- เข้าร่วม
- 21 ธันวาคม 2017
- ข้อความ
- 6
หลายคนอาจจะสงสงสัย ว่าเราตัวเล็กจิ้ดเดียว ทำไม๊ทำไมต้องไปดูดไขมันขา อยากให้ดูภาพเลยค่ะ ภาพมันฟ้องว่าขาเรียกร้อง อยากให้ไปดูดไขมันมาก เพราะอะไรรู้มั้ยคะ เพราะไขมันมันจุกขา 5555 พูดจริงนะคะเนี่ย ปกติก็เคยเห็นแต่คนลงพุง ไขมันจุกพุงกันใช่มั้ย แต่อุ้ยอายไม่เลยค่ะ ทุกส่วนในร่างกายเราเนี่ย เฟิร์มมากเพราะปกติเข้ายิม ต่อยมวย ยกเวทบ่อยมาก จนแขน หน้าท้องหน้าเนี่ยเฟิร์มจนจะขึ้นกล้ามอยู่แล้ว แต่มีแค่ส่วนขานี่แหละค่ะ ที่ออกกำลังกายท่าไหนก็ไม่ลงซักที
เปิดตัวด้วยขาสุดใหญ่อลังการของเราก่อนนะค้า
เคยลดน้ำหนักแบบอดอาหาร ตอนนั้นน้ำหนักลงไปอยู่ที่ 36 Kg. เป็นไงรู้มั้ยคะ ขานี่เล็กสมใจ แต่หน้านี่ซูบตอบน่ากลัวมากค่ะ แขนก็เหลือแค่กระดูก แบบช่วงนั้นเป็นอะไรที่ไม่กล้าถ่ายรูปเลยค่ะ มันน่ากลัวมาก เลยตัดสินใจชู้ตน้ำหนักตัวเองให้กลับมาที่ 40 กว่าๆ ค่ะ (คือเราเป็นคนไม่สูงมากค่ะ 150 กว่าๆ เอง ถ้าน้ำหนักเยอะจะดูบวมมากแต่ถ้า 40 กว่าๆ ตัวจะดูสมส่วน แต่ขาจะบวมแทนค่ะ)
ถ่ายรูปเต็มตัวค่า ตอนนี้หนัก 40 นิดๆ ค่ะ เหมือนขาจะเล็กนะคะ แต่ไม่เลย มันย๊วยยยยย้วย ส่วนเกินนี่มาเต็มค่า
เอามือมาบังขาก็ไม่มิดค่ะ เศร้า
ก็หลังจากที่ลองมาทุกวิถีทางที่สตรีอย่างเราจะทำได้แล้วค่ะ มันก็ไม่ได้ผลเลย
=ออกกำลังกาย>หน้าเล็ก>แขนเล็ก>แต่ขายังย้วยใหญ่=
=แต่พอคุมอาหาร>ขาเล็ก>แขนแคระแกร็น>หน้าซูบผอม=
คือโอ้ยยยยยยย ความพอดีอยู่ที่ไหนค้าอดทนกับขาย้วยมานานหลายปีมากกกก ในที่สุดเพื่อนสาวผู้เป็นนางฟ้ามาโปรดของเราก็เสนอให้ลองไปดูดไขมันขาค่ะ เพื่อนก็เคยไปดูดไขมันกับหมอเชี้ยว ที่มาสเตอร์พีซ คลินิกมาได้จะปีละ แต่เธอผู้นั้นไม่เคยบอกเราเพราะเธอบอกว่า ก็เห็นตัวเล็กๆ ออกกำลังกายก็บ่อย เลยไม่คิดว่าต้องดูดไขมันขา จนเราบ่นให้ฟัง เพื่อนเลยแนะนำให้ลองดูดไขมันนั้นแหละค่ะ (เสียใจมากกกก ถ้าเธอบอกเร็วกว่านี้ คงได้ทำไปนานแล้ว)
รูปนี้เราชอบมากกก คือแสงตำแหน่งเมคอัพ ได้หมด แต่ตกม้าตายตรงขานี้แหละค่ะ ใหญ่กระแทกตามาก
สิ่งแรกที่เราต้องทำคือติดต่อไปที่คลินิกเพื่อนัดวันปรึกษาค่ะ เพื่อนบอกว่าที่นี่ต้องเข้ามาปรึกษาก่อน 1 รอบ และนัดวันมาทำอีก 1 รอบค่ะ เพื่อความปลอดภัยของเราด้วย เราติดต่อผ่านที่ไลน์คลินิก @masterpiececlinic ทางคลินิกก็นัดวันเข้ามาปรึกษาค่ะ แต่ด้วยคิวคุณหมอที่ค่อนข้างยาว เรารอไปเกือบ 2 อาทิตย์เลยค่ะ แต่เพื่อความสวยเรารอได้
ปรึกษากับคุณหมอค่า คุณหมอน่ารักใจดี เป็นกันเองมาก
