รวม 5 ไอเท็มเด็ด ครีมลดรอยแผลเป็น ดีงามจนโลกต้องสะพรึง +++

nicenessy

สมาชิกโดดเด่น
สมัครเมื่อ
19 พฤษภาคม 2014
โพสต์
28
NyRadsvp.jpg

สวัสดีค่าทุกคนนนนน วันนี้เราจะมารีวิว “ครีมลดรอยแผลเป็น” ที่เราใช้ให้ทุกคนได้อ่านกัน เราเกริ่นก่อนนะว่าเราไม่ใช่บิวตี้บล็อกเกอร์อะไรหรอกนะ แค่ช่วงจังหวะชีวิต ทำให้เราต้องสนิทกับครีมลดรอยแผลเป็นไปโดยปริยาย T^T เพราะปลายปีที่แล้วเราไปผ่าตัดไทรอยด์มา ตอนแรกคิดว่าแผลคงไม่ยาวหรอก ที่ไหนได้ โอ้วววว ขุ่นพระ งานแผล 2.5 นิ้ว ก็มา เครียดมากตอนนั้น ใคร ๆ ก็มองคอเรา หลังจากตัดไหม แผลเริ่มปิด เราเลยรีบหาครีมลดรอยแผลเป็นมาทา ใครว่าดีซื้อมาลองหมด แต่วันนี้เราขอยกตัวอย่างครีมลดรอยแผลเป็น 5 ยี่ห้อ ที่เราเคยใช้มาเปรียบเทียบให้ทุกคนได้ดูกัน ว่าตัวไหนดีต่อใจ ควรค่าแก่การไปซื้อมาโบกแผลบ้าง ^o^ มาเริ่มกันเลยคร่า...

1. Hiruscar (ฮีรูสการ์)

EGjPUyza.jpg

“Hiruscar” เป็นเจลลดรอยแผลเป็น สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ยี่ห้อนี้หลายคนคงคุ้นหูกันดี เพราะมีชื่อเสียงมานานแล้วในเรื่องของการรักษารอยแผลเป็นอันดับต้น ๆ ใช่มั๊ยล้า เราสรุปข้อมูลคร่าว ๆ ของผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาให้นะจ๊ะ... เริ่มจาก เอาส่วนที่เราชอบก่อนเลยแล้วกันนะก็คือ เนื้อผลิตภัณฑ์ของนางเนี้ยเป็นเจลใส ที่ไม่มีกลิ่นฉุนเลย ทาง่ายซึมเร็ว เวลาเราทาแผลที่คอ ไม่เลอะติดเสื้อเลยนะ ดีงามมาก ^O^ มี Allium Cepa (สารสกัดจากหัวหอมเข้มข้น) บวกกับสารอีก 4 ชนิด เป็นส่วนประกอบ ตอนแรกเรากลัวว่าทาแล้วจะแพ้ แต่พอได้ลองทาแล้ว เฮ้ยโอเคอ่ะ ไม่มีอาการคัน หรือเกิดรอยแดงเลย เราว่าเหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายอยู่นะ ซึ่งสารสกัดที่มีอยู่ใน Hiruscar เนี้ย มันช่วยในเรื่องของการทำให้รอยคล้ำ รอยดำ ดูจางลง ป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น และยังช่วยยับยั้งการก่อตัวของเนื้อเยื่อ ช่วยสมานผิวได้อีกด้วยนั่นเอง ถ้าใครเพิ่งผ่าตัดมาเหมือนเราก็เหมาะเลย แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก อีสุกอีใส รวมถึงรอยนูน คีลอยด์ ก็ทาได้ มาถึงเรื่องราคา ตอนที่เราซื้อมาใช้ ขนาด 7 g. ราคาก็เกือบ ๆ 200 บาท (ถ้าเทียบปริมาณกับราคาก็พอรับไหวอยู่นะถือว่าไม่แพงมาก) ส่วนเรื่องแผลเป็นจากการผ่าตัดที่เราทา มันก็จางลงจริง ๆ นะ แต่ต้องทาเกือบ ๆ เดือนนะถึงจะเห็นผล หมั่นขยันโบกเจลเข้าไว้ โดยรวมโอเคเลย​

