- เข้าร่วม
- 22 มกราคม 2018
- ข้อความ
- 49
สมรรถภาพของร่างกายคนเราก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา จากแต่ก่อนที่ไม่เคยมีหน้าท้อง เวลาผ่านไป เมื่อทานอะไรก็ไขมันเริ่มสะสมและสลายได้ยาก แม้ว่าออกกำลังกาย ซึ่งช่วยให้น้ำหนักลด แต่ไขมันสะสมโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องก็ยังไม่หายไป จึงก่อก็ให้เกิดความกังวล ความมั่นใจทางรูปร่าง
ในปัจจุบัน มีการศัลยกรรมตกแต่งลำตัว ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ คือ การผ่าตัดหน้าท้อง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมยากที่จะกำจัดออกบริเวณหน้าท้องเป็นจำนวนมาก
ใครกันนะ เป็นผู้ที่กังวลปัญหาเหล่านี้
ดึงผิวหนังหน้าท้องให้ตึงแล้วจึงตัดส่วนเกินทิ้งไป
รอยแผลเป็นหลังผ่าตัด จะค่อนข้างยาว เป็นแนวนอนบริเวณเหนือหัวหน่าว ตามรอย Bikini –line
แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรกและจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 3 เดือน-1 ปี
ข้อควรรู้หลังผ่าตัด
ในปัจจุบัน มีการศัลยกรรมตกแต่งลำตัว ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ คือ การผ่าตัดหน้าท้อง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมยากที่จะกำจัดออกบริเวณหน้าท้องเป็นจำนวนมาก
ใครกันนะ เป็นผู้ที่กังวลปัญหาเหล่านี้
- ผู้ที่เคยตั้งครรภ์ คลอดบุตร ทำให้เกิด หน้าท้องย้วย เกิดลายหน้าท้อง
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินมาก ลดอย่างไรก็ไม่ได้ผล
- ผู้ที่ลดน้ำหนักมากภายในเวลารวดเร็ว จนผิวหนังช่วงท้องหย่อนคล้อย
- ผู้ที่อยากมีหน้าท้องแบนราบ มีทรวดทรงองเอว
- กำจัดผิวหนังส่วนเกินออก
- กำจัดไขมันสะสมออก
- แก้ไขปัญหารอยแตกลายบริเวณหน้าท้อง
- ช่วยเสริมความมั่นใจให้กลับคืนมา
ดึงผิวหนังหน้าท้องให้ตึงแล้วจึงตัดส่วนเกินทิ้งไป
รอยแผลเป็นหลังผ่าตัด จะค่อนข้างยาว เป็นแนวนอนบริเวณเหนือหัวหน่าว ตามรอย Bikini –line
แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรกและจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 3 เดือน-1 ปี
ข้อควรรู้หลังผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณแผล จนกว่าจะตัดไหม
- ในช่วงแรกควรระวัง การลุกนั่ง ไม่ควรเดินเร็ว หรือรีบขยับตัว
- หลีกเลี่ยงอาหารแสลง ของหมักดอง แอลกอฮอลล์ บุหรี่ 1 เดือน
- ต้องสวมแผ่นรัดหน้าท้องตลอดเวลานาน 6 อาทิตย์ เพื่อช่วงพยุงหน้าท้องเอาไว้
- รัดผ้ายืดรัดหน้าท้องให้แน่นและจัดอย่าให้มีรอยย่นบนผ้ารัดหน้าท้อง
- แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรกและจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 3 เดือน-1 ปี
- ถ้ามีอาการบวมแดงบริเวณแผลผ่าตัดมากกว่าปกติควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- หลีกเลี่ยงการโหมงานหนักหรือออกกำลังกายอย่างหนัก โดยเฉพาะ ท่าที่เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง 6 อาทิตย์
- ในบางรายอาจมีอาการชาเกิดขึ้นได้ โดยทั่วไปอาจชาอยู่ประมาณ 3 เดือน ถึง 1 ปี
- เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด