ความเชื่อที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า "วันศุกร์ที่ 13 " เป็นวันแห่งอาถรรพ์ ใครจะทำกิจการใด ๆ ลงทุนพบปะเจรจาสิ่งใด ก็มักจะเกิดเรื่องร้าย ๆ ตลอด...เรื่องนี้จริงหรือไม่
ความเป็นมาของคำว่า "อาถรรพ์ ศุกร์ 13" นั้น เป็นความเชื่อมาจากฝรั่ง โดยเฉพาะชาวคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ที่เห็นว่า เลข 13 เป็นเลขแห่งความโชคร้าย ถึงจะลงมือทำการสิ่งใดก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากวันดังกล่าว เป็นวันที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อสุดท้ายร่วมกับสาวกทั้ง 12 คน
ศุกร์ 13 จะเป็นอาถรรพ์หรือเปล่าไม่รู้ แต่ฝรั่งต่างเชื่อเรื่องนี้อย่างมาก บางคนก็จิตตกวิกลจริต หวาดผวาจนขึ้นสมอง กลายเป็น "โรคกลัววันศุกร์ที่ 13" หรือโรคที่มีชื่อเรียกยาว ๆ ว่า "พาราสเคฟดิคาเทรียโฟเบีย" (paraskevidekatriaphobia) หรือโรค "ฟริกกาทริสไคเดคาโฟเบีย" (friggatriskaidekaphobia)
ทั้งนี้ จากการศึกษาประเมินพบว่า คนอเมริกันเป็นโรคดังกล่าวถึง 21 ล้านคน หรือประมาณ 8% ของประเทศเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวก่อน หลายคนอาจจะคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องงมงาย ลองมาดูสถิติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในศุกร์ 13 กันดีกว่า ขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ
ศูนย์จัดการความเครียดและสถาบันบำบัดอาการกลัวในเมืองแอชวิลล์ มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา ประเมินว่า ในแต่ละครั้งที่มีวันศุกร์ที่ 13 สหรัฐอเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงินถึง 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐทีเดียว เพราะว่าประชาชนบางคนไม่กล้าเดินทางไปไหน... ไม่กล้าแม้แต่จะไปทำงาน
ส่วนอุบัติเหตุจาก "ศุกร์ 13" เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลจากอุบัติเหตุระหว่างวันศุกร์ที่ 6 กับวันศุกร์ที่ 13 นั้น แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด (ข้อมูลเมื่อ ค.ศ. 1993) ตัวเลขผู้ประสบอุบัติเหตุมากกว่าวันศุกร์อื่น ๆ ถึง 52% เลยทีเดียว
ตำนานแขกคนที่ 13
ตำนานของ "ชาวนอร์ส" ในดินแดนสแกนดิเนเวียที่เกี่ยวกับ "เทพ 12 องค์" มารวมกันจัดงานเลี้ยงในห้องโถงของเอกีร์ เทพแห่งมหาสมุทร แล้วเทพแห่งไฟที่ชื่อ "โลกิ" ซึ่งไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานจึงพังประตูรั้วเข้ามาร่วมงานในฐานะแขกคนที่ 13 และให้ "เทพฮอด" ซึ่งเป็นเทพแห่งความมืดมิดเพราะตาบอด โยนกิ่งของพืชกาฝากใส่ "บาลเดอร์" เทพแห่งความสุขและความยินดี จนบาลเดอร์สิ้นลมหายใจไปในทันที...จนทำให้โลกต้องตกอยู่ในความมืดมิดและความเศร้าสลด
ตำนาน 13 คนบนโต๊ะอาหาร
