อยได้กินอะไรเลย เลยนึกขึ้นได้ว่าน่าจะลองชั่งน้ำหนักดู ปรากฏว่าน้ำหนักลดไปเกือบ 2 kg. จากที่ชั่งตอนก่อนขึ้นเขียง เอ้ยย ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ชั่งได้ 53.9 kg. ผ่านมา 9 วัน น้ำหนักเหลือ 52.2 kg. ลดไป 1.7 kg. ถือว่าลดไม่มากนะคะ อาจจะเป็นเพราะอาหารที่ปุ๊กทานเป็นจำพวกนม โยเกิร์ต น้ำผลไม้ อาหารพวกนี้น้ำตาลเยอะมากๆ โดยเฉพาะน้ำผลไม้ นมเปรี้ยว มันเลยทำให้น้ำหนักลดไม่มาก หลังจากนี้จะพยายามเลือกอาหารที่เน้นโภชนาการมากขึ้น คุมโซเดียม คุมน้ำตาลให้ดีขึ้น เพื่อเป็นการลดน้ำหนักไปในตัวค่ะ ไหนๆก็ทานอะไรไม่ค่อยได้แล้ว หน้าต้องเรียว หุ่นต้องเพรียวไปด้วย ^^

ヽ( ´ー`)ノ ♡ ♡


วันที่ 10 หลังการผ่าตัด
วันนี้มีนัดตัดไหมในจมูก หลังหู และเอาแม๊คบนหัวออก แต่เนื่องจากเรากลับไทยมาแล้ว จึงต้องไปตัดไหมที่ไทยค่ะ ทางบาโนบากิจะออกเอกสารการตัดไหมให้ แล้วให้ปุ๊กเอาไปยื่นตัดไหมที่รพ.ที่สะดวกในไทยค่า

ตัดไหมเสร็จแล้ว ความรู้สึกคือ เจ็บ 5555 เนื้อในจมูกมันอ่อนๆ เวลาแหย่เครื่องมือตัดไหม มันจะเสียวๆ น้ำตาเล็ดไปหลายรอบ เพราะไหมที่คุณหมอใช้เย็บค่อนข้างแข็ง และเย็บเข้าไปลึก ( ในรูจมูก ) ส่วนด้านหลังหูจะง่ายหน่อย เจ็บจิ๊ดๆทนไหว มาที่แม๊คบนหัว เจ็บเหมือนกันค่ะ แต่เจ็บแบบทนได้ เจ้าหน้าที่ที่ตัดไหมให้บอกว่ายังมีไหมในปากที่เจ็บกว่านี้ ใครไม่ร้องให้ถีบ 5555 ไม่อยากจะคิดถึงตอนมาตัดเลย แค่ในจมูกยังร้องเลย
จากนี้สามารถสระผมได้เลยค่ะ อย่าลืมเป่าผมให้แห้งสนิทนะคะ
มาดูรูปอัพเดทสำหรับวันที่ 10 หลังผ่าตัดกันค่ะ
 
วันที่ 11 หลังการผ่าตัด


วันนี้ออกไปซื้อของกินตุนไว้ รอบนี้พยายามลดน้ำตาลให้น้อยลง แต่ยังเน้นไปที่รสชาติที่ชอบนะคะ จะไม่ฝืนจนเกินไป เพราะแค่ทานอาหารอื่นไม่ได้ก็ค่อนข้างเครียดแล้ว TT เรื่องลดน้ำหนักเลยเอาเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ


1
นมถั่วเหลืองแบบขวดค่ะ เก็บได้หลายวันหน่อย เผื่อวันไหนไม่ได้ไปตลาด จะกินแบบขวดแทนค่ะ น้ำตาลพอประมาณ ปริมาณ 280 มล. ราคาขวดละ 20 บาทค่ะ ซื้อที่ Home fresh mart
นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากนะคะ โดยเฉพาะผู้ที่ผ่าตัด หรือทำศัลยกรรม มีส่วนช่วยฟื้นฟูร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ให้พลังงาน มีโปรตีนสูงทดแทนเนื้อสัตว์ที่เราจะยังเคี้ยวไม่ได้ในช่วงนี้ค่ะ