ซึ่งวันที่เข้ามาปรึกษา คือตอนปรึกษาเจ้าหน้าที่ก็พาไปเปลี่ยนชุดค่ะ เราต้องให้คุณหมอประเมินว่าขาเราใหญ่มั้ยต้องดูดตรงไหนได้บ้าง ต้องขอบอกว่าคุณหมอน่ารักมากค่ะ คือคุณหมอก็บอกได้อย่างตรงจุดมากเลยนะคะ ว่าที่จริงเราเป็นคนตัวเล็กน้า ขาก็ไม่ได้ใหญ่แต่มีส่วนเกิน ซึ่งถ้าพิจารณาจากอาชีพการงานเราแล้ว ที่ต้องอยู่หน้ากล้องเกือบตลอดเวลา คุณหมอบอกก็สมควรดูดเพื่อให้ขาดูกระชับได้รูปทรง ซึ่งคุณหมอจะดูดขานอก ขาในสะโพก และเก็บบริเวณใต้ก้นให้ค่ะ ซึ่งราคาถือว่าอยู่ในราคาที่เรารับไหวค่ะ ดูดทั้งทีเอาให้ส่วนเกินหมดไปเลยค่ะ หลังจากที่คุยเสร็จก็มีจ่ายมัดจำและนัดวันเวลา พร้อมการดูแลก่อนการดูดไขมันขาค่ะ คุณหมอจะให้พักผ่อนให้เต็มที่และดูแลตัวเองให้ดี โดยงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาทุกชนิดค่ะ
เป็นรูปสุดท้ายที่ได้ถ่ายก่อนเข้าห้องไปดูดขาค่ะ
หลังจากรอไปเกือบ 3 อาทิตย์ เพราะคิวดูดไขมันกับคุณหมอยาวมาก (ขายดีจริงๆ) ประกอบกับที่เราต้องเคลียร์งานด้วย เลยได้คิวนานหน่อย มาถึงคลินิก เจ้าหน้าที่ก็พาไปเปลี่ยนชุดค่ะ มีให้ฝากของใช้ก่อนเข้าห้องผ่าตัดด้วย เพราะห้องผ่าตัดต้องปลอดเชื้อสุดๆ ประสบการณ์การดูดไขมันสำหรับเราไม่ได้แย่ และน่ากลัวค่ะ เพราะก่อนทำคุณหมอจะให้ยาที่เป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอ เห็นว่าคุณหมอเรียกว่าเทคนิค Painless ค่ะ ซึ่งตอนที่ทำเราก็รู้สึกไม่ตื่นกลัวค่ะ รู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นซะมากกว่า แต่ก็พอรู้เรื่องบ้างนะคะ ว่าคุณหมอให้ขยับตัวตอนไหนบ้าง
นี่ไง ไขมันเราเอง อยู่ด้วยมาหลายปี ในที่สุดก็ได้โบกมือบ๊ายบายแล้ว
พอดูดไขมันขาเสร็จก็ไม่ค่อยมึนแล้วค่ะ ตื่นขึ้นมาถ่ายรูปได้สบายปร๋อเลยค่ะ ซึ่งช่วงที่พักฟื้น พยาบาลก็จะสอนพันผ้าพันขาค่ะ ตอนแรกที่เราดูก็เหมือนจะไม่มีอะไรค่ะ ง่ายๆ แต่พอกลับบ้านมา ต้องเปลี่ยนผ้าซับน้ำเกลือ แล้วต้องพันกลับไปใหม่รู้สึกอิรุงตุงนังมาก พันแล้วไม่สวยเหมือนที่เค้าพันให้เลย 5555
ฝีมือการพันผ้าของเรา 555
หลังทำเสร็จ ดึกๆ ก็ไปกินข้าวต้มได้สบายค่ะ
ที่จริงปัญหาไม่ได้มีอะไรมากนะคะหลังจากที่ดูดไขมันไป เพราะใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ ตกดึกเพื่อนชวนไปกินข้าวต้ม เราก็ไปกับเค้าด้วย ไม่มีปัญหาเรื่องการเดินเลยค่ะ แต่ตอนลุกนั่งอาจจะไม่ได้รวดเร็วเหมือนก่อนทำเพราะมีผ้าพันไว้นี่แหละค่ะ
4 Day กับขาที่เริ่มเรียวขึ้น ทีละนิดๆ เห็นแล้วก็ปลื้มใจค่ะ
