ปลูกผมถาวรแบบ FUE ดีกว่า FUT อย่างไร ?

ponny24

สมาชิกใหม่
สมัครเมื่อ
16 ธันวาคม 2020
โพสต์
2
FF.jpg
สำหรับคนที่เคยศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม ก็คงจะอ่านเจอมาว่าการปลูกผมมีมากกว่า 1 เทคนิคและมีชื่อเรียกเยอะแยะจนทำให้งงไปหมดจนไม่รู้ว่าจะเลือกปลูกผมด้วยวิธีไหนดี แต่ชื่อเหล่านั้นเป็นเพียงชื่อทางการตลาดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้บริการนั้นๆ ดูพิเศษมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าอ้างอิงจากสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ หรือ International Society of Hair Restoration Surgery (ISHRS) การปลูกผมจะจำแนกตามวิธีการนำรากผมออกมาจากร่างกาย หรือขั้นตอนการเจาะ (Graft excision step) นั่นเอง การปลูกผมจึงมีแค่ 2 ประเภท ดังนี้
ปลูกผมFUE.jpg
  • การปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Excision) เป็นการเจาะนำรากผมออกมาทีละกอจากบริเวณด้านหลังของศีรษะ แพทย์สามารถเว้นผมรอบๆ ด้านเอาไว้เพื่ออำพรางรอยแผลเป็นที่จะเกิดขึ้นหลังผ่าตัด ข้อดีของเทคนิคนี้คือแผลจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ หลายๆ จุด กระจายอยู่ทั่วๆ บริเวณด้านหลังของศีรษะ ดั้งนั้นแผลจะหายเร็ว เจ็บน้อย ระยะเวลาพักฟื้นจึงสั้นมาก ส่วนใหญ่แล้วปลูกเสร็จก็กลับบ้านได้เลยและ 1 วันหลังจากปลูกผมก็สามารถไปไหนมาไหนได้ตามปกติไม่ต้องนอนอยู่บ้านเฉยๆ แต่ข้อเสียก็คือแพทย์จะไม่สามารถเจาะรากผมออกมาได้เยอะเพราะว่าถ้าเอาออกมาเยอะเกินไป ผมด้านหลังศีรษะจะดูบางและไม่เป็นธรรมชาติ ถ้าเกิดว่าใครหัวล้านมากๆ และต้องใช้จำนวนผมเยอะๆ ปลูกผมด้วยวิธีนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์สักเท่าไหร่​
ปลูกผม-FUT.jpg
  • การปลูกผมแบบ FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นการปลูกผมแบบเก่า วิธีการคือแพทย์จะตัดหนังศีรษะออกมาเป็นแผ่นยาวๆ จากบริเวณหลังศีรษะ ตั้งแต่ด้านซ้ายไปจนถึงด้านขวา หลังจากนั้นแพทย์จะเย็บหนังศีรษะเพื่อปิดแผล และนำหนังศีรษะที่ตัดออกมาไปหั่นแยกเป็นกอผมเดี่ยวๆ อีกที วิธีนี้จะทำให้คนไข้จะมีแผลเป็นแนวยาวบริเวณด้านหลังของศีรษะ ซึ่งมองเห็นได้ชัดถ้าไว้ผมสั้นมากๆ นอกจากนี้แผลยังหายช้าและเจ็บกว่าการนำรากผมออกมาแบบ FUE ด้วย เพราะขนาดแผลที่แตกต่างกัน ทำให้ระยะพักฟื้นนานกว่าการปลูกผมแบบ FUE เมื่อปลูกผมเสร็จแล้วยังต้องกลับมาพบแพทย์เพื่อตัดไหมอีกด้วย อย่างไรก็ดีการปลูกผมเทคนิคนี้เหมาะสำหรับคนที่หัวล้านเยอะๆ เพราะจะได้จำนวนกอผม (กราฟท์) ที่มากกว่าการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE เมื่อใช้เทคนิค FUT บวกกับ FUE จำนวนกราฟท์ที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกทำให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ล้านได้มากขึ้น​
อย่างที่เห็นเลยคือการปลูกผมแบบ FUE เป็นวิธีปลูกผมที่ถูกพัฒนามาจากการปลูกผมแบบ FUT หลังปลูกเสร็จก็เจ็บน้อยกว่า แผลหายเร็ว และไม่ต้องพักฟื้นนาน แถมยังไม่มีแผลเป็นใหญ่ๆ ให้เห็นหลังปลูกผมอีกด้วย จากที่อ่านมา หลายๆ คนก็คงจะชอบเทคนิค FUE มากกว่า FUT อยู่แล้ว แต่บางคนก็อาจจะเลือกไม่ได้ และต้องปลูกผมแบบ FUT ไปเพราะว่าจำนวนผมไม่มากพอที่จะนำรากผมออกมาแบบกอเว้นกออย่างเทคนิค FUE นั่นเอง
สรุปเลยก็คือไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่ากัน แต่ละเทคนิคมีประโยชน์และข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าใครจะเหมาะกับการปลูกแบบไหนมากกว่า ยังไงทุกคนก็อยากเจ็บตัวให้น้อยที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าศีรษะไม่บางหรือล้านมากก็ไม่จำเป็นต้องปลูกผมแบบ FUT การปลูกผมทั้งสองวิธีไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศ สามารถใช้ปลูกผมผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ และถ้าถามว่าเทคนิคไหนปลูกผมราคาถูกกว่ากันล่ะก็ บอกได้เลยว่าราคาก็ใกล้ๆ กันทั้งสองเทคนิค บางคลินิกคิดราคาปลูกผมเท่ากันทั้งสองเทคนิคเลยก็มี ดังนั้นถ้ากำลังเลือกว่าปลูกผมวิธีไหนดีกว่ากันล่ะก็ ต้องดูตามความเหมาะสมหรือปรึกษาแพทย์ได้เลยจ้า
 
แก้ไขล่าสุดเมื่อ:
ด้านบน ด้านล่าง