คนไทยสมัยใหม่เก่งติดตามข้อมูลข่าวสารมาก และสนอกสนใจวิชาการทางการแพทย์มากขึ้น สังเกตได้ว่ามักจะมีคำถามแปลกใหม่มาถามอยู่เป็นประจำ ทำให้แพทย์ที่ไม่ติดตามข้อมูลให้ทันสมัยอาจจะพบความลำบากใจ ซึ่งตรงกับที่เคยพยากรณ์ไว้ว่าในยุคข้อมูลข่าวสารนี้หากแพทย์ท่านใดไม่ขวน ขวายหาความรู้เพิ่มเติมก็จะล้าสมัยและตามคนไข้ไม่ทัน ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ อย่างไรก็ดีข้อมูลที่ผู้บริโภคได้รับนั้นหากเป็นข้อมูลที่ใหม่จริง ๆ ก็จะมีความสับสนและคลาดเคลื่อนอยู่พอสมควร จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่แพทย์จะต้องให้ความกระจ่างและชี้แจงให้เข้าใจในสาระ ที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้ความสับสนนั้นแพร่กระจายออกไป ตัวอย่างที่จะนำมาให้ได้รับทราบนั้นก็คือ เรื่อง IPL ไม่ใช่เลเซอร์
(It looks like smells like and feels like but it is not.) แสงที่นำมาใช้ในการรักษาผิวพรรณผิวหนังและความงามนั้น ควรจำแนกออกเป็นแสง Laser และแสง IPL
แสงเลเซอร์เป็นแสงที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ จะเป็นแสงช่วงคลื่นเดียว หากต้องการใช้แสงเลเซอร์ สอง ช่วงคลื่นก็ต้องมีเลเซอร์สองตัว แสงเลเซอร์ทุกช่วงคลื่นจะมีการเคลื่อนตัวของแสงแบบไม่แตกกระจายตัว ดังที่เราจะเห็นว่าเวลาเราใช้แสงเลเซอร์เป็นพอยเตอร์เราจะเห็นเป็นจุดสีแดง เวลาที่วิทยากรนำไปใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบการบรรยายต่าง ๆ แสงนั้นจะมีความคมและสามรถเดินทางได้ไกล โดยที่ลำแสงไม่แตกกระจายออกไปคุณสมบัติเช่นนี้จะไม่เห็นในแสงอื่น เช่นไฟฉายเมื่อเราฉายไฟฉายออกไปไกลเท่าใด ลำแสงก็จะแตกกระจายตัวมาเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถโฟกัสได้ หากเราไปยืนขวางแสงไฟฉายหรือแสงที่มาจากไฟตามถนน เราจะเห็นว่ามีเงามืดและเงามัว
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราเอาวัตถุไปขวางแสงเลเซอร์จะเกิดเงาที่เป็นเงามือ และมีขอบมีความคมชัดเท่านั้น ดังนั้น ประโยชน์โดยตรงของแสงเลเซอร์ก็คือ เราสามารถมั่นใจได้ว่าแสงที่เราใช้นั้นเป็นแสงที่ได้มาตรฐานมีช่วงคลื่น
จำนวน พลังงานและเวลาที่แสงต้องวิ่งผ่านผิวหนังจะมีการหักเหคงที่ พื้นที่ที่ได้รับแสงเลเซอร์จะได้รับเสมอกัน ทำให้ผลที่ได้สามารถทำซ้ำได้ทุกครั้ง ข้อเสียของแสงเลเซอร์ก็คือเทคโนโลยีราคาแพงและ การผลิตเครื่องเลเซอร์ให้มีลำแสงกว้างมากทำได้ยาก
ส่วน เครื่อง IPL แสงที่เกิดจาก IPL เป็นแสงที่มีคุณสมบัติเหมือนกับแสงทั่วไป ไม่มีลักษณะเฉพาะของแสงเลเซอร์ ดังนั้นเมื่อใช้แสง IPL จะได้ช่วงคลื่นแสงที่รวมๆ เช่น 400-1400 nm วิธีแก้ปัญหาก็คือใช้ผลึกกรองแสงที่ต่ำกว่าออก เช่นหากต้องการใช้ช่วงคลื่นที่เท่ากับแสงเลเซอร์ช่วงคลื่น 595 nmเพื่อรักษารอยแดงจากสิวให้เหมือน Vbeam ก็ต้องใช้ผลึกกั้นและกรองแสงที่ต่ำกว่า 590 ดังนั้นจะได้แสงที่เหลือ ระหว่าง 590-1400 nm การรักษาจึงได้แสงรวม หากต้องการพลังงานของช่วงคลื่นช่วงคลื่น 590 