คะแนน: เต็ม 5 / เอาไปเลย 4.7 (ให้ซื้อใช้ต่อ ก็ซื้อนะจ๊ะ ^o^)


2. Rejuvenex cream (รีจูวีเน็กซ์ ครีม)

3sKL1x8J.jpg

มาถึงครีมน้องใหม่มาแรง อย่าง Rejuvenex creamครีมตัวนี้เป็นครีมที่นำเข้ามาจากเกาหลี มีขายในไทยพักนึงแล้ว เราซื้อครีมตัวนี้กับคลินิกที่เราไปรักษาเรื่องผิวหน้านี่แหละ คุณหมอเค้าแนะนำมา ข้อดีของครีมตัวนี้ที่เราชอบมากเลยก็คือ เป็นสารสกัดจากธรรมชาติล้วน ๆ ไม่มีสารสเตียลอยด์เลยจ้า แต่ที่ว้าวสุด ๆ นะคือ เค้าบอกว่าครีมตัวนี้เป็นการรักษาลึกถึงระดับ DNA เชียวค่ะคุณขา… ตอนแรกเราก็งง มันคืออะไรอ่ะ แต่ตอนนี้ถึงบางอ้อละ เพราะในเนื้อครีมเค้ามีสารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอน ซึ่งเป็นการรักษาโดยใช้ PDRN ช่วยกระตุ้น Growth factor ที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ และกระบวนการสมานแผลตามธรรมชาติ (พูดง่าย ๆ แบบที่เราเข้าใจนะ มันคงช่วยสมานแผล ฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวข้างใน DNA เลยอ่ะ) นอกจากนี้ ยังมีสารสกัดจากดอกคาโมมายด์ช่วยลดการอักเสบอีกด้วย เหมาะมากกับแผลผ่าตัด น้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ แผลกดทับ แผลจากการฉีด หรือทำเลเซอร์มา แผลจากรอยสิวก็ทาได้ค่ะ มาถึงประสิทธิภาพในเรื่องการลดรอยแผลเป็นของนางบ้าง เฮ้ยยย !! ไม่ธรรมดานะแก มันเวิร์คมาก เราทาไม่ถึง 2 อาทิตย์ รอยแผลเป็นมันดูจางลงไวกว่าครีมยี่ห้ออื่น เราทาแล้วก็ไม่แพ้ หรือคันยิบ ๆ อะไรเลยด้วย (แอบบอก เราเคยบีบสิวแล้วเลือดทะลัก เลยหยิบ Rejuvenex cream มาลอง ทาตอนเลือดซิบ ๆ นี่แหละ ตื่นมาสิวยุบรอยหาย อ้าวเฮ้ยยย นางช่วยช้านได้)มาถึงเรื่องราคา ครีมตัวนี้มีขนาดเดียวคือ 25 g. ราคาอยู่ที่ 1000 นิด ๆ เอาจริง ๆ ราคาก็แอบสูงกว่าชาวบ้านเค้านะ แต่เทียบปริมาณกับคุณภาพ ก็โอเคแหละ ครีมนางเข้มข้นมาก บีบนิดเดียวปาดทาได้เยอะ ซื้อทีก็ใช้ได้หลายเดือนอยู่ คุ้ม ฟันธง !!