2
โยเกิร์ตจากนมถั่วเหลือง น้ำตาลแค่ 5 กรัม เทียบกับโยเกิร์ตตัวอื่นที่ทำจากนมวัว น้ำตาล 10 กรัม ขึ้นไปทั้งนั้นเลย รสชาติดีเลยค่ะ กลิ่นนมถั่วเหลืองชัดเจน ไฟเบอร์สูง ไว้ทานระหว่างวันเวลาหิวได้ดี ปริมาณ 130 มล. ราคา 20 บาทค่ะ

3
นมอัลมอนด์ที่อยากแนะนำ ^^ ยี่ห้อนี้อร่อยดีค่ะ ตัวนี้เป็นรสจืดแต่ทานง่ายมากๆ ชอบรสนี้ที่สุด ที่สำคัญ 25 แคลเอง รสอื่นๆก็อร่อย ที่เคยกินมีรสหวาน ชาเขียว วนิลลา ช็อคโกแลต ลองดูนะคะ
4
เหล่าบรรดาน้ำมะพร้าวไว้ทานลดบวม แต่บางตำราบอกไม่ช่วย แหะแหะ เป็นแบบน้ำล้วนๆ เพราะเคี้ยวเนื้อไม่ค่อยได้ค่ะ

ขวดแรกซื้อแถวตลาด ปริมาณ 250 มล. ราคา 25 บาท
ถัดไปซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ต แผนกน้ำผลไม้คั้นสด ปริมาณ 300 มล. ราคา 39 บาท
สุดท้าย coco max ซื้อตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ปริมาณ 350 มล. ราคา 25 บาท
พูดถึงของกินแล้ว อัพเดทอาการช่วงปากหน่อยแล้วกันค่ะ ตอนนี้อ้าปากยังไม่ค่อยได้ จะได้อ้าประมาณช้อนเล็กเข้าปากเท่านั้น ถ้าอ้ากว้างเกินจะรู้สึกตึงๆ มีความกึกๆของกราม การเคี้ยว ยังไม่มีแรงบดเคี้ยวอาหารหนักๆ ทานได้เป็นข้าวต้มปลา ปลาพอเคี้ยวๆได้ค่ะ โจ๊กหมู บดๆบี้ๆให้หมูละเอียดแบบไม่ต้องเคี้ยว ช่วงนี้ก็พยายามทานให้หลากหลายมากขึ้น ใจอยากกินผัดกระเพรา ต้มยำแล้ว >< อดทนๆเพื่อความสวย
ヽ( ´ー`)ノ ♡ ♡
วันที่ 12 หลังการผ่าตัด

ตอนเช้าอยู่บ้านทั้งวัน ก็รัดผ้าวนไปค่าา~


มาลองเปรียบเทียบช่วงตาให้ดูดีกว่า ว่าทำเอนโดไทน์แล้วมันดีขนาดไหน
พร้อมยางงง...


ว้าววว ชั้นตาดีขึ้นมากเลย มันดูสดใส ดูอ่อนเยาว์ลง สังเกตพื้นที่ระหว่างตากับคิ้วเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากตาที่เป็นสองชั้นหลบใน ตอนนี้ชั้นตาชัดขึ้นเลย นี่ไม่ได้กรีดตาสองชั้นนะเนี่ยย ^^

หน้ายังคงอูมๆ ปากก็อูมๆเหมือนคนน้ำหนักขึ้นสัก 10 กิโล ปากก็ขยับไม่ได้มาก ทานอาหารยังคงเหมือนเดิมคือข้าวต้ม โจ๊ก และเครื่องดื่มนม น้ำเต้าหู้ต่างๆ ช่วงนี้ก็ต้องขยันรัดผ้าทุกวันอย่างมีวินัย


ヽ( ´ー`)ノ ♡ ♡
วันที่ 13 หลังการผ่าตัด



ใครอยากเห็นแผลจากการเอนโดไทน์บ้าง ยกมือขึ้นนน

แผลจะซ่อนอยู่ในไรผมนะคะ แสกผมปิดก็ไม่เห็นแล้วค่ะ


ความรู้สึกบนหัวเป็นยังไงบ้าง ?? ชามั้ย ??
ปุ๊กก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ชาหัวมากนะคะ จับไปก็มีความรู้สึกเหมือนปกติ ช่วงกลางหัวมีชาๆบ้าง แต่นิดเดียวเท่านั้นค่ะ แผลบนหัวก็ยังคงทำความสะอาดเหมือนทุกวันค่ะ ใช้คอตต้อนบัดจุ่มน้ำยาเช็ดๆ
ซื้อครีมทารอยแผลเป็นมารอแล้ว Mederma เวลามีแผลที่ไร ต้องตำตัวนี้มาทาตลอด ซื้อจากเพ็ชรัตน์ฟาร์มา หลอดใหญ่ 20 g. 500 บาทค่ะ


