- เข้าร่วม
- 26 พฤศจิกายน 2014
- ข้อความ
- 23
ในยุคแห่งเทคโนโลยี เราสามารถนำเอาสิ่งต่างๆ มาทำให้เกิดประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องความสวยความงาม ซึ่งปัจจุบันมีวิทยาการที่ทันสมัยสามารถเนรมิตความสวย ความอ่อนเยาว์อย่างทันใจได้หลากหลายวิธี ในวันนี้เลยถือโอกาสเปรียบเทียบวิธีที่ทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึงยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอยได้รวดเร็วทันใจ หรือประกอบการตัดสินใจในการลดปัญหาผิวของสาวๆที่ไม่แอนตี้ในเรื่องนี้ นั่นคือ การทำหน้าให้เรียวสวยด้วย BOTOX และ Lipolytic Solution
Botox (โบท็อกซ์) คืออะไร???
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าของโปรตีนสารพิษชื่อ "โบทูลินัมท็อกซิน เอ" (Botulinum toxin A)" ผลิตสารจากแบคทีเรีย คลอสทริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum ) จัดเป็นสารพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราว ที่เรียกว่าเป็นโปรตีนสารพิษเพราะสารนี้เป็นสารที่มักพบในอาหารกระป๋องที่บนเปื้อน ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์
แหล่งที่มาแรกเริ่ม
1.ในปี 1975 ใช้ในฐานะอาวุธชีวภาพ ใช้แพร่กระจายในอากาศให้กลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสียชีวิต
2. ในปี 1980ใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ การรักษาโรคตาเหล่ ตาเขตาปิดเกร็ง กระตุกของกล้ามเนื้อตา และยับยั้งการเกิดเหงื่อ
3. ในปี 1989 ใช้ในการเสริมความงาม ใช้ในการรักษาตีนกา รอยย่นรอบดวงตา บริเวณ หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบปาก ร่องแก้ม บริเวณ ลำคอ เปลี่ยนรูปทรงของใบหน้า การรักษาหน้าที่ไม่สมมาตร การยกกระชับใบหน้า
ประโยชน์ของโบท็อกซ์จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้เฉพาะบริเวณที่ฉีดโดยจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับสารคลายตัว ลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากกล้ามเนื้อหดตัวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสลายกล้ามเนื้อและลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากกล้ามเนื้อหดตัวการรักษาตีนกา รอยย่นรอบดวงตา บริเวณ รอยย่นที่หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบปาก ร่องแก้ม บริเวณ ลำคอ ลดขนาดกรามให้เล็กลง เปลี่ยนรูปทรงของใบหน้าที่เหลี่ยมให้เรียวยาวขึ้นและยกกระชับใบหน้าและน่อง แต่จะสลายไปเองโดยธรรมชาติภายในอย่างน้อย 3-6 เดือน การฉีดโบท็อกซ์มีวิธีการทำอยู่ 2 วิธี ได้แก่
1. standard technique : ใช้ในจุดที่ต้องการให้เกิดการออกฤทธิ์มีความชัดเจน และมีความเสี่ยงน้อยต่อปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์
2. microinjection technique : มักใช้ในการรักษาตีนกา โดยจะฉีดหลายเข็มเป็นบริเวณ แต่ละเข็มห่างกันราว 1 cm และฉีดเพียงในชั้นกล้ามเนื้อเท่านั้น
บริเวณชั้นผิวที่ฉีด1.ในปี 1975 ใช้ในฐานะอาวุธชีวภาพ ใช้แพร่กระจายในอากาศให้กลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสียชีวิต
2. ในปี 1980ใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ การรักษาโรคตาเหล่ ตาเขตาปิดเกร็ง กระตุกของกล้ามเนื้อตา และยับยั้งการเกิดเหงื่อ
3. ในปี 1989 ใช้ในการเสริมความงาม ใช้ในการรักษาตีนกา รอยย่นรอบดวงตา บริเวณ หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบปาก ร่องแก้ม บริเวณ ลำคอ เปลี่ยนรูปทรงของใบหน้า การรักษาหน้าที่ไม่สมมาตร การยกกระชับใบหน้า
