- เข้าร่วม
- 3 มีนาคม 2015
- ข้อความ
- 54
เสริมจมูกมิราเคิลคลินิก กับปัญหาฟิลเล่อร์ใต้ตา
บ่อยครั้งที่คนไข้ได้รับการรักษาถุงใต้ตาหรือร่องใต้ตาด้วยการฉีดสารเติม เต็ม เพื่อทำให้ถุงใต้ตาดูน้อยลง หรือเพื่อเติมให้ร่องใต้ตาดูเต็มขึ้น จริงอยู่การเติมฟิลเล่อร์ในบริเวณนี้สามารถทำได้ ถ้าทำอย่างถูกวิธี เนื่องจากบริเวณนี้มีเส้นเลือดค่อนข้างมาก โอกาสที่สารเติมเต็มหรือฟิลเล่อร์จะหลุดเข้าไปในเส้นเลือดมีสูงมาก ดังนั้นแพทย์จะต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญมากเป็นพิเศษเท่านั้น จึงจะทำแล้วออกมาดีและปลอดภัย
ปัญหาที่พบได้บ่อยจากการเติมร่องใต้ตาด้วยฟิลเล่อร์
1.แก้ไขผิดวิธี
กล่าวคือคนไข้มีถุงไขมันใต้ตา แต่ก็จะพยายามกลบความนูนของถุงด้วยการเติมให้เนื้อเยื่อโดยรอบนูน เท่ากัน ในรายที่ถุงไขมันไม่มากก็สามารถทำได้ แต่ถ้าถุงชัดเจน การใช้สารเติมเต็มหรือฟิลเล่อร์อาจซ้ำเติมปัญหาให้มากขึ้น ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการนำถุงไขมันออกบางส่วนเพื่อให้ผิวหนังบริเวณนี้ เรียบขึ้นจะดีกว่า จะด้วยการผ่าตัดจากด้านในด้วยแสงเลเซอร์หรือผ่าตัดจากด้านนอกก็แล้วแต่กรณี
2.ฟิลเล่อร์ที่เติมตื้นเกินไป
ดังที่กล่าวแล้วการเติมฟิลเล่อร์เพื่อให้ร่องใต้ตาเต็มขึ้นนั้นไม่ใช่ เรื่ิองง่าย จึงพบว่าคนไข้ส่วนหนึ่งได้รับการเติมในผิวหนังชั้นตื้น ช่วงที่ยังบวมอยู่อาจดูไม่ออก แต่เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว ก็จะปรากฎเป็นแนวๆคล้ายตัวหนอนอยู่ใต้ตา จะชัดเจนมากเวลายิ้ม ยิ่งถ้าเป็นฟิลเล่อร์ชนิดอยู่นานด้วยแล้ว ยิ่งแย่ใหญ่
3.ทำให้การรักษาที่จะตามมาทำได้ยาก
บ่อยครั้งมากที่คนไข้มาหาด้วยเรื่องถุงใต้า แต่เคยฉีดฟิลเล่อร์ใต้ตามาก่อน ทำให้การวินิจฉัยเรื่องถุงใต้ตาผิดพลาดได้ง่าย เนื่องจากแพทย์ที่ฉีดแต่ละท่านก็ไม่เหมือนกัน บางท่านฉีดลึก บางท่านฉีดตื้น ซึ่งกรณีนี้ อาจจำเป็นต้องฉีดสลายดูก่อนถ้าทำได้ แต่ถ้าเป็นฟิลเล่อร์ชนิดอยู่หลายปี อันนี้ก็ต้องผ่าตัดจากด้านนอกอย่างเดียวเท่านั้น โอกาสที่จะผ่าตัดจากด้านในด้วยแสงเลเซอร์ไม่ได้เลย ดังนั้นในกรณีที่เคยฉีดมาก่อนต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง เพื่อประโยชน์แก่ตัวท่านเอง
4.ฟิลเล่อร์ไหล
ฟิลเล่อร์บางชนิดเมื่อถูกความร้อนเช่น ซาวน่าหรือความร้อนจากการทำผม สามารถละลายและเคลื่อนตัวลงมาบริเวณแก้มได้ กรณีนี้จะรักษาได้ค่อนข้างยากจนถึงไม่ได้เลย
5.อื่นๆ
รอยช้ำที่เกิดจากการที่เส้นเลือดแตก ทำให้เป็นรอยคล้ำอยู่นาน, ฉีดตื้นมากเกินไปทำให้เกิดผิวหนังตาย หรือตาบอดจากสารฟิลเล่อร์หลุดเข้าเส้นเลือด เป็นต้น
ดังนั้นก่อนที่จะใช้สารเติมเต็มบริเวณใต้ตาหรือร่องตา คงต้องพิจารณาให้มาก โดยเฉพาะคนที่มีถุงใต้ตาอยู่แล้ว เพราะการป้องกัน ย่อมดีกว่าการแก้ไขครับ