วันนี้เริ่มทารอยแผลเป็นตรงจอนข้างหูเป็นที่แรก และตรงปลายจมูก อีกสัก 2-3 วันจะทารอยแผลที่หลังหูด้วยค่ะ
พรุ่งนี้จะตัดไหมในปากแล้ว ตื่นเต้นมากเลย จินตนาการความเจ็บไม่ถูก จะเป็นยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้มีอัพเดทให้ฟังนะคะ​
 
วันที่ 14 หลังการผ่าตัด
วันนี้มีนัดตัดไหมในปากค่ะ ภาวนาขอให้ไม่เจ็บมากนะ เริ่มกลัวแล้วเพราะโดนขู่ไว้เยอะ
ความรู้สึกตอนตัดไหมในปาก
บริเวณตรงกระพุ้มแก้ม เหงือกด้านบนไม่เจ็บมากนะคะ เจ็บแบบทนได้ ส่วนใหญ่จะเสียวไปเองจนเกร็ง แต่ช่วงคางนี้ขอบอกเลยค่ะว่าเจ็บมากกก พอแหย่เครื่องมือไปโดนปุ๊บ ร้องออกมาเองโดยไม่รู้ตัวเลยค่ะ พอเค้ากำลังจะตัดก็รู้สึกเจ็บมาก ร้องไห้เลย โชคดีที่พี่คนตัดไหมเค้าใจดีมาก ค่อยๆตัดอย่างใจเย็น และหยุดพักให้เราหายใจหายคอ ซับน้ำตาเป็นระยะๆ ความรู้สึกให้นึกถึงตอนเป็นร้อนในในปาก แล้วเผลอเอาช้อนกระแทกไปโดนอะค่ะ มันสะดุ้งเลย ซี้ดมากช่วงคางนะคะ หลายคนบอกว่าตรงนี้เจ็บเพราะเส้นประสาทเยอะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า เจ้าหน้าที่ที่ตัดไหมเค้าบอกว่าคุณหมอเย็บแน่นมาก ไหมแทบจะจมไปอยู่ในเนื้อเหงือกแล้ว เลยจะค่อนข้างจะตัดยาก จะเจ็บหน่อย ตัดเสร็จชาไปหมดทั้งปากเลยค่ะ


ผ่านมา 2 อาทิตย์แล้ว โดยรวมอาการดีขึ้นมากๆแล้วค่ะ เหลือช่วงกรามที่เราต้องรอให้ยุบบวมและกระชับเข้าให้มากกว่านี้ จมูกก็ยังบวมอยู่ช่วงปลายๆค่ะ
ยังอ้าปากได้ไม่เยอะค่ะ เวลากินข้าว จะเอาช้อนเข้าปากมันก็จะติดฟัน ต้องใช้ช้อนเล็กๆ ใส่อาหารให้แบนๆหน่อย แล้วค่อยๆใส่ปาก แรงบดเคี้ยวยังไม่ค่อยมีค่ะ เพราะอ้าปากได้น้อยนี่แหละ


อ้าสุดได้แค่นี้เอง ><
เดี๋ยวตอนประมาณ 1 เดือน เราจะได้เริ่มฝึกอ้าปากแล้วค่ะ เนื่องจากหลังผ่าตัดกล้ามเนื้อจะแข็งตัว ถึงตอนนั้นเป็นยังไงเดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังนะคะ

ヽ( ´ー`)ノ ♡ ♡
ในช่วงนี้การเปลี่ยนแปลงของใบหน้าจะไม่ต่างกันมากค่ะ ปุ๊กเลยจะขอรวบยอดอัพเดทอาการเป็นอันเดียวเลยค่ะ


หลังจากที่ตัดไหมในปากเรียบร้อยแล้ว และสามารถแปรงฟันได้แล้วนั้น ปุ๊กจะใช้แปรงสีฟันเด็กแปรงฟันนะคะ เพราะแปรงผู้ใหญ่จะไม่ถนัด เอาเข้าปากเพื่อแปรงฟันด้านในไม่ได้เลย เพราะอ้าปากได้น้อย