ประโยชน์ของโบท็อกซ์จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้เฉพาะบริเวณที่ฉีดโดยจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับสารคลายตัว ลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากกล้ามเนื้อหดตัวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสลายกล้ามเนื้อและลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากกล้ามเนื้อหดตัวการรักษาตีนกา รอยย่นรอบดวงตา บริเวณ รอยย่นที่หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบปาก ร่องแก้ม บริเวณ ลำคอ ลดขนาดกรามให้เล็กลง เปลี่ยนรูปทรงของใบหน้าที่เหลี่ยมให้เรียวยาวขึ้นและยกกระชับใบหน้าและน่อง แต่จะสลายไปเองโดยธรรมชาติภายในอย่างน้อย 3-6 เดือน การฉีดโบท็อกซ์มีวิธีการทำอยู่ 2 วิธี ได้แก่
1. standard technique : ใช้ในจุดที่ต้องการให้เกิดการออกฤทธิ์มีความชัดเจน และมีความเสี่ยงน้อยต่อปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์
2. microinjection technique : มักใช้ในการรักษาตีนกา โดยจะฉีดหลายเข็มเป็นบริเวณ แต่ละเข็มห่างกันราว 1 cm และฉีดเพียงในชั้นกล้ามเนื้อเท่านั้น
การทำโบท็อกซ์จะฉีดสารเข้าใต้ผิวหนังใน ชั้นกล้ามเนื้อ มัดเล็กๆบริเวณใบหน้าในปริมาณที่พอเหมาะ ช่วยในการยกกระชับใบหน้าบริเวณที่ฉีดให้ตึง และเป็นการยกผิวโดยใช้กล้ามเนื้อทั้งหมด ส่วนใบหน้าเป็นการลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมย์ เช่น รอยขมวดบริเวณหัวคิ้ว ร่องแก้ม ส่วน Microbotox for Lifting จะผสมผง Botox ที่มีลักษณะเป็นผงร่วมกับน้ำเกลือในปริมาณที่สูงกว่าการฉีดแก้ริ้วรอย และแทนที่จะฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ ก็จะฉีดตื้นๆ เข้าไปในชั้นหนังแท้แทน ซึ่งจะทำให้ใบหน้ากระชับขึ้น ผิวที่เคยหย่อนคล้อยจะดีขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง ผิวดูละเอียดขึ้น แต่ผิวที่เกิดจากการหย่อนคล้อยตามวัย หรือผิวขาดน้ำ ขาดคอลลาเจน รวมถึง Skin aging ต่างๆ จะไม่สามารถช่วยด้วยการฉีด Botox ได้
ไลโปไลติค โซลูชั่น (ไลโปไลติค โซลูชั่น) คืออะไร ???
Lipolytic Solution (ไลโปไลติค โซลูชั่น) เป็นตัวยาที่ถูกฉีดเข้าไปเพื่อลดขนาดและจำนวนเซลล์ไขมัน (adipocytes) ตัวยาจะประกอบไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ได้แก่
- artichoke extract: กระตุ้นการสร้างน้ำดีที่ตับและเพิ่มการไหลน้ำดีไปยังถุงน้ำดี (choleretic effect) ช่วยในการขับสารพิษการระบายของเสียในร่างกายออกและการสลายไกลโคเจนในตับ
- L-carnitine: ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันโดยช่วยลำเลียงกรดไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดียและเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงานมากขึ้น
- theophylline: ช่วยในการ block receptor ของเยื่อหุ้มเซลล์ไขมันซึ่งจะช่วยเพิ่มการย่อยสลายไตรกลีเซอไรด์ในกลีเซอรอลและกรดไขมัน
- organic silicon: กระตุ้นการสร้างเซลล์ fibroblast ให้มีการผลิตcollagenมากยิ่งขึ้นทำให้ผิวตึงกระชับ การทำงานของสารสกัดจะทำให้ผนังไขมัน( Fat cell wall) แตกตัวออก ทำให้ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนๆ สลายออกเป็นไขมันเหลว (Lipid Fat) แล้วถูกขับออกทางปัสสาวะ (ส่วนมาก) และทางอุจจาระ
แหล่งที่มา
1.ใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ เช่น การสลายไขมันที่อุดตันในเส้นเลือด
2.ใช้ในการเสริมความงาม โดยเมโสแฟตช่วงแรก ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะตัวยาที่นำมาฉีดค่อนข้างจะได้ผลไม่ดีนัก เห็นผลช้า และผลข้างเคียงคือ เจ็บ บวม และมีรอยฟกช้ำหลังฉีดค่อนข้างมาก ในปัจจุบัน Lipolytic solution ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินพร้อมกับช่วยเพิ่มความกระชับให้ผิวทั้งบนใบหน้าและส่วนต่างๆของร่างกาย แต่เมื่อมีการพัฒนาตัวยาที่ฉีดแล้ว ไม่ช้ำและไม่บวมน้อยลง จนได้รับความนิยมมากขึ้นและการรับรองมาตรฐานสากล
ไลโปไลติค โซลูชั่น (ไลโปไลติค โซลูชั่น) คืออะไร ???
