ปี พ.ศ. 2559 กระแสความนิยมทำศัลยกรรมในประเทศไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และปัจจุบันคลินิกศัลยกรรมเสริมความงามมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากข้อมูลของผู้ประกอบการในธุรกิจเสริมความงามและศัลยกรรมตกแต่งในประเทศ ที่มีมูลค่าตลาดในปี 2558 สูงถึงประมาณ 16,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 10 ต่อปี เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีคนศัลยกรรมมากที่สุดในโลก ส่วนประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับ 22 ของโลกที่มีมูลค่าการตลาด เป็นอันดับ 5 ของเอเชีย ข้อมูลโดยแพทย์สภาระบุว่าประเทศไทยมีบุคลากรทางการแพทย์ด้านศัลยกรรมที่มีฝีมืออันดับต้นๆของโลก โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังประมาณ 600 คน ผู้เชี่ยวชาญที่มีฝีมือทางด้านศัลยกรรมจำนวน 200 คน จึงทำให้ชาวต่างชาตินิยมเข้ามาทำศัลยกรรมที่ประเทศไทยประมาณ 1.4 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้ทางการตลาดจำนวนมหาศาล และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี
จะเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวเป็นเมืองหลวงของการทำศัลยกรรมของเอเชียเพราะประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวเหมาะแก่การพักผ่อนและสามารถรักษาตัวหลังการทำศัลยกรรมได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น Surgical hub of Asia แต่ยังมีปัญหาหลายด้านที่ต้องเตรียมความพร้อม เช่น ประเทศไทยยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จบทางด้านศัลยกรรมน้อย ขาดการจัดการ การตลาด และ การประชาสัมพันธ์ จึงทำให้เป็นอันดับ 2 ของเอเชีย
นายแพทย์พีระ เทียนไพฑูรย์ แห่ง PSC clinic ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม Top3 ของไทย เป็นอาจารย์สอนนิสิตแพทย์และวิทยากรต่างประเทศมากที่ได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากหลากหลายสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ กล่าวว่า ผู้ที่นิยมทำศัลยกรรมส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับการเสริมความงามเพื่อลดปมด้อย ลดความปกติ หรือเสริมสัดส่วนร่างกาย เสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นสวยงามขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสริมจมูก เสริมคาง เสริมทรวงอก ทำตา ดูดไขมันหน้าท้อง หรือการลบรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
ด้วยจุดแข็งด้านการบริการและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญPSCclinic พร้อมที่จะเป็นหนึ่งในคลินิกที่ดีที่สุดและพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็น Surgical Hub of Asia โดยมีนโยบาย zero risky เพราะเราถือว่าความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำศัลยกรรม และปัจจัยที่สำคัญเท่าๆกันก็คือความพึงพอใจ ด้วยคอนเซ็ปต์ของเรา ที่ว่า "Beauty by Expert"