เลือกที่หัวเล็กๆด้ามยาวๆนะคะ เวลาแปรงฟันกรามซี่ในสุดจะได้แปรงถึงค่ะ ค่อยๆบรรจงแปรงเบาๆ นาทีนี้อยากแปรงฟันมากกกก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 5555 ตามซอกหลืบด้านในหรือร่องเหงือกต่างๆที่เราแปรงไม่ถึง อาจจะใช้น้ำยาบ้วนปากสูตรอ่อนโยนบ้วนตามเพื่อความสะอาดที่มากขึ้นค่ะ
ช่วงที่ยังทานอาหารปกติไม่ได้ ปุ๊กก็จะพยายามหาเมนูที่กินง่ายๆ มาสลับๆกินเพื่อจะได้ไม่เบื่อค่ะ เพราะเมนูหลักยังเป็นข้าวต้ม โจ๊ก เพราะกินง่ายไม่เมื่อยกราม กินจนเบื่อกันไปข้างนึงอะค่ะ
ด้านล่างนี้เป็นเมนูที่ปุ๊กทานช่วงนี้ เผื่อจะได้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่จะต้องผ่าตัดช่วงกรามแบบปุ๊กนะคะ
• มันบด KFC / Texas ฟินมากค่ะ กินแต่พอดีนะคะ มันเค็มเดี๋ยวหน้าบวม ><
• น้ำเต้าหู้นมสด ใส่เนื้อเต้าฮวย แบบหวานน้อย
• เนสวีต้า มีหลายรสชาติค่ะ อิ่มเบาๆ ทานมื้อเช้าเวลารีบๆ
• ซุปข้นปู ซุปครีมเห็ด ซุปครีมข้าวโพด ที่ขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวโซนสลัดบาร์
• เนื้อปลานึ่งซีอิ๊ว นึ่งบ๊วย นึ่งมะนาว ย่างเนย ย่างเกลือ พริกไทยดำ
• ไข่ลวก ไข่ตุ๋น ไข่คน เมนูมาตรฐาน
• เต้าหู้ทรงเครื่อง ใช้เป็นเนื้อปูหรือหมูสับละเอียดๆ ทานกับข้าวสวยหุงนิ่มๆ
• ห่อหมกเนื้อปลาแบบเผ็ดน้อยๆ
• ไอศครีมหลากรส กินเป็นของว่างเวลาเซ็งๆ ของหวานเนี่ยช่วยได้เยอะเลย
• สมูทตี้ผลไม้รวม เอาผลไม้แช่แข็ง เช่น มะม่วง สตรอเบอรรี่ กีวี่ กล้วย ปั่นรวมกัน ใส่โยเกิร์ตด้วยก็ได้ค่ะ ดื่มเย็นๆสดชื่นมาก
• บัตเตอร์เค้กทานกับนม โอวัลติน โกโก้อุ่นๆ
• ขนมหวาน : กล้วยไข่เชื่อมนิ่มๆราดกะทิ / ขนมหม้อแกง / ขนมครก / ตะโก้เผือก
 
1 เดือน หลังการผ่าตัด

วันนี้เป็นวันแรกที่ปุ๊กจะเริ่มฝึกอ้าปากนะคะ เพราะเราตัดกรามไป กล้ามเนื้อในตรงนี้จะแข็งตัว ดังนั้นจึงต้องมีการฝึกอ้าปากค่ะ
การฝึกอ้าปาก จะเป็นการใช้นิ้วชี้กดบริเวณเขี้ยวฟันล่าง ส่วนนิ้วโป้งกดขึ้นบริเวณฟันเขี้ยวบน อ้าปากให้กว้างกดค้างไว้ 20 วินาที เป็นจำนวน 20 รอบ ทำเช้าเย็น


หลังฝึกวันแรก เห็นผลเลยว่าอ้าปากได้มากขึ้น เพราะตอนแปรงฟันจากปกติที่แปรงฟันซี่ในสุดปากจะตึงปวดมาก หลังฝึกแค่วันเดียวมันไม่ตึงแล้ว ทานข้าวก็สะดวกขึ้น แปรงฟันก็สะดวกขึ้นมากค่ะ
ช่วงนี้ปุ๊กทานข้าวปกติแล้วค่ะ ค่อยๆลองทานลองเคี้ยวอาหารที่เคยกินดู การเคี้ยวดีขึ้นเยอะมาก แต่ต้องตัดเป็นคำเล็กๆ


