ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 เม.ย. 60 เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งจาก น.ส.หนึ่งฤทัย นากา อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ ว่ามีคนเก็บโทรศัพท์ของตนเองได้ แต่ไม่ยอมคืน จะคืนต่อเมื่อจ่ายเงินค่าไถ่ 5,000 บาท จะรออยู่ที่ บาร์แห่งหนึ่งภายในซอย นิวพลาซ่าตัดบัวขาว ขอให้เจ้าหน้าที่นำกำลังไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบ น.ส.สายฝน มูลจันทร์ อายุ 45 ปี อยู่ในอาการโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ว่า ตนเองไม่ได้ขโมย ตนเองเก็บได้จะเรียกค่าไถ่เท่าไหร่ก็ได้ ตนเองจึงเรียก 5,000 บาท เพราะราคาโทรศัพท์ราคาถึง 30,000 บาทเก็บได้ก็อยากได้ค่าไถ่ เมื่อเจ้าหน้าที่ขอดูโทรศัพท์ของผู้เสียหายพบว่า น.ส.น้ำฝน ได้ปิดเครื่องและซุกซ่อนไว้ที่หน้าท้องโดยเหน็บไว้กับกางเกง แต่น.ส.สายฝน ก็ยังโววายอ้างว่ามีเพื่อนเป็นตำรวจ ยืนยันไม่ยอมคืนโทรศัพท์จะคืนต้องไปตกลงกันที่โรงพักเท่านั้น
จากการสอบถามน.ส.หนึ่งฤทัย (ผู้เสียหาย) อยู่ในอาการตัวสั่น จะเป็นลมเนื่องจากตนเองซึ่งตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนกับสามีชาวโอมานและออกตามหาโทรศัพท์นานกว่าครึ่งชั่วโมง พร้อมเล่าว่าโทรศัพท์ไอโฟน 7 พลัสราคา ประมาณ 30,000 บาท ลืมหายที่ร้านสะดวกซื้อ เมื่อติดต่อไปยังผู้ที่เก็บได้เพื่อจะขอรับคืน กลับได้คำตอบกลับมาว่าขอเงิน 5,000 บาทถึงจะคืนโทรศัพท์ให้ ตนเองจึงบอกไปว่าจะให้ 1000 บาท แต่ผู้ที่เก็บได้ยืนยันจะขอ 5,000 บาท ตนเองจึงขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
ทั้งนี้ ผู้เสียหายกล่าวว่าที่จริงไม่อยากจะเอาเรื่องกับน.ส.สายฝน เพราะตนเองนั้นกำลังท้องจึงอยากจะอโหสิให้ถือว่าเอาบุญ แต่น.ส.น้ำฝนนั้นยืนยันจะขอเงินค่าไถ่จำนวน 5,000 บาท ทั้งยังปิดเครื่องโทรศัพท์ของตนเองอีก จึงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อไป