คะแนน: เต็ม 5 / เอาไปเลย 5 ดีงามพระรามแปดมากคร่าคุณขา ซื้อต่อแน่นอน +++

3. Mederma (เมดเดอมา)

bKmYF80Z.jpg

มาถึงตัวที่ 3 “Mederma” เจลลดรอยแผลเป็นสัญชาติเยอรมันนี เป็นอีกยี่ห้อที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้ทาลดรอยแผลเป็น แทบจะเป็นตัวแรก ๆ ที่เราซื้อมาทาแผลเป็นจากการผ่าตัดไทรอยด์เลย ข้อดีของนางคือ เป็นเจลใส ทาง่ายดี เราชอบหลอดนางนะ มันกะทัดรัดน่ารักดี มาถึงส่วนประกอบหลัก ๆ ของ Mederma ก็จะมี Cepalin (สารสกัดจากหัวหอม), Allantoin (สารสกัดจากต้น Comfrey) และ Sodium Hyaluronate ซึ่งสารทั้งหมดนี้ ช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ ลดรอยแผลเป็น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและนุ่มขึ้น ซึ่งเจลตัวนี้เค้าเคลมว่า เหมาะกับแผลจากอุบัติเหตุ การบาดเจ็บจากความร้อน แผลหลังศัลยกรรมผ่าตัด แผลผ่าคลอด และสิว สำหรับเราจากการที่ลองใช้มา เราไม่ค่อยถูกกับยี่ห้อนี้อ่ะ มันเป็นเจลใช้ง่ายก็จริง แต่ซึมช้า เวลาเราทาแผลที่คอ มันชอบเลอะปกเสื้อ มันเหมือนเคลือบ ๆ ผิวมากกว่า เวลาเจลมันแห้ง ก็เป็นขุย ๆ เห็นเป็นคราบขาว ๆ จนเพื่อนทักคอไปเลอะอะไรมา เสียเซลฟ์สุด ๆ แต่ถ้าใครผิวแพ้ง่าย เราอยากบอกว่าให้ลองเทสดูก่อนนะ เผื่ออาจจะแพ้เหมือนเราได้ เพราะตอนนั้นเราทาไปสักพัก จู่ ๆ ก็แพ้เฉยเลย มีอาการคัน และแผลก็เห่อแดง ไม่แน่ใจว่าเราคงอาจจะแพ้สารสกัดบางตัว ส่วนประสิทธิภาพในการลดรอยแผลเป็นต้องทาเป็นเดือน ๆ หน่อยกว่าจะจาง ต้องขยันโบกเจลเข้าไว้อ่ะ ส่วนเรื่องราคา เราใช้ขนาด 10 g. ราคาประมาณ 300+ ก็แพงอยู่เหมือนกันนะเราว่าถ้าเทียบกับปริมาณ

คะแนน: เต็ม 5 / เอาไปเลย 3 (คงไม่ซื้อต่อ เพราะเจอตัวอื่นที่เด็ดกว่าแล้นนนน)

4. Dermatix Ultra (เดอร์มาติกซ์ อัลตร้า)

mtqh2ORu.jpg

มาถึงตัวที่ 4 “Dermatix Ultra” เจลลดรอยแผลเป็น สัญชาติอเมริกา เป็นอีกยี่ห้อที่คนนิยมใช้ทาลดรอยแผลเป็นอันดับต้น ๆ เลยนะเท่าที่เราถามมา คุณหมอที่ผ่าตัดไทรอยด์ให้เราเค้าก็บอกให้ลองทาตัวนี้ดูคุณสมบัติของนางคือ เป็นเจลใส ค่อนข้างเข้มข้น เหนียว ๆ หน่อย อารมณ์แบบเคลือบผิวเหมือนซิลิโคน แต่เจลมันซึมค่อนข้างช้า เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ดีตรงไม่มีกลิ่นฉุนชอบตรงเนี๊ย ตัวนี้มีสารสำคัญคือ CPX (cyclopentasiloxane) และ Vitamin C ช่วยให้แผลมีความยืดหยุ่น เนียนเรียบขึ้น สีของแผลก็ดูจางลง เหมาะกับแผลผ่าตัด ไฟไหม้ แมลงสัตว์กัด และอุบัติเหตุที่มีโอกาสเป็นรอยนูนแดง หนา ๆ Dermatix Ultra ในความคิดเราว่า เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายดีนะ เพราะที่ลองใช้มา ไม่มีอาการแพ้ หรือคันยิบ ๆ อะไรเลย ส่วนเรื่องประสิทธิภาพรอยแผลเป็น แผลเราจางลงนะ แต่ต้องทาเกือบเดือน ใช้เวลาหน่อย แต่โดยรวมโอเค หมั่นโบกเจลเข้าไว้ แต่...ราคาแอบแรง อาจจะต้องขอกรีดร้อง 555+ เราซื้อขนาด 7 g. มาใช้ ราคาประมาณ 400+ (เราว่าแพงนะ เพราะหลอดเล็กนิดเดียวเอง T^T)

