- เข้าร่วม
- 3 มีนาคม 2015
- ข้อความ
- 54
หมอไกรวิทย์ เฮงสวัสดิ์ กับสาเหตุการเกิดเหนียงใต้คาง ArtebeauteClinic
สาเหตุการเกิดเหนียงใต้คาง
เหนียงใต้คาง คือ ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้คางซึ่งมีลักษณะคล้ายคางหมู หรือเรียกอีกอย่างนึงว่า “ไขมันใต้คาง” หรือ “คางสองชั้น” ซึ่งโดยมากแล้วมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีไป สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่คุณสาว ๆ ละเลยปล่อยตัวเอง ไม่ควบคุมอาหารการกิน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดไขมันไปสะสมอยู่บริเวณใต้คาง ทำให้มีเหนียงใต้คางเป็นชั้น ๆ ซึ่งวิธีการลดเหนียงใต้คางที่ดีที่สุดก็คือ การออกกำลังกายพร้อมกับการควบคุมอาหารอย่างถูกวิธี
วิธีลดเหนียงใต้คาง
สาเหตุการเกิดเหนียงใต้คาง
เหนียงใต้คาง คือ ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้คางซึ่งมีลักษณะคล้ายคางหมู หรือเรียกอีกอย่างนึงว่า “ไขมันใต้คาง” หรือ “คางสองชั้น” ซึ่งโดยมากแล้วมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีไป สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่คุณสาว ๆ ละเลยปล่อยตัวเอง ไม่ควบคุมอาหารการกิน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดไขมันไปสะสมอยู่บริเวณใต้คาง ทำให้มีเหนียงใต้คางเป็นชั้น ๆ ซึ่งวิธีการลดเหนียงใต้คางที่ดีที่สุดก็คือ การออกกำลังกายพร้อมกับการควบคุมอาหารอย่างถูกวิธี
วิธีลดเหนียงใต้คาง
- ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการกำจัดเหนียงหรือไขมันส่วนเกิน ใต้คางที่ได้ผลดีที่สุด เพราะเมื่อคุณออกกำลังกายเป็นประจำ ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณคางหรือเหนียงนั้นจะค่อย ๆ ถูกเผาผลาญไปทีละน้อย และยังช่วยเพิ่มความกระชับเต่งตึงให้กลับบริเวณใต้คางที่หย่อนคล้อยจากการ สูญเสียไขมันได้อีกด้วย แต่สำหรับวิธีนี้ก็อาจใช้ได้ผลกับบางคนเท่านั้น เนื่องจากบางคนถึงแม้จะลดน้ำหนักตัวได้ แต่เหนียงใต้คางก็ไม่จางหายไป ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ก็ได้ แต่ก็อย่าเพิ่งเศร้าไป เพราะศาสตร์ในการออกกำลังกายนั่น ถ้าหากคุณต้องการลดไขมันส่วนใดเป็นพิเศษ คุณก็ต้องออกกำลังกายส่วนนั้นเป็นหลัก เช่น คุณอยากมีต้นขาเรียวสวย คุณก็ต้องเน้นการปั่นจักรยาน แต่ถ้าอยากจะลดเหนียงหรือไขมันใต้คางคุณก็ต้องออกกำลังกายหรือบริหารกล้าม เนื้อบริเวณคอ ซึ่งเราก็มีท่ากายบริหารบริเวณคอแบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถเลือกทำได้เองที่บ้านมาฝาก และที่สำคัญใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที !! ซึ่งหากทำเป็นประจำก็จะช่วยลดไขมันที่สะสมอยู่ใต้คางของคุณได้เป็นอย่างดี สามารถดูได้ในหัวข้อถัดไปเลยครับ
- เคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดเหนียงใต้คางได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยระงับกลิ่นปากแล้วยังเป็นการช่วยบริหารขากรรไกรไปในตัวอีก ด้วย แต่สำหรับ ๆ สาวส่วนใหญ่คงไม่นิยมที่จะใช้วิธีนี้เป็นแน่แท้ เพราะกลัวว่าจะทำให้กรามใหญ่จนหน้าบานและดูไม่สวยไม่ได้
