เนื้อหาโดย Dodeden.com

prominent.blog.hu

หลังจากที่มีการทำศัลยกรรมแปลงเพศจากหญิงสู่ชายเเล้ว ก็จะต้องมีการดูแลตัวเองที่มากกว่าการทำศัลยกรรมประเภทอื่นนิดนึง เพราะคุณมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่บริเวณหน้าอกไปยันอวัยวะเพศ หากดูแลตัวเองไม่ดี ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้การศัลยกรรมเกิดความไม่สมบูรณ์แน่นอน เราจึงมีข้อควรปฎิบัