โด่งเนียนแค่ไหนถามใจดู By หมอตุ๊ก ปาลิดา Dmor Clinic

[Baobucha]

​

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ

แนะนำตัวก่อนเนอะ,, ชื่อส้มค่ะ พร้อมจะรีวิวจมูกแระ หลังจากผ่านมาเกือบจะ 2 เดือน ที่ Dmor Clinic (ลาดพร้าว) กับคุณหมอตุ๊ก ปาลิดา

แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้มีความคิดที่อยากจะทำ เพราะก่พอมีดั้ง แต่มันมีเวลาเราเอียง 45 องศานี่ซิ ใครเป็นบ้าง!! >.<

แล้วตรงหน้าผาก หัวตา ปลายจมูก และคาง มันไม่รับกันเลยยยย,, เลยมีความคิดว่าไหน ๆ ก่เนอะ ขอสวยชาตินี้แระกัน

ก่เลยหาข้อมูลจากพี่กู (เกิล) ครั้งแรกเลยสนใจที่คลินิกแห่งหนึ่งย่านรังสิต (ไม่ประสงค์เอ่ยนาม) ค่ะ คลินิกนี้ดังเลยแหละ แต่พอเข้าไปปรึกษา

คุณหมอแกคงเครียด ลค เยอะหรือยังไงไม่ทราบ พูดไม่เพราะเลย ดึงปลายจมูกเราอย่างแรง บอกว่าใส่ได้แค่หัวตาแหละ ถ้าเธอไม่อยากเป็นแม่มด!!!

แทบจะร้องไห้ เดินคอตกออกคลินิก แล้วพับโครงการนี้ไป 2 ปี หวังในใจลึก ๆ ว่า ชั้นจะเจอคนที่ใช่ เอ้ย ๆ เจอคลินิกที่ตรงใจ.

จนฟ้าประทานคลินิกนี้มาให้เฉิดฉายอยู่หน้า Facebook แอ่นแอ๊นนนน Dmor Clinic นั่นเอง...

ลังจากที่เราชัวร์ละว่าคลินิกนี้ เข้าเพจไปเลยค่ะ Dmor Clinic ส่ง IB ไปถามรายละเอียดผู้ดูแลตรงนี้คือคุณซินดี้ เลขาของคถณหมอตุ๊ก และได้ส่งเคสเราไปให้ พี่จ๋า หนึ่งในทีมดูแลลูกค้า ซึ่งเราคุยกันทางไลน์นะคะ ถามค่ะ ถาม ๆๆๆ เพราะคำว่าถ้าเธอเสริมจมูกเธอจะเป็นแม่มด มันยังก้องในหู ติดตาตรึงใจ อยู่ตลอดเวลา 5555+

เมื่อเราโอเคแล้ว นัดวันเลยค่ะ วันที่ 15 ก.ค. เพราะมีช่วงเวลารักษาแผลใจ เอ้ยม่ายช่ายยย หยุดพักดูแลตัวเอง

แล้ววันนี้ที่รอคอยก่มาถึง เราไปถึงเกือบบ่าย เพราะคิวทำบ่ายโมง แต่ ลค คุณหมอแน่นมาก แต่ละเคสคุณหมอต้องใช้เวลาเหลาสิริโคนค่อนข้างนาน ก่ได้เข้าห้องเปลี่ยนชีวิตตอนบ่ายสอง 5555+

พี่จ๋าพาไปล้างหน้า เปลี่ยนชุดคลุม แล้วเข้าไปคุยกะคุณหมอ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราประทับใจคือ คุณหมอใส่ใจรายละเอียด เราคุยกันจนคุณหมอทราบว่าความต้องการของเราคืออะไร การผ่า หลังผ่า ผลที่ออกมาจะเป็นไปในทิศทางไหน

แล้วคุณหมอก่พยักหน้า ป่ะ (ประหนึ่งว่าชวนไปเดินพารากอน) 5555+

ไปถึงห้องผ่าตัดไหว้เตียงจ้า คือ ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ขอให้การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี ผู้ช่วยคุณหมอนางหัวเราะร่าปนงง ๆ