- ไข่ขาวช่วยได้ เริ่มจากนำไข่มาตอกแล้วไข่ขาวล้วน ๆ ตีเบา ๆ นำมาทาใต้คางและแก้มที่หย่อนยาน โดยเริ่มจากใต้ใบหูข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง โดยใช้หัวแม่มือแตะใต้กกหูแล้วค่อย ๆ ยกขึ้น วนไปตามแก้มและคาง กดและยกเบา ๆ ประมาณ 15 นาที ถ้ากลัวเมื่อยก็ให้เอาข้อศอกเท้าไว้ก็ได้จนกว่าไข่ขาวจะแห้งสนิท จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดเป็นอันเสร็จ โดยให้ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
- เฉดดิ้งเครื่องสำอาง เทคนิคนี้มาจากสาวสวยจากเว็บจีบัน (@ Jeban’) โดยขั้นตอนแรกให้คุณก้มหน้าลงเพื่อเช็คเหนียงก่อนตามรูป จากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วเฉดดิ้งตามรูป วิธีนี้จะช่วยให้คุณถ่ายรูปออกมาดูเป๊ะขึ้น
- โบท็อกซ์ (Botox) การฉีดโบท็อกซ์ก็สามารถช่วยลดใต้คางได้เหมือนกัน ซึ่งจะเป็นการฉีดที่ใช้หลักการเดียวกันกับฉีดโบท็อกซ์ลิฟท์หน้า (คนละเทคนิคกับการฉีดลดกราม) เหมาะกับผู้ที่เหนียงหรือไขมันใต้คางไม่มากนัก ถ้ามีไขมันมากก็คงไม่ช่วยอะไร (วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นผลสักเท่าไหร่ จึงไม่ขอแนะนำครับ)
- ฉีดสลายไขมันใต้คาง หรือ ฉีดลดเหนียง หรือ เมโสลดเหนียง (เมโสแฟต – Meso fat) คือ การกำจัดไขมันและลดเซลลูไลค์ส่วนเกินเฉพาะที่โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด เป็นการฉีดยาซึ่งมีสรรพคุณในการสลายไขมันเข้าไปบริเวณที่ต้องการ โดยใช้กลุ่มยาหลาย ๆ ตัวผสมกันแล้วฉีด เช่น Phosphatidylcholine, L-carnitine, Deoxycholate, Dexpanthenol (B5), Amino acids, Minerals ฯลฯ โดยตัวยาจะเข้าไปทำให้ผนังไขมันเกิดการแตกตัว ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนจะสลายออกเป็นไขมันเหลวแล้วถูกขับออกทางปัสสาวะ และอุจจาระ แต่ต้องทำติดต่อกันอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ทำ 2-3 ครั้งก็น่าจะเห็นผลแล้วนะครับ ส่วนราคาการทำต่อครั้งหลักพันขึ้น
- ร้อยไหมลดเหนียง (ร้อย ไหมคาง) เป็นวิธีที่ช่วยลดเหนียงใต้คางของคุณได้ โดยเป็นการยกกระชับผิวด้วยเทคนิคใช้เข็มที่มีเส้นไหมร้อยเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยปรับกระชับรูปหน้า ร้อยเก็บคาง ยกกระชับร่องแก้ม และเก็บขากรรไกรให้ดูคมขึ้น ไหมละลายตัวนี้เรียกว่า PDO Polydioxanone ซึ่งเป็นไหมที่เส้นเล็กมาก ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อย คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำเสร็จ ตัวไหมเมื่อโดนน้ำจากใต้ผิวหนังก็จะถูกละลายไปเรื่อย ๆ ไหมจะช่วยดึงผิวขึ้นตามแนวแกนไหม เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะสร้างคอลลาเจนมาล้อมรอบแกนไหม แม้ว่าไหมจะละลายหมดไปแล้วแต่ก็ยังเหลือแนวแกนคอลลาเจนเพื่อช่วยดึงผิวอยู่ ใต้ผิวให้ตึง