บ่อยครั้งที่คนไข้ได้รับการรักษาถุงใต้ตาหรือร่องใต้ตาด้วยการฉีดสารเติม เต็ม เพื่อทำให้ถุงใต้ตาดูน้อยลง หรือเพื่อเติมให้ร่องใต้ตาดูเต็มขึ้น จริงอยู่การเติมฟิลเล่อร์ในบริเวณนี้สามารถทำได้ ถ้าทำอย่างถูกวิธี เนื่องจากบริเวณนี้มีเส้นเลือดค่อนข้างมาก โอกาสที่สารเติมเต็มหรือฟิลเล่อร์จะหลุดเข้าไปในเส้นเลือดมีสูงมาก ดังนั้นแพทย์จะต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญมากเป็นพิเศษเท่านั้น จึงจะทำแล้วออกมาดีและปลอดภัย
ปัญหาที่พบได้บ่อยจากการเติมร่องใต้ตาด้วยฟิลเล่อร์
1.แก้ไขผิดวิธี
กล่าวคือคนไข้มีถุงไขมันใต้ตา แต่ก็จะพยายามกลบความนูนของถุงด้วยการเติมให้เนื้อเยื่อโดยรอบนูน เท่ากัน ในรายที่ถุงไขมันไม่มากก็สามารถทำได้ แต่ถ้าถุงชัดเจน การใช้สารเติมเต็มหรือฟิลเล่อร์อาจซ้ำเติมปัญหาให้มากขึ้น ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการนำถุงไขมันออกบางส่วนเพื่อให้ผิวหนังบริเวณนี้ เรียบขึ้นจะดีกว่า จะด้วยการผ่าตัดจากด้านในด้วยแสงเลเซอร์หรือผ่าตัดจากด้านนอกก็แล้วแต่กรณี
2.ฟิลเล่อร์ที่เติมตื้นเกินไป
ดังที่กล่าวแล้วการเติมฟิลเล่อร์เพื่อให้ร่องใต้ตาเต็มขึ้นนั้นไม่ใช่ เรื่ิองง่าย จึงพบว่าคนไข้ส่วนหนึ่งได้รับการเติมในผิวหนังชั้นตื้น ช่วงที่ยังบวมอยู่อาจดูไม่ออก แต่เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว ก็จะปรากฎเป็นแนวๆคล้ายตัวหนอนอยู่ใต้ตา จะชัดเจนมากเวลายิ้ม ยิ่งถ้าเป็นฟิลเล่อร์ชนิดอยู่นานด้วยแล้ว ยิ่งแย่ใหญ่
3.ทำให้การรักษาที่จะตามมาทำได้ยาก
บ่อยครั้งมากที่คนไข้มาหาด้วยเรื่องถุงใต้า แต่เคยฉีดฟิลเล่อร์ใต้ตามาก่อน ทำให้การวินิจฉัยเรื่องถุงใต้ตาผิดพลาดได้ง่าย เนื่องจากแพทย์ที่ฉีดแต่ละท่านก็ไม่เหมือนกัน บางท่านฉีดลึก บางท่านฉีดตื้น ซึ่งกรณีนี้ อาจจำเป็นต้องฉีดสลายดูก่อนถ้าทำได้ แต่ถ้าเป็นฟิลเล่อร์ชนิดอยู่หลายปี อันนี้ก็ต้องผ่าตัดจากด้านนอกอย่างเดียวเท่านั้น โอกาสที่จะผ่าตัดจากด้านในด้วยแสงเลเซอร์ไม่ได้เลย ดังนั้นในกรณีที่เคยฉีดมาก่อนต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง เพื่อประโยชน์แก่ตัวท่านเอง
4.ฟิลเล่อร์ไหล
ฟิลเล่อร์บางชนิดเมื่อถูกความร้อนเช่น ซาวน่าหรือความร้อนจากการทำผม สามารถละลายและเคลื่อนตัวลงมาบริเวณแก้มได้ กรณีนี้จะรักษาได้ค่อนข้างยากจนถึงไม่ได้เลย
5.อื่นๆ
รอยช้ำที่เกิดจากการที่เส้นเลือดแตก ทำให้เป็นรอยคล้ำอยู่นาน, ฉีดตื้นมากเกินไปทำให้เกิดผิวหนังตาย หรือตาบอดจากสารฟิลเล่อร์หลุดเข้าเส้นเลือด เป็นต้น
ดังนั้นก่อนที่จะใช้สารเติมเต็มบริเวณใต้ตาหรือร่องตา คงต้องพิจารณาให้มาก โดยเฉพาะคนที่มีถุงใต้ตาอยู่แล้ว เพราะการป้องกัน ย่อมดีกว่าการแก้ไขครับ