หน้ากระชับเข้าที่ขึ้นเรื่อยๆ วันไหนนอนเยอะจะบวมหน่อยในช่วงเช้า


บริเวณผ่าตัดส่วนอื่นๆ โดยรวมแล้วดีมากๆเลยค่ะ การผ่าตัดครั้งนี้ช้ำบวมน้อยมากขนาดทำทั้งหน้านะเนี่ย ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางไวกว่าที่คิดไว้ค่ะ​
 
2 เดือนหลังผ่าตัด

วันนี้ครบ 2 เดือนแล้ววว หลังจากผ่าตัดมา อัพเดทอาการกันสักนิด


เริ่มจากจมูก เข้าที่ดีแล้วน่าจะ 90-100% แล้วล่ะ ทรงสวยไม่โป๊ะ ฐานจมูกเรียวลงมาก จากเดิมที่ฐานใหญ่ๆ หน้าจะดูแมนๆแข็งๆ ตอนนี้ละมุนแล้วจ้า





ใบหน้าช่วงกรามยังบวมอยู่ ฝั่งซ้ายจะบวมกว่าเล็กน้อย เพราะกรามใหญ่กว่าฝั่งขวา รอเวลายุบบวมเข้าที่อีกนิด

การอ้าปาก ขยับปาก เคี้ยวอาหาร ยังไม่เป็นปกติ 100% นะคะ แต่ก็อ้าได้กว้างมากขึ้น คิดว่าประมาณ 70% แล้วล่ะ เวลาหาวจะตึงๆที่กรามและโหนกแก้มนิดๆ แต่ไม่เจ็บนะคะ แปรงฟันเป็นปกติแล้ว แปรงถึงฟันกรามซี่ในสุดได้สบาย ใช้แปรงผู้ใหญ่ได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ



แผลจากการเอนโดไทน์บนศีรษะ จุดนี้จะมีผมที่ร่วงๆบริเวณรอบแผล จะแหว่งๆหน่อย รอเวลาอีกนิดผมจะขึ้นเป็นปกติ ระหว่างนั้นปุ๊กต้องทำงาน มีการแต่งหน้าทำผมเพื่อถ่ายงาน ก็จะใช้ครีมที่เค้าไว้ปิดไรผมมาปิดจะช่วยได้มากค่ะ แล้วก็แสกผมกลบๆสักนิด มองผ่านๆไม่สังเกตเห็นค่ะ





หน้าตาครีมปิดเป็นแบบนี้ค่ะ อันนี้เป็นยี่ห้อ innisfree ของเกาหลี ซื้อไว้นานแล้วค่ะ เอาไว้ปิดเหม่ง เลยเอามาลองปิดรอยแหว่งที่แผลดู ใช้ได้ดีทีเดียวค่ะ มีหลายสีให้เลือกตามสีผมของเราค่ะ





เทียบหน้าสด ก่อนทำ - หลังทำ 60 วัน
ตาสดใสขึ้น ไม่ดูตกดูเศร้าเหมือนก่อนแล้ว ^^





นี่แค่ 2 เดือนยังเข้าที่ได้ขนาดนี้ ชอบมากๆ หน้าดูเด็กขึ้นด้วย ไว้เดือนหน้าจะมาอัพเดทอีกทีนะคะ​
 

:h: 3 เดือนหลังผ่าตัด :h:

ผ่าตัดมาครบ 3 เดือนแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมาก
หน้าจะเป็นยังไงบ้าง ไปดูกันค่าา




ตัดผมสั้นรับหน้าใหม่กันไปเลย :inlove:
พอหน้าดูเด็กลง อะไรที่เคยอยากทำมานาน อย่างตัดผมสั้น ก็กล้าตัดขึ้นมาทันที เพราะมั่นใจขึ้นแล้ว ^^

การขยับปาก อ้าปากเป็นปกติ 100% แล้วค่ะ ไม่ตึงเวลาหาว เคี้ยวข้าว อาหารเหนียวๆได้ปกติค่ะ
ใบหน้าช่วงกรามช่วงแก้ม ยังมีหย่อนๆไม่กระชับอยู่บ้าง เนื้อใต้คางยังมีห้อยนิดๆ แต่เล็กน้อยมากค่ะ โดยปกติจะเข้าที่ดีคงต้อง 6 เดือนขึ้นไป
แผลเอนโดไทน์ที่ไรผมด้านบน จับไปยังรู้สึกนิดๆ ศีรษะไม่ชา ความรู้สึกเป็นปกติหมดค่ะ และผมบริเวณแผลยังไม่ขึ้นดี