ตำนานเล่าว่า ถ้าหากมีคนทานข้าวร่วมกันบนโต๊ะอาหาร 13 คน ถือเป็นลางร้าย คนใดคนหนึ่งในนั้นจะต้องตายภายในช่วงเวลา 1 ปี หลังจากนั้น โดยความเชื่อนี้อ้างจาก เดอะ ลาสต์ ซัพเปอร์ (อาหารค่ำมื้อสุดท้าย) ที่พระเยซูคริสต์ทรงเสวยพระกระยาหารร่วมกับคน 12 คน และพระองค์ก็สวรรคตหลังจากนั้นไม่นาน
ตำนานวันศุกร์แห่งการประหาร
สำหรับเหตุผลที่เจาะจงว่าจะต้องเป็น "วันศุกร์" นั้น นอกจากกรณีที่ว่าพระเยซูถูกนำไปตรึงกางเขนในวันศุกร์แล้ว ในตำราของฝรั่งยังว่า "วันศุกร์" เป็นวันที่ใช้ประหารนักโทษ ทั้งยังถือว่าเป็นวัน "ทิป ทอด เดย์" (Tip Tod Day) หมายความว่าเป็น "วันปีศาจ" ชาวประมงในสมัยก่อนจึงไม่ออกทะเลในวันศุกร์
ศุกร์ 13 กับความเชื่ออื่น ๆ
นอกจากตำนานต่าง ๆ ข้างบนแล้ว ยังมีความเชื่อโบราณของฝรั่งเกี่ยวกับการกระทำต่าง ๆ ในวันศุกร์เช่น ห้ามตัดเล็บในวันศุกร์, อดัม และอีฟ กินผลไม้ต้องห้ามที่สวนอีเดนในวันศุกร์, วันที่พระเจ้าลงโทษให้อดัมและอีฟมาใช้โทษที่โลกมนุษย์คือวันศุกร์ เป็นต้น
...ถึงแม้ว่า ฝรั่งจะแก้เคล็ดด้วยการเรียกเลข 13 ว่า "ลัคกี้นัมเบอร์" แต่กระนั้นเมื่อถึงวันศุกร์ที่ 13 เมื่อไร ผู้คนที่มีความเชื่อเรื่องโชคลาง ต่างก็ต้องหวาดผวากับวันนี้ แถมยังมีคนหัวใสนำเรื่องดังกล่าวไปสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "ศุกร์ 13 ฝันหวาน" ซึ่งก็สร้างเพิ่มความกลัวมากขึ้นไปอีก!! แถมไม่ว่าจะสร้างกี่รอบ ๆ ก็ดังเป็นพลุแตก กวาดรายได้ถล่มทลายเลยทีเดียว
ประเทศไทย กับความเชื่อ ศุกร์ 13
มาถึงฝั่งประเทศไทยบ้าง ถึงแม้ว่า ศุกร์ 13 จะเป็นความเชื่อของฝรั่งตาน้ำข้าว แต่คนไทยบางกลุ่มก็พลอยเชื่อเรื่องนี้ไปด้วย อาทิ การสร้างลิฟต์บนอาคารตึกสูงบางแห่งที่เกิน 12 ชั้น จะไม่ระบุชั้นที่ 13 โดยจะเลี่ยงเป็นชั้นที่ 12 A หรือไม่ก็ใช้เลข 14 แทนไปเลย ทั้งนี้ก็เพราะโรงแรมต้องรองรับลูกค้าซึ่งส่วนมากเป็นลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะฝรั่ง
แต่ถ้าถือตามโหราศาสตร์ไทยแล้วนั้น อาจารย์หนู กันภัย ได้กล่าวไว้ว่า เลข 13 ถือว่าเป็นเลขมหาอุด... จะอุดสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ ตามตำราเป็นเลขมงคล คือจะไม่รับรู้ถึงทวารทั้ง 9 ปิดทั้งหมดทุกช่องทาง เพื่อไม่ให้ได้ยิน ไม่ให้ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ดี หรืออีกนัยหนึ่งคือจะอุดสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาหาตัวเรานั่นเอง
เอ้า ! เรื่องนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณในการรับชม-รับฟังนะคะ ศุกร์ 13 จะเกิดอาถรรพ์หรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าควรมีสติในการดำรงชีวิต เพื่อความไม่ประมาท เพราะไม่ว่าจะวันศุกร์ไหน ๆ อุบัติเหตุ หรือเรื่องร้าย ๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้เหมือนกัน...[/h]
ที่มา kapook.com