7 Day ขาในไม่ติดกันแล้วววว ดีย์เว่อร์
เปิดตัวด้วยขาสุดใหญ่อลังการของเราก่อนนะค้า
เคยลดน้ำหนักแบบอดอาหาร ตอนนั้นน้ำหนักลงไปอยู่ที่ 36 Kg. เป็นไงรู้มั้ยคะ ขานี่เล็กสมใจ แต่หน้านี่ซูบตอบน่ากลัวมากค่ะ แขนก็เหลือแค่กระดูก แบบช่วงนั้นเป็นอะไรที่ไม่กล้าถ่ายรูปเลยค่ะ มันน่ากลัวมาก เลยตัดสินใจชู้ตน้ำหนักตัวเองให้กลับมาที่ 40 กว่าๆ ค่ะ (คือเราเป็นคนไม่สูงมากค่ะ 150 กว่าๆ เอง ถ้าน้ำหนักเยอะจะดูบวมมากแต่ถ้า 40 กว่าๆ ตัวจะดูสมส่วน แต่ขาจะบวมแทนค่ะ)
ถ่ายรูปเต็มตัวค่า ตอนนี้หนัก 40 นิดๆ ค่ะ เหมือนขาจะเล็กนะคะ แต่ไม่เลย มันย๊วยยยยย้วย ส่วนเกินนี่มาเต็มค่า
เอามือมาบังขาก็ไม่มิดค่ะ เศร้า
ก็หลังจากที่ลองมาทุกวิถีทางที่สตรีอย่างเราจะทำได้แล้วค่ะ มันก็ไม่ได้ผลเลย
=ออกกำลังกาย>หน้าเล็ก>แขนเล็ก>แต่ขายังย้วยใหญ่=
=แต่พอคุมอาหาร>ขาเล็ก>แขนแคระแกร็น>หน้าซูบผอม=
คือโอ้ยยยยยยย ความพอดีอยู่ที่ไหนค้าอดทนกับขาย้วยมานานหลายปีมากกกก ในที่สุดเพื่อนสาวผู้เป็นนางฟ้ามาโปรดของเราก็เสนอให้ลองไปดูดไขมันขาค่ะ เพื่อนก็เคยไปดูดไขมันกับหมอเชี้ยว ที่มาสเตอร์พีซ คลินิกมาได้จะปีละ แต่เธอผู้นั้นไม่เคยบอกเราเพราะเธอบอกว่า ก็เห็นตัวเล็กๆ ออกกำลังกายก็บ่อย เลยไม่คิดว่าต้องดูดไขมันขา จนเราบ่นให้ฟัง เพื่อนเลยแนะนำให้ลองดูดไขมันนั้นแหละค่ะ (เสียใจมากกกก ถ้าเธอบอกเร็วกว่านี้ คงได้ทำไปนานแล้ว)
รูปนี้เราชอบมากกก คือแสงตำแหน่งเมคอัพ ได้หมด แต่ตกม้าตายตรงขานี้แหละค่ะ ใหญ่กระแทกตามาก
สิ่งแรกที่เราต้องทำคือติดต่อไปที่คลินิกเพื่อนัดวันปรึกษาค่ะ เพื่อนบอกว่าที่นี่ต้องเข้ามาปรึกษาก่อน 1 รอบ และนัดวันมาทำอีก 1 รอบค่ะ เพื่อความปลอดภัยของเราด้วย เราติดต่อผ่านที่ไลน์คลินิก @masterpiececlinic ทางคลินิกก็นัดวันเข้ามาปรึกษาค่ะ แต่ด้วยคิวคุณหมอที่ค่อนข้างยาว เรารอไปเกือบ 2 อาทิตย์เลยค่ะ แต่เพื่อความสวยเรารอได้
ปรึกษากับคุณหมอค่า คุณหมอน่ารักใจดี เป็นกันเองมาก
ซึ่งวันที่เข้ามาปรึกษา คือตอนปรึกษาเจ้าหน้าที่ก็พาไปเปลี่ยนชุดค่ะ เราต้องให้คุณหมอประเมินว่าขาเราใหญ่มั้ยต้องดูดตรงไหนได้บ้าง ต้องขอบอกว่าคุณหมอน่ารักมากค่ะ คือคุณหมอก็บอกได้อย่างตรงจุดมากเลยนะคะ ว่าที่จริงเราเป็นคนตัวเล็กน้า ขาก็ไม่ได้ใหญ่แต่มีส่วนเกิน ซึ่งถ้าพิจารณาจากอาชีพการงานเราแล้ว ที่ต้องอยู่หน้ากล้องเกือบตลอดเวลา คุณหมอบอกก็สมควรดูดเพื่อให้ขาดูกระชับได้รูปทรง ซึ่งคุณหมอจะดูดขานอก ขาในสะโพก และเก็บบริเวณใต้ก้นให้ค่ะ ซึ่งราคาถือว่าอยู่ในราคาที่เรารับไหวค่ะ ดูดทั้งทีเอาให้ส่วนเกินหมดไปเลยค่ะ หลังจากที่คุยเสร็จก็มีจ่ายมัดจำและนัดวันเวลา พร้อมการดูแลก่อนการดูดไขมันขาค่ะ คุณหมอจะให้พักผ่อนให้เต็มที่และดูแลตัวเองให้ดี โดยงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาทุกชนิดค่ะ