คะแนน: เต็ม 5 / เอาไปเลย 4 จร้า (หักคะแนนตรงเจลซึมช้า ไม่ทันใจ T^T)


5. Ella Scar Cream (เอลล่า สการ์ ครีม)


5TW1Q0Nh.jpg

มาถึงครีมตัวสุดท้าย “Ella Scar Cream” ครีมสัญชาติไทย แต่อิมพอร์ตสารสกัดนำเข้ามาจากต่างประเทศ จะเรียกว่าเป็นครีมลูกครึ่งก็ได้ 555+ ตัวนี้เราค่อนข้างแปลกใจนะ เพราะมีส่วนผสมในตัวครีมเยอะมาก หลายสารสกัด ตัวครีมเป็นสีขาว ลื่น ๆ หน่อย ตอนนั้นเภสัชแถวบ้านแนะนำให้เราลองทาดู เราก็เลยตัดสินใจซื้อมา ขนาด 10 g. เกือบ ๆ 200 บาท (ราคาย่อมเยาน่าคบหา 555+) ตัวครีมทาง่ายดีซึมไว แต่กลิ่นค่อนข้างแรง ใครไม่ชอบกลิ่นฉุน อาจจะขอบ๊ายบายได้ มาถึงสารสกัดของนางบ้างดีกว่า ที่เกริ่นไปว่ามีเยอะ ๆ เนี้ย ก็อย่างเช่น สาร Poly-helixan เมือกหอยทากฝรั่งเศส, รากหัวหอมใหญ่ (Alium Cepa Root Extract), สารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศ (Cassia alata leaf) บวกกับสารสกัดอีก 8 ชนิด (ส่วนใหญ่ที่ดูก็จะเน้น ๆ เป็นแนวสารสกัดจากธรรมชาตินี่แหละ) ซึ่งข้อดีก็คือ ช่วยสมานผิว, ลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง, ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เหมาะกับการทาแผลชนิดหลุมสิว รอยแดงจากสิว แผลคีลอยด์ แผลเป็นนูน และแผลผ่าตัด อ่อ...ใครที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนผิวแพ้ง่ายนะ เราแนะนำว่าให้ลองเทสทาครีมตัวนี้ดูก่อนนะ เพราะเราอ่ะ ช่วงแรก ๆ ทาก็ไม่แพ้นะ แต่อีกไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็เกิดอาการคัน แผลที่คอก็เห่อเป็นรอยแดง จนรู้ตัวเองว่าแพ้ครีมแน่ ๆ เลยทำให้ต้องหยุดทาทันที ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการลดรอยแผลเป็นของนาง สำหรับเรายังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ รอยแผลเป็นจางช้า (แต่ก็อาจเพราะเราแพ้ด้วยแหละ เลยไม่ได้ใช้ต่อ)

คะแนน: เต็ม 5 / เอาไปครึ่งนึงแล้วกันนะ 2.5 พอ (ไม่ซื้อต่อจ้า เพราะเจอตัวอื่นที่เด็ดกว่าแล้ว)

ทั้งหมดนี้ เป็นการรีวิวครีมทั้ง 5 ยี่ห้อที่เราเคยลองใช้มา ต้องบอกก่อนว่า...ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคลนะจ๊ะ ใครอ่านแล้วสนใจก็ลองไปหาซื้อมาลองใช้กันดูนะคะ แต่ขอแนะนำว่า ใครที่ผิวแพ้ง่ายเหมือนอย่างเรา ขอแนะนำว่าให้ลองเทสดูก่อน ไม่ก็ซื้อแค่หลอดเล็กมาลองใช้ก่อน ถ้าเกิดอาการแพ้ก็ให้หยุดใช้ทันที และรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ วันนี้เราต้องขอตัวไปก่อนแล้ว บ๊ายบายคร่า ^^
 
ด้านบน ด้านล่าง