Lipolytic Solution (ไลโปไลติค โซลูชั่น) เป็นตัวยาที่ถูกฉีดเข้าไปเพื่อลดขนาดและจำนวนเซลล์ไขมัน (adipocytes) ตัวยาจะประกอบไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ได้แก่
- artichoke extract: กระตุ้นการสร้างน้ำดีที่ตับและเพิ่มการไหลน้ำดีไปยังถุงน้ำดี (choleretic effect) ช่วยในการขับสารพิษการระบายของเสียในร่างกายออกและการสลายไกลโคเจนในตับ
- L-carnitine: ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันโดยช่วยลำเลียงกรดไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดียและเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงานมากขึ้น
- theophylline: ช่วยในการ block receptor ของเยื่อหุ้มเซลล์ไขมันซึ่งจะช่วยเพิ่มการย่อยสลายไตรกลีเซอไรด์ในกลีเซอรอลและกรดไขมัน
- organic silicon: กระตุ้นการสร้างเซลล์ fibroblast ให้มีการผลิตcollagenมากยิ่งขึ้นทำให้ผิวตึงกระชับ การทำงานของสารสกัดจะทำให้ผนังไขมัน( Fat cell wall) แตกตัวออก ทำให้ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนๆ สลายออกเป็นไขมันเหลว (Lipid Fat) แล้วถูกขับออกทางปัสสาวะ (ส่วนมาก) และทางอุจจาระ
แหล่งที่มา
1.ใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ เช่น การสลายไขมันที่อุดตันในเส้นเลือด
2.ใช้ในการเสริมความงาม โดยเมโสแฟตช่วงแรก ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะตัวยาที่นำมาฉีดค่อนข้างจะได้ผลไม่ดีนัก เห็นผลช้า และผลข้างเคียงคือ เจ็บ บวม และมีรอยฟกช้ำหลังฉีดค่อนข้างมาก ในปัจจุบัน Lipolytic solution ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินพร้อมกับช่วยเพิ่มความกระชับให้ผิวทั้งบนใบหน้าและส่วนต่างๆของร่างกาย แต่เมื่อมีการพัฒนาตัวยาที่ฉีดแล้ว ไม่ช้ำและไม่บวมน้อยลง จนได้รับความนิยมมากขึ้นและการรับรองมาตรฐานสากล
ประโยชน์ของไลโปไลติค โซลูชั่น
ไลโปไลติค โซลูชั่น (Lipolytic Solution) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสลายไขมันและกำจัดไขมันส่วนเกินกับเอนไซม์โดยตรง เพื่อสลายไขมันใน ชั้นไขมัน เฉพาะบริเวณที่ต้องการลดได้(Lipodissolve) เช่น บริเวณใบหน้า แก้ม คาง หน้าท้อง ก้น ต้นแขน ต้นขา พุง สะโพก น่อง ยกกระชับผิว จะทำให้ใบหน้าและทุกส่วนที่ได้รับสารลดกระชับเรียวเล็กได้รูปปราศจากไขมัน พร้อมกับกระตุ้นการสร้างเซลล์ให้มีการผลิตคอลลาเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งไม่เหี่ยวย่น ที่สำคัญคือ สามารถแก้ปัญหาเซลลูไลท์ได้ทุกรูปแบบ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์มากๆ เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ดีอีกด้วย โดยต้องฉีดประมาณ 3-5ครั้ง จึงจะเห็นผลดี และมีการติดตามผลการรักษาทุกๆ 6 เดือน
บริเวณชั้นผิวที่ฉีด
ติดตามประโยชน์ของBotox กับ Lipolytic Solution เพื่อนำมาเปรียบเทียบข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้อีกครั้งในบทความหน้า
ขอบคุณข้อมูลจาก
www.mesoestetic.com
www.th.wikipedia.org
http://ummohh.com
https://th-th.facebook.com/senseclinic/posts/770223939741414
www.phuketall.com
