สะพรึงทั่วโลกออนไลน์ หลังมีคนแพร่ภาพตุ๊กตาเด็กผู้หญิงถูกผ้ามัดปิดตา นั่งพิงโคนต้นไม้ ในประเทศสิงคโปร์ ลือเป็นตุ๊กตาต้องคำสาป เจ้าของเจอความเฮี้ยนจนทนไม่ไหว สุดท้ายต้องนำผ้าพันปิดตานำมาทิ้ง ด้วยความเชื่อที่ว่า ตุ๊กตาจะหาทางกลับบ้านไม่ได้
วันนี้ (6 มีนาคม 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลกำลังมีประเด็นฮือฮาและน่าสะพรึงเป็นที่สุด หลังจากมีการเผยแพร่ภาพและข้อความเกี่ยวกับ “อาถรรพณ์ตุ๊กตาถูกมัดตา” ที่มีการแชร์ต่อกันอย่างกว้างขวาง โดยภาพถ่ายที่ถูกแชร์นั้นมีทั้งหมด 3 ภาพ เป็นภาพตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ถูกนำมาทิ้งไว้ในลักษณะนั่งพิงโคนต้นไม้ มีผ้าสีขาวพันปิดบังดวงตาทั้ง 2 ข้างเอาไว้ ที่สำคัญบนผ้ายังมีข้อความบางอย่างเขียนเอาไว้ด้วย
เมื่อชาวบ้านมาพบเจอก็เกิดความสงสัย จึงเข้าไปดูและลองแกะผ้าปิดตาออก แต่ก็ต้องอึ้งไปตาม ๆ กัน เมื่อพบว่าแววตาของตุ๊กตาตัวนี้ช่างเย็นชาเหลือเกิน แต่ที่น่าขนลุกที่สุดคือ ดวงตาที่เย็นชาคู่นี้เหมือนกำลังจ้องเขม็งคนที่จ้องมองเธออยู่ด้วย !
ตามรายงานอ้างว่า ตุ๊กตาตัวดังกล่าวเป็นตุ๊กตาอาถรรพณ์ที่ถูกมัดตาแล้วถูกนำมาทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ถนนแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งหลังจากมีผู้คนสงสัยจนต้องไปสืบค้นหาความจริง พบว่าข้อความที่อยู่บนผ้านั้นเป็นภาษาอาหรับ เพื่อป้องกันคำสาปแช่งหรือมนตร์ดำจากตุ๊กตาไม่ให้ติดตามกลับบ้านผู้ที่จ้องตากับตุ๊กตาอีก
ทั้งนี้ผู้เขียนต้องพบเจอกับเรื่องน่าสะพรึงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตุ๊กตาตัวนี้ จนถึงขั้นต้องเขียนคำสะกดลงไป และยังบอกว่า เจ้าของเดิมของมันเชื่อว่าตุ๊กตาตัวนี้ต้องคำสาป เขาจึงนำตุ๊กตาตัวนี้มาทิ้งให้ไกลที่สุด แล้วหาผ้ามามัดตาของมัน เพื่อให้มันหาทางกลับบ้านไม่ได้อีกต่อไป
นอกจากนี้มีผู้แสดงข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาถรรพณ์ที่เจ้าของแต่ละคนที่พบเจอเมื่อได้เป็นเจ้าของตุ๊กตาตัวนี้ต่างบอกว่า มักจะได้ยินเสียงตุ๊กตาตัวนี้พูดอยู่คนเดียวเป็นภาษามาเลเซีย ด้วยน้ำเสียงแหบซ่านแบบผู้หญิงแก่ หรือบางครั้งมันจะหันศีรษะมามองเราทันที เมื่อเราเดินผ่านหน้ามันไป อีกทั้งยังลือกันว่าหากใครพบตุ๊กตาตัวนี้ในสภาพไม่ผูกตาอยู่ บริเวณนั้น ๆ จะเกิดเหตุฆ่าตัวตาย หรือคดีฆาตกรรมที่เป็นปริศนาหาคำตอบไม่ได้ทุกครั้งไป
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตทั้งหลายต่างแสดงความคิดเห็นแบ่งเป็นสองฝั่ง บางรายเชื่อว่าเป็นจริง เพราะแววตาของตุ๊กตาตัวนี้มีความน่าขนลุกอยู่ในตัว ขณะที่อีกฝ่ายกลับมองว่า เป็นฝีมือมนุษย์ที่ปรุงแต่งขึ้น ทั้งจากตัวตุ๊กตาและเรื่องเล่าขาน แต่ทางที่ดีที่สุดคือควรดูเป็นความบันเทิงและต้องใช้วิจารณญาณ