เป็นรูปสุดท้ายที่ได้ถ่ายก่อนเข้าห้องไปดูดขาค่ะ
หลังจากรอไปเกือบ 3 อาทิตย์ เพราะคิวดูดไขมันกับคุณหมอยาวมาก (ขายดีจริงๆ) ประกอบกับที่เราต้องเคลียร์งานด้วย เลยได้คิวนานหน่อย มาถึงคลินิก เจ้าหน้าที่ก็พาไปเปลี่ยนชุดค่ะ มีให้ฝากของใช้ก่อนเข้าห้องผ่าตัดด้วย เพราะห้องผ่าตัดต้องปลอดเชื้อสุดๆ ประสบการณ์การดูดไขมันสำหรับเราไม่ได้แย่ และน่ากลัวค่ะ เพราะก่อนทำคุณหมอจะให้ยาที่เป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอ เห็นว่าคุณหมอเรียกว่าเทคนิค Painless ค่ะ ซึ่งตอนที่ทำเราก็รู้สึกไม่ตื่นกลัวค่ะ รู้สึกเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นซะมากกว่า แต่ก็พอรู้เรื่องบ้างนะคะ ว่าคุณหมอให้ขยับตัวตอนไหนบ้าง
นี่ไง ไขมันเราเอง อยู่ด้วยมาหลายปี ในที่สุดก็ได้โบกมือบ๊ายบายแล้ว
พอดูดไขมันขาเสร็จก็ไม่ค่อยมึนแล้วค่ะ ตื่นขึ้นมาถ่ายรูปได้สบายปร๋อเลยค่ะ ซึ่งช่วงที่พักฟื้น พยาบาลก็จะสอนพันผ้าพันขาค่ะ ตอนแรกที่เราดูก็เหมือนจะไม่มีอะไรค่ะ ง่ายๆ แต่พอกลับบ้านมา ต้องเปลี่ยนผ้าซับน้ำเกลือ แล้วต้องพันกลับไปใหม่รู้สึกอิรุงตุงนังมาก พันแล้วไม่สวยเหมือนที่เค้าพันให้เลย 5555
ฝีมือการพันผ้าของเรา 555
หลังทำเสร็จ ดึกๆ ก็ไปกินข้าวต้มได้สบายค่ะ
ที่จริงปัญหาไม่ได้มีอะไรมากนะคะหลังจากที่ดูดไขมันไป เพราะใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ ตกดึกเพื่อนชวนไปกินข้าวต้ม เราก็ไปกับเค้าด้วย ไม่มีปัญหาเรื่องการเดินเลยค่ะ แต่ตอนลุกนั่งอาจจะไม่ได้รวดเร็วเหมือนก่อนทำเพราะมีผ้าพันไว้นี่แหละค่ะ
4 Day กับขาที่เริ่มเรียวขึ้น ทีละนิดๆ เห็นแล้วก็ปลื้มใจค่ะ
7 Day ขาในไม่ติดกันแล้วววว ดีย์เว่อร์
กระทู้เพิ่มเติมหมวดหมู่เดียวกัน
- Endotine คืออะไร ใครควรทำ
- สาวๆหนุ่มๆ คนไหนกำลังกลุ้มใจ มีปัญหาหัวล้าน ผมร่วง ผมบาง หรืออยากได้แนวผมที่สวย มารวมกันตรงนี้เลยค่ะ
- [รีวิวจัดฟันแบบใส] อยากฟันเรียงสวยแต่ไม่มีเวลาเข้ามาคลินิกทุกเดือน
- รีวิวผ่าตัดขากรรไกร แก้ปากอูม แบบละเอียดยิบ 12 วันไปงานได้แล้ว ไม่มีสายเดรน ไม่ต้องจัดฟันก่อน
- โดนเพื่อนช็อตฟีลตั้งแต่เด็กว่ากรามใหญ่ แค่นั้นไม่พอยังโดนคนที่บ้านช็อตอีก