- เข้าร่วม
- 4 สิงหาคม 2017
- ข้อความ
- 185
รู้ก่อนศัลยกรรม “เสริมคาง”
Filler (ฟิลเลอร์) VS Silicone (ซิลิโคน)
“คาง” นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นส่วนกำหนดความยาวและความเรียวของใบหน้า หากใบหน้าสั้น คางสั้น มีขนาดกว้าง และคางใหญ่ การปรับรูปคางให้มีความยาวที่มากขึ้น แคบ และเรียวขึ้น จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ใบหน้าดูเรียว และน่ามอง สำหรับการเสริมคางนั้น มีทั้งวิธีการผ่าตัดใส่ซิลิโคนเสริม และการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) แต่หลาย ๆ คนคงมีคำถามและข้อสงสัยกันว่า “เสริมคางทั้งทีจะใช้ฟิลเลอร์ หรือซิลิโคน” ควรเลือกแบบไหนดี ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ “ฟิลเลอร์” กันก่อนว่าคืออะไร ??
ฟิลเลอร์คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็ม ที่เอาไว้ฉีดเติมเต็มให้กับร่องรอยลึกๆ เช่น หน้าผาก ร่องน้ำหมาก เป็นต้นซึ่งสารเติมเต็มชนิดที่มีความปลอดภัย เช่น Hyaluronic Acid (HA) จะมีอายุการคงอยู่ประมาณ 1-2 ปี, เช่นเดียวกับ Collagen จะมีอายุการคงอยู่ประมาณ 1-2 ปี, ไขมันของตัวเราเอง อายุ 1 ปี จะสลายประมาณ 20% ส่วน ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม ที่ไม่มีความปลอดภัย เช่น ซิลิโคนเหลว, น้ำมันมะกอก เป็นต้น
การเสริมคางด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไม่มาก ซึ่งแม้การฉีดฟิลเลอร์ จะเป็นวิธีการเสริมคางที่มีความสะดวก รวดเร็ว ทำง่าย และฟื้นตัวเร็ว แต่ก็มีข้อเสียคือ มีโอกาสไหล ทำให้เป็นทรงได้ค่อนข้างยาก ถ้าแก้ไขภายหลังก็จะลำบาก เพราะฟิลเลอร์ซึมไปกับผิวหนัง เกิดการอักเสบ เป็นก้อนแข็งได้
ส่วนการเสริมคางด้วยวิธีใส่ซิลิโคน จุดเด่นของซิลิโคนคือ ทำเป็นรูปทรงได้ง่าย อยู่ได้ถาวร และถ้าหากมีการอักเสบ เบี้ยว หรือไม่ชอบก็สามารถเปลี่ยนได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจศัลยกรรมเสริมคางควรเข้ามาปรึกษา และรับการตรวจวิเคราะห์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัย
การเสริมคางด้วยซิลิโคนมีกี่แบบ ?
การใส่ซิลิโคนเสริมคางมีทั้งสิ้น 3 แบบ คือ
1. เสริมซิลิโคนลงข้างล่าง วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีคางสั้น ซึ่งการวัดต้องได้สัดส่วนจากหน้าผาก-จมูก-คาง ทั้ง 3 ส่วนนี้ต้องได้สัดส่วนเท่ากัน
2. เสริมซิลิโคนออกมาด้านหน้า วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่คางหลบ คือเวลามองด้านข้างคางจะหลบไปด้านหลัง ก็จะเสริมออกมาด้านหน้า
3. เสริมซิลิโคนออกมาตรงกลางระหว่างบนและล่าง วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่คางสั้น และหลบ วิธีนี้ต้องเสริมออกมาตรงกลาง สำหรับคนที่เป็นเยอะๆ อาจจะต้องตัดกระดูก เลื่อนกระดูกกราม และการเลื่อนกระดูกต้องทำร่วมกับการจัดฟันด้วย
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos
Filler (ฟิลเลอร์) VS Silicone (ซิลิโคน)
“คาง” นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นส่วนกำหนดความยาวและความเรียวของใบหน้า หากใบหน้าสั้น คางสั้น มีขนาดกว้าง และคางใหญ่ การปรับรูปคางให้มีความยาวที่มากขึ้น แคบ และเรียวขึ้น จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ใบหน้าดูเรียว และน่ามอง สำหรับการเสริมคางนั้น มีทั้งวิธีการผ่าตัดใส่ซิลิโคนเสริม และการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) แต่หลาย ๆ คนคงมีคำถามและข้อสงสัยกันว่า “เสริมคางทั้งทีจะใช้ฟิลเลอร์ หรือซิลิโคน” ควรเลือกแบบไหนดี ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ “ฟิลเลอร์” กันก่อนว่าคืออะไร ??
ฟิลเลอร์คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็ม ที่เอาไว้ฉีดเติมเต็มให้กับร่องรอยลึกๆ เช่น หน้าผาก ร่องน้ำหมาก เป็นต้นซึ่งสารเติมเต็มชนิดที่มีความปลอดภัย เช่น Hyaluronic Acid (HA) จะมีอายุการคงอยู่ประมาณ 1-2 ปี, เช่นเดียวกับ Collagen จะมีอายุการคงอยู่ประมาณ 1-2 ปี, ไขมันของตัวเราเอง อายุ 1 ปี จะสลายประมาณ 20% ส่วน ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม ที่ไม่มีความปลอดภัย เช่น ซิลิโคนเหลว, น้ำมันมะกอก เป็นต้น
การเสริมคางด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไม่มาก ซึ่งแม้การฉีดฟิลเลอร์ จะเป็นวิธีการเสริมคางที่มีความสะดวก รวดเร็ว ทำง่าย และฟื้นตัวเร็ว แต่ก็มีข้อเสียคือ มีโอกาสไหล ทำให้เป็นทรงได้ค่อนข้างยาก ถ้าแก้ไขภายหลังก็จะลำบาก เพราะฟิลเลอร์ซึมไปกับผิวหนัง เกิดการอักเสบ เป็นก้อนแข็งได้
ส่วนการเสริมคางด้วยวิธีใส่ซิลิโคน จุดเด่นของซิลิโคนคือ ทำเป็นรูปทรงได้ง่าย อยู่ได้ถาวร และถ้าหากมีการอักเสบ เบี้ยว หรือไม่ชอบก็สามารถเปลี่ยนได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจศัลยกรรมเสริมคางควรเข้ามาปรึกษา และรับการตรวจวิเคราะห์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัย
การเสริมคางด้วยซิลิโคนมีกี่แบบ ?
การใส่ซิลิโคนเสริมคางมีทั้งสิ้น 3 แบบ คือ
1. เสริมซิลิโคนลงข้างล่าง วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีคางสั้น ซึ่งการวัดต้องได้สัดส่วนจากหน้าผาก-จมูก-คาง ทั้ง 3 ส่วนนี้ต้องได้สัดส่วนเท่ากัน
2. เสริมซิลิโคนออกมาด้านหน้า วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่คางหลบ คือเวลามองด้านข้างคางจะหลบไปด้านหลัง ก็จะเสริมออกมาด้านหน้า
3. เสริมซิลิโคนออกมาตรงกลางระหว่างบนและล่าง วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่คางสั้น และหลบ วิธีนี้ต้องเสริมออกมาตรงกลาง สำหรับคนที่เป็นเยอะๆ อาจจะต้องตัดกระดูก เลื่อนกระดูกกราม และการเลื่อนกระดูกต้องทำร่วมกับการจัดฟันด้วย
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos