เลิกเหนียงย้อยอย่างปลอดภัยจะเลือกอะไร ระหว่าง Botox กับ Lipolytic Solution (EP.2)

strawberrypocky

สมาชิกโดดเด่น
Registered
เข้าร่วม
26 พฤศจิกายน 2014
ข้อความ
23
FCBRy3.jpg

ในเนื้อหาที่แล้วที่เราได้เปรียบเทียบกันระหว่างความแตกต่างของ แหล่งที่มา ประโยชน์ในการใช้ ชั้นผิวที่ฉีด ของสารที่ใช้ในนวัตกรรมเสริมความงามทั้งสองแล้ว เรามาดูข้อมูลต่อกันเลย ระหว่าง Botox กับ Lipolytic Solution มีข้อดี-ข้อเสียต่างกันอย่างไร

Botox (โบท็อกซ์)

จำนวนครั้ง :คอร์ส
แต่ละจุดใช้จำนวนไม่เท่ากัน เริ่มต้นที่ 8,000 - 20,000 บาท/คอร์ส แต่เมื่อยาหมดฤทธิ์ก็ต้องมาฉีดใหม่ จำนวนครั้งไม่มีที่สิ้นสุด และการเห็นผลลัพธ์ที่ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคล

ราคา : CC
(1 cc = 100 unit) ขึ้นอยู่กับว่านำเข้าประเทศอะไร เริ่มต้น CC ละ 100 -150 บาท ส่วนใหญ่จะให้เหมาคอร์สราคา 10,000 -15,500 บาทในแต่ละครั้ง

ผลลัพท์/ระยะเวลาเห็นผล
ภายหลังการฉีดโบท็อกซ์ ภายใน 2-3 วัน สูงสุดใน 7 วัน หน้าจะเริ่มเรียวเห็นผลโครงหน้าที่เรียวขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ อยู่ได้นานประมาณ 3 -10 เดือน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการดูแลของแต่ละบุคคล

ผลข้างเคียงที่อาจได้รับ
จะเกิดขึ้นได้หลายกรณี ทุกกรณีเกิดได้แม้ในมือผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ที่ไม่มีความรู้มาก่อน การใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ไม่มีที่มาชัดเจน อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ดังนี้

- ปวดกราม มีอาการปวดกรามบ่อยๆ และกล้ามเนื้อมุมกรามจะฝ่อตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เคี้ยวอาหารได้ลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีความแข็ง เหนียว
- ข้อต่อระหว่างขากรรไกรหลวม เวลาอ้าปากกว้างๆแล้วหุบปากจะรู้สึกกึกกักที่ข้อต่อ หรืออาจรู้สึกปวดกล้ามเนื้อ บริเวณขากรรไกรเป็นบางครั้ง เพราะขากรรไกรทำหน้าที่ยึดข้อต่อจะไม่แข็งแรงเท่าเดิม
- แก้มหย่อนคล้อย จะเกิดขึ้นสำหรับคนที่มีไขมันสะสมอยู่บริเวณแก้มเยอะ เมื่อทำการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในบริเวณกราม เนื้อกรามจะเล็กลง แต่ไขมันที่แก้มและข้างๆมุมปากไม่ได้เล็กลงตามไปด้วย
- หน้าไม่สมดุล ยิ้มแล้วปากเบี้ยว ส่วนใหญ่เกิดจากฉีดสารผิดตำแหน่ง โดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ
- อาการปวดบวมหรือช้ำบริเวณเฉพาะที่ฉีด
- หนังตาตก มักเป็นนาน 1-3 เดือนอาการจะค่อยดีขึ้น
- ม่านตาเปิดกว้าง เปลือกตาหลับค้าง เหมือนเป็นอัมพาตชั่วคราว แต่ยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่ กลืนอาหารลำบาก หน้าไม่สมมาตร
- เกิดการแพ้ตัวยา ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่,ปวดหัวเล็กน้อย,ปวดท้อง คลื่นไส้ และผื่นคัน ในบริเวณที่ทำการฉีด เป็นต้น

ดังนั้น แพทย์และผู้ทำการรักษาจึงควรคุยกันโดยละเอียดก่อนการฉีดทุกครั้ง นอกจากนี้หากกระบวนการผลิตยาไม่ได้มาตรฐานหรือสารไม่บริสุทธิ์พอ หากได้รับในปริมาณมาก สารชนิดนี้สามารถสร้างสารพิษที่มีผลต่อระบบประสาทและระบบหายใจถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงควรศึกษาข้อมูลให้ดี

ข้อควรระวัง
- ไม่ควรใช้โบท็อกซ์กับผู้กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องเลือดหยุดยากจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยช้ำมากกว่าปกติ หมอจะต้องแจ้งให้ผู้ป่วยรับทราบ
- ผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับระบบประสาท
- ฉีดจำนวนบ่อยครั้งมากเกินไปมีโอกาสทำให้กล้ามเนื้อจะเป็นอัมพาตถาวรได้

