นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ก.พ.2561 สภาเกษตรกรแห่งชาติมอบให้สภาเกษตรกรจังหวัดสกลนคร ลงพื้นที่พูดคุยและคัดเลือก เกษตรกรที่มีคุณภาพร่วมทำโครงการปลูกกัญชา ภายใช้พื้นที่นำร่อง 5,000 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร เขตพื้นที่ทหาร การสำรวจพื้นที่เพาะปลูกเกิดภายหลังนำคณะเข้าพบนายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงานป.ป.ส.)และผู้บริหารระดับสูงเข้าหารือกับกระทรวงสาธารณสุข พบว่ากระทรวงกระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 4 หรือในประเภท 5 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2560
โดยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข สามารถอนุญาตให้มีการเพาะปลูกพืชกัญชาเพื่อสกัดเป็นยารักษาโรคในพื้นที่ที่รัฐมนตรีกำหนด โดยมีความเห็นร่วมกันว่าพื้นที่กำหนดพื้นที่แรกคือ จ.สกลนคร เพราะเป็นต้นน้ำ แม่น้ำสงคราม เทือกเขาภูพานเป็นแหล่งกำเนิดพันธุ์พืชกัญชาที่ดีที่สุดในอดีตและในประวัติศาสตร์ได้มีการพูดถึงหลายครั้ง แม้แต่ตอนนี้เองในป่าเขาก็ยังมีต้นกัญชาที่ยังขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่ถึงแม้จะมีกฎหมายหวงห้ามแต่ธรรมชาติก็ยังดำรงอยู่ จึงจะใช้พื้นที่ของ จ.สกลนครเป็นพื้นที่นำร่องในการส่งเสริมการปลูกพืชกัญชา โดยประกาศให้อยู่ในเขตทหารก่อนซึ่งจะทำให้ควบคุมได้ง่าย พร้อมทั้งต้องตั้งกรรมการควบคุมให้ใกล้ชิดเพื่อป้องกันการหลุดรอดของสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
“เกษตรกรที่จะเข้าร่วมทำโครงการ ต้องมีหลักปฏิบัติที่ดี มีจริยธรรมสูง เพราะเป็นพืชควบคุมและมูลค่าสูงเกษตรกรต้องไม่นำไปใช้ผิดประเภท ด้วยจะสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติและจะมีผลกระทบต่อโครงการ การพยายามทำให้พืชกัญชาและกระท่อมเพื่อให้แพทย์สามารถจะใช้เป็นยารักษาโรคได้ สภาเกษตรกรฯได้ขับเคลื่อนเรื่องการแก้ปัญหา พ.ร.บ.ยาเสพติดมาหลายครั้งแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา”
นายประพัฒน์ กล่าวว่า วันที่ 8-9 ก.พ.นี้ สภาเกษตรกรฯร่วมกับองค์การเภสัชกรรม ป.ป.ส. อย. จัดเวทีวิชาการเรื่อง “ กัญชาเป็นยารักษาโรค ” ณ โรงแรมรามาการ์เดนท์ โดยมีนักวิชาการ , แพทย์ , นักกฎหมาย และผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ความรู้ถือเป็นประโยชน์มาก หลังจากนั้นภายในเดือนมีนาคม สภาเกษตรกรฯจะจัดเวทีวิชาการเรื่อง “ พันธุกรรมของกัญชา ” เนื่องจากกัญชาเป็นพืชเมืองร้อน พันธุกรรมและสรรพคุณทางยาที่ดีจะอยู่ในเขตเมืองร้อนทั้งนั้นซีกโลกตะวันตกไม่มี เพราะสภาพพื้นที่ ภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการขึ้นตามธรรมชาติของต้นกัญชาพร้อมทั้งการสร้างตัวยานั้นมีคุณค่าและปริมาณสูง หลายประเทศ
ขณะนี้ได้ส่งออกตัวยาแล้วซึ่งสาร THC หรือสารตัวยาจะต่ำ ความเข้มข้นน้อย บ้านเรามีความเข้มข้นมากกว่าเยอะ หลายประเทศอยู่ระหว่างที่จะทำ ประเทศไทยอาจจะช้าแต่มีโอกาสมากกว่าและศักยภาพสูงกว่า ต้นทุนถูกกว่าไม่ต้องปลูกในมุ้ง , โรงเรือน ต่างประเทศต้องทำโรงเรือนทำให้ต้นทุนสูงมาก ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับการสร้างเศรษฐกิจเป็นหลักการเรื่องฐานเศรษฐกิจชีวภาพ ซึ่งทางนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีได้พยายามทำเรื่องนี้มานาน นี่คือรูปธรรมหนึ่งของการทำให้ประเทศนี้ไปสู่ความหลากหลายของเศรษฐกิจด้วยฐานชีวภาพที่หลากหลายของตัวเอง