แค่ 3 เดือน ชีวิตดี๊ดี~ ไปไหนใครก็ทักว่าดูเด็กลง หน้าตาสดใสมีชีวิตชีวา >< ถ่ายรูปมุมไหนก็รอดแล้ว ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ

♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡
 
4 เดือนหลังผ่าตัด




วันนี้มา follow up ติดตามอาการกับคุณหมอที่บาโนบากิ ทองหล่อซอย 3 บรรยากาศคึกคักมาก เพราะเป็นวันที่จัดงานปรึกษาศัลยกรรมกับคุณหมอพอดีค่ะ

หลังจาก follow up เรียบร้อย คุณหมอบอกว่าผลลัพธ์ออกมาดีมากค่ะ แต่ยังเข้าที่ไม่สุด ประมาณ 1 ปีหลังผ่าตัดจะเข้าที่สมบูรณ์กว่านี้อีก งดทานอาหารเค็มๆจะช่วยให้ยุบเข้าที่เร็วขึ้น นี่ขนาด 4 เดือนเอง ส่วนตัวพอใจมากๆค่ะ




อาการหลังผ่าตัดก็ไม่มีอะไรผิดปกติค่ะ การบดเคี้ยวเหมือนเดิมแล้ว 100% ศีรษะที่ทำเอนโดไทน์ไม่มีอาการชาใดๆ ช่วงโหนกแก้มหากแตะแรงๆอาจจะมีรู้สึกแปล๊บๆนิดหน่อยค่ะ

 

:h::h:5เดือน หลังผ่าตัด:h::h:




ผ่าตัดมาครบ 5 เดือนแล้ว สำหรับการแก้จมูก ปรับโครงหน้า และเอนโดไทน์หน้าผาก ไปดูรูปอัพเดทกันดีกว่าค่ะ


4.jpg



Before-After พลีชีพ :D เหมือนแม่กับลูก 55555


สังเกตชั้นตาระหว่าง Before กับ After ต่างกันเลยนะคะ

มีชั้นตาขึ้นมาเลยโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดกรีดตาสองชั้น ใช้การเอนโดไทน์หน้าผากอย่างเดียวเลยค่ะ




1.jpg




โครงหน้าโดยรวมยังต้องรอยุบลงไปอีกนะคะ แค่ 5 เดือนยังรู้สึกว่าหน้าเล็กมากๆแล้ว

จมูกที่ทำมาก็ชอบมากๆ ใครเห็นก็ชมและถามว่าทำที่ไหน ดูเป็นธรรมชาติ และทรงสวยเข้ากับหน้ามากๆ




อัพเดทบริเวณแผลให้ดูกันสักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง



2.jpg


บริเวณแผลผ่าตัดเอนโดไทน์ ผมยาวขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 4 cm. แล้วค่ะ

ช่วงนี้อาจจะมีผมชี้เด่ๆแบบนี้ ใช้แว๊กซ์ลูบเก็บไปก่อนค่ะ

3.jpg




แผลบริเวณข้างหู ที่ผ่าโหนกแก้ม ยังมีรอยอยู่นิดๆ แต่จางลงเยอะมากแล้วค่ะ สำหรับปุ๊กแผลตรงนี้ไม่ซีเรียสเลยเพราะซ่อนอยู่ในไรผม ไม่มีช่างแต่งหน้าทักเลยแสดงว่าเนียนอยู่ ><

:inlove::inlove::inlove::inlove::inlove::inlove::inlove::inlove::inlove::inlove:
 
6 เดือนหลังผ่าตัด

ครบ 6 เดือนแล้วววว ที่ปุ๊กได้ไปแก้จมูก ปรับโครงหน้าและเอนโดไทน์หน้าผากที่โรงพยาบาลบาโนบากิ




เวลาผ่านไปเร็วมากๆ ตอนนี้อาการบวมน่าจะยุบหมดแล้ว และหน้าเข้าที่แล้วค่ะ
ตั้งแต่ทำหน้ามา ส่องกระจกทีไรก็ปลื้ม




โอ๊ยยย ชอบมากๆ เครื่องหน้าดูพุ่งขึ้นมาเลย ยอมฝีมือคุณหมอเกาหลีจริงๆค่ะ ละมุนมาก ถ่ายรูปไม่ต้องใช้แอพบีบหน้า บีบโหนกบีบกรามแล้วค่า

 
กลับ
บน ล่าง