แล้วก่ขึ้นไปนอนรอคุณหมอที่เตียง พอทำความสะอาดหน้า ป้ายยาฆ่าเชื้อเต็มหน้าได้ที่แล้ว คุณหมอก่เดินมาฉีดยาชา

เคยอ่านกระทู้คนอื่นว่าเจ็บนักเจ็บหนา แต่ของเราคุณหมอค่อย ๆ ฉีดข้างจมูกก่อน ไม่เจ็บซักนิด แล้วถึงมาฉีดที่ปลายจมูก

จากนั้นก่ตามแต่ใจคุณหมอเลยค่ะ เต็มที่ ตอนแรกเราเกร็ง ๆ นะคะ แต่คุณหมอและคุณผู้ช่วยชวนคุย คุย ๆๆๆๆ เมาส์ ๆๆๆๆ

ระหว่างนั้นคุณหมอก่จะบอกค่ะ ว่ากำลังจะทำอะไรใส่สิรโคนน๊าาา แต่งปลายน๊าาา ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงก่เรียบร้อย (หิวข้าว)

หลังจากผ่าตัดและกลับมาดูแลตัวเองที่บ้าน 16 ก.ค. (วันที่ 1)

เข้าใจถูกแล้วค่ะ เหมือนนักแสดงนาเนียร์ หรือบ้าน ๆ เราก่จั๊กกะแหล่นนั่นแหละคุณ บวมจน..นนน ก่อาศัยทานยาแก้อักเสบ ยาลดบวม ใบบัวบกแคปซูล เน้นผัดผัก หมูทอด ผลไม้ และน้ำมะพร้าว



วันที่ 2 ของการผ่าตัด ความจริงคุณหมองดล้างหน้าหรือโดนน้ำ 5-7 วัน แต่เราดื้อไง 5555+ หน้ามันอ่ะ ก่เอาน้ำผ่าน ๆ หน้า เอาโฟมค่อย ๆ ถูหน้าผาก คาง ข้าง ๆ แก้ม ล้างน้ำสะอาด แล้วรีบล้างแผลด้วยน้ำเกลือ ทายาที่คลินิกเตรียมไว้ให้ ระหว่างนี้ก่มีพี่ ๆ ทางคลินิกโทรมาถามอาการเป็นระยะ ๆ

วันที่ 3 ผ่านไป..ที่บวม ๆ ก่ยุบลงเยอะ พ่อนี่เน้นนักเน้นหนาเลยว่า ต้องหมั่นประคบนะลูก..กกกก เป็นการเสริมจมูกที่ร่วมลุ้นกันทั้งครอบครัวอ่ะ

​

วันที่ 4 เริ่มยุบลง เริ่มแนวสโสลป เริ่มปลื้มปริ่ม ภูมิใจ และคิดว่าเลือกไม่ผิดเลยซักนิด เพราะถ้าเราตัดสินใจทำคลินิกแรกที่ไปถามเมื่อ 2 ปีก่อน แล้วใส่ซิลิโคนได้แค่ตรงหัวตา ราคาก่สูงลิบ จะออกไปเป็นแบบไหน

และวันที่ 5 ก่มาถึง ยังแปร๊บ ๆ ที่ปลายจมูกอยู่เพราะคุณหมอแต่งปลายให้ด้วยแต่ก่ต้องแกะปาสเตอร์ออก เพราะต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก ส่วนที่ช้ำ ๆ ก่โปะรองพื้นไป

หลังจากพักผ่อนหย่อนใจไปพร้อมกะจมูกใหม่ในช่วงวันหยุด ก่ถึงเวลากลับมาทำงานตามปกติ โดยที่จะมีแค่เพื่อนร่วมงานบางท่านที่รู้ แต่บางท่านก่เอ๊ะ ใช่ ไม่ใช่ เพราะจะว่าเสริมก่เหมือนไม่เสริม ในที่นี้คือ ไม่ใช่ไม่โด่งนะคะ แต่เพราะว่าไม่ช้ำ ไม่เห็นขอบสิริโคน และไม่เป็นแท่ง แต่ใครมาถามก่บอกแบบภูมิอกภูมิใจ คุณหมอตุ๊ก Dmor จัดให้ค่าาาา

วันที่ 9

วันที่ 15

1 เดือนละคร่า

2 เดือนจ้า

​