เพียง5หน่วยกลับต้องปรับพลังงานของแสง IPLขึ้นไปถึง 258-30 หน่วย เพราะใน 25-30 หน่วยนั้นจะได้แสงช่วงคลื่น 590 ประมาณ5หน่วย เมื่อเป็นนี้ส่วนเกินที่ได้ก็จะก่อให้เกิดปัญหา มีผลข้างเคียงได้ง่าย อย่างไรก็ดีผู้ที่มีความสามารถมากๆก็อาจจะมีความชำนาญที่จะปรับทำให้ไม่เกิด ปัญหา มีผลข้างเคียงก็เป็นได้ แต่ต้องระมัดระวังอย่างมากทีเดียว นอกจากนั้นแสง IPL ที่มีหลายช่วงคลื่นนี้ จะแตกกระจายตัวเหมือนแสงจากไฟฉาย ดังนั้นการใช้แสง IPL จึงจำเป็นจะต้องให้แนบกับผิวหนังมากที่สุด และต้องใช้เจลเพื่อโฟกัสแสงให้แตกกระจายตัวน้อยลง การแก้ปัญหาเช่นนี้ทำให้เกิดโอกาสที่หัวผลึกนำแสงของIPLมีสิทธิสัมผัสกับผิว หนังได้ง่าย หัวผลึกนี้ทำหน้าที่เป็นตัวกั้นแสงจึงมีความร้อนสะสมอยู่ในตัวสูงมากหาก สัมผัสผิวก็จะเกิดอาการไหม้ทันที เจลที่ใช้เลยต้องมีการทำให้เย็น แต่ความเย็นนี้ค่อยๆหมดไปทุกครั้งที่มีการยิงแสงออกมา เพราะความร้อนที่กระจายออกจากหัวผลึกของแสงIPLนั่นเองที่ทำให้ความเย็นของเจ ลลดลง การใช้แสง IPL จึงยุ่งยากมากกับการต้องใช้เจลเย็นบีบผสมลงไปบนผิวหนังบ่อยๆ หัวผลึกกั้นแสง IPL จึงต้องมีขนาดใหญ่เพื่อลดการสะสมหากเจลเย็นไม่พอจะทำให้ผิวหนังไหม้ได้ จึงเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับเครื่องเลเซอร์ที่ว่า เครื่องเลเซอร์ทำเป็นหัวใหญ่ยาก ส่วนใหญ่จะเป็นหัวเล็กทำให้แสงเลเซอร์นั้นเล็ก แต่ของ IPL นั้นหัวยิ่งใหญ่ยิ่งผลิตง่าย จุดนี้ทำให้หลายคนเข้าผิด เมื่อต้องการถอนขนถาวรว่า IPL ที่มีหัวใหญ่สามารถทำให้การรักษาได้เร็วกว่า ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉียบแหลมเพราะเอาจุดอ่อนออกมาทำเป็นจุดแข็ง หัวที่ว่าใหญ่นี้อาจจะใหญ่ถึง4-5เซ็นติเมตร
นอกจากนั้นแสง IPL ที่แทรกซึมผ่านลงไปบนผิวหนังก็ไม่มีคุณสมบัติของแสงเลเซอร์ที่กระจายตัวสม่ำ เสมอ ผลที่ได้ในบริเวณที่ฉายแสงจึงไม่มีทางที่จะเสมอกันได้เลย เมื่อเป็นเช่นนั้นการรักษาผิวหนังด้วย IPL เช่น รักษารอยแดงสิว หน้าใสหรือการถอนขนถาวร จึงมักต้องใช้จำนวนครั้งที่มากกว่าเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากกว่า แล้วอย่างนั้นทำไมแพทย์จึงใช้เครื่องIPL คำตอบก็คงเพราะคิดว่าราคาถูกและคงจะเชื่อรายงานวิชาการต่างๆว่ามี ประสิทธิภาพใช้งานได้ดีโดยลืมตระหนักถึงโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียง และเห็นว่าการลงทุนกับเครื่อง IPL 1 เครื่อง เหมือนการได้เครื่องเลเซอร์ครบทุกเครื่อง จึงคิดว่าเป็นการลงทุนที่ฉลาดแต่ความจริงก็คือ การลงทุนนั้นไม่ได้เครื่องเลเซอร์เลยแม้แต่เครื่องเดียว อย่างไรก็ดี เครื่อง IPL ก็เป็นเครื่องทีทีประสิทธิภาพที่ได้รับการรับรองเพียงแต่ไม่ใช่เลเซอร์ ไม่ได้ดีกว่า และไม่ได้ปลอดภัยกว่า ในทางตรงกันข้ามเลเซอร์ที่เหมาะกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะเป็นเครื่อง ที่น่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าและปลอดภัยกว่าผู้เขียนคิดว่าหลักวิชาการนี้ ยืนยันเช่นนั้นจริงๆ