Lipolytic Solution (ไลโปไลติค โซลูชั่น)

จำนวนครั้ง:คอร์ส
1 คอร์ส ทำ 5 ครั้ง ( face ครั้งละ 3 ml // body ครั้งละ10 ml)

ราคา : CC
(1cc = 1ml.)เริ่มต้นที่450บาท สำหรับใบหน้า คาง 2 ชั้น (face) ครั้งละ 1,350 บาท สำหรับบริเวณร่างกาย (body) ครั้งละ 4,500 บาท

ผลลัพท์
เห็นผล 10 - 20 % ตั้งแต่ครั้งที่ 1- 3 ในคอร์สแรก และจะไขมันจะสลายตัวประมาณ 50 - 80% เมื่อทำครบคอร์ส

ระยะเวลาเห็นผล
สลายไขมันได้ถาวร แต่ยังต้องมีการออกกำลังกาย ดูแลควบคุมอาหารและน้ำหนักอย่างถูกต้อง เข้ารับการตรวจทุก 6 เดือน

ผลข้างเคียงที่อาจได้รับ
ทุกกรณีเกิดได้แม้ในมือผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ที่ไม่มีความรู้มาก่อน ส่วนใหญ่จะสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องใช้ยาชา
- อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยหรือมีรอยฟกช้ำในบริเวณที่โดนฉีดขึ้นอยู่กับแพทย์ ไขมันในบริเวณที่รักษาจะถูกกำจัดไป หากได้รับสารเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะถูกขับออกอัตโนมัติทางระบบน้ำเหลือง ปัสสาวะ อุจจาระทั้งหมด
- การแพ้ตัวยา ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย, อาการคล้ายไข้หวัด, ปวดหัวเล็กน้อย, ปวดท้อง คลื่นไส้ หรืออาจเกิดอาการผื่นคัน เวียนศรีษะ อาเจียนได้ในบางราย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ทำการรักษา
- มีจุดด่างขาวๆเป็นวงบริเวณที่ถูกฉีด กรณีแพทย์ไม่มีความชำนาญที่ฉีดตื้นเกินไปไม่สลายถึงชั้นไขมัน แต่จะค่อยๆหายไปใช้เวลาประมาณ 1 เดือน



ข้อควรระวัง
- ไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ(autoimmune diseases)เช่นโรคลูปัสโรคเอสแอลอีหรือโรคพุ่มพวง (lupus หรือ SLE หรือ systemic lupuserythematosus)โรคไขข้ออักเสบ(rheumatoidarthritis) เป็นต้น
- ไม่ควรใช้กับคนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
- ไม่ควรใช้กับคนไข้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน
- ไม่ควรใช้กับคนไข้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
- ไม่ควรใช้กับคนไข้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนาน
zZmS8O.jpg

ภาพตัวอย่างของผู้ที่เสริมความงามด้วย Botox (โบท็อกซ์)

kHix0F.jpg

ภาพตัวอย่างของผู้ที่เสริมความงามด้วย Lipolytic Solution (ไลโปไลติค โซลูชั่น)​


ความแตกต่างของสารสองตัวนี้ที่สามารถนำมาประกอบการตัดสินใจได้เช่น การทำ Botox เพื่อการลดกราม หรือลดกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เพื่อให้เรียวเล็ก แต่หากผิวหรือรูปหน้ายังหย่อนคล้อยอยู่ก็สามารถฉีด lypolitic solution ร่วมด้วย เพราะบางครั้งความหย่อนคล้อย และริ้วรอยอาจมาพร้อมกัน ซึ่งเกิดได้ทั้งจากสภาวะแวดล้อม อารมย์และอายุและไขมันสะสม การฉีด lypolitic solution ด้วยจะช่วยลดและสลายไขมันที่อยู่บริเวณใบหน้าที่ยังหย่อนคล้อยอยู่ให้ยกกระชับขึ้นและฟื้นฟูคอลลาเจนในผิวดีอีกด้วย ซึ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการทำเป็นพิเศษในการนำสารสองตัวนี้ร่วมกัน คือควรฉีดในบริเวณที่ต่างกัน คนละจุด หรือคนละชั้นผิว แต่ถ้าหรือกังวลในเรื่องของการต้านกันของตัวยา หากฉีดในบริเวณเดียวกันให้ปลอดภัยควรเว้นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน

ข้อมูลนี้เราสามารถนำผลดีผลเสียของแต่ละอย่างมาประกอบการตัดสินใจในการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวสวยอย่างปลอดภัยและเห็นผลชัดเจนตามความต้องการ หรือส่วนต่างๆของร่างกาย โดยต้องรู้จักเป็นผู้บริโภคอย่างฉลาดเลือก



ขอบคุณข้อมูลจาก
www.mesoestetic.com
www.th.wikipedia.org
http://ummohh.com
https://th-th.facebook.com/senseclinic/posts/770223939741414
www.phuketall.com

http://mahosot.com

 
กลับ
บน ล่าง