เครื่องกรองน้ำเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบันนี้ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดต้นทุนในการซื้อน้ำดื่มลงได้ เนื่องจากน้ำเป็นเครื่องดื่มที่จำเป็นสำหรับทุกคน การซื้อน้ำดื่มบ่อย ๆ จึงอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นได้ ส่วนใครที่มีเครื่องกรองน้ำดื่มอยู่ที่บ้านแล้วก็อย่าลืมดูแลให้ดี เพราะหากดูแลไม่ดีหรือมีการใช้งานแบบผิด ๆ อาจทำให้เสื่อมสภาพลงก่อนเวลาอันควรได้ อีกทั้งยังทำให้ประสิทธิภาพในการกรองน้ำลดลงด้วย
3 วิธีการใช้เครื่องกรองน้ำแบบผิด ๆ และทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ไม่ล้างไส้กรอง นอกจากเครื่องกรองน้ำดื่มจะต้องเปลี่ยนไส้กรองตามเวลาที่กำหนดแล้วยังควรล้างไส้กรองอย่างสม่ำเสมอด้วย หรือทุก 15 – 30 วัน โดยไส้กรองแต่ละชนิดจะมีวิธีการทำความสะอาดที่แตกต่างกัน เช่น ไส้กรองเซรามิก ที่จะต้องถอดไส้กรองออกมาแล้วใช้ใยขัดเซรามิกขัดทำความสะอาดให้เกลี้ยงเพื่อขัดเอาสิ่งตกค้างต่าง ๆ ที่ไส้กรองออก เพราะหากมีสิ่งตกค้างมากเกินไปจะทำให้ไส้กรองเซรามิกตันเร็ว เครื่องกรองน้ำมีน้ำไหลออกช้าและไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนหลังการทำความสะอาดแล้วใยขัดเซรามิกสามารถนำมากลับมาใช้ซ้ำได้อีก ควรล้างให้สะอาด นำไปต้มฆ่าเชื้อ ตากแดดให้แห้ง และเก็บเข้าที่
- ไม่เปลี่ยนไส้กรอง ไส้กรองน้ำจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 3 – 6 เดือน โดยแต่ละประเภทจะมีอายุการใช้งานที่ไม่เท่ากัน เช่น ไส้กรองน้ำแบบ PP, Carbon Block, เรซิ่น (Resin) มีอายุการใช้งาน 4 - 6 เดือน, ส่วนไส้กรองน้ำยูเอฟ (UF: Ultra Filtration Membrane), ไส้กรองน้ำนาโน (NF: Nano Filtration) มีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี
- ติดตั้งเครื่องกรองน้ำที่มีแรงดันน้อยกว่าปั๊มน้ำ การติดตั้งที่ถูกวิธีควรติดตั้งปั๊มน้ำที่มีแรงดันเหมาะสมกับเครื่องกรองน้ำดื่ม โดยทั่วแล้วจะมีแรงดันน้ำอยู่ที่ 4 Bar หากปั๊มน้ำที่ติดตั้งมีแรงดันที่มากกว่าควรติดตั้งควบคู่กับวาล์วลดแรงดันน้ำเพื่อช่วยลดแรงดันของน้ำ เพราะหากมีแรงดันน้ำที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดการรั่วซึมได้ อีกทั้งยังทำให้พังเร็วขึ้นด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.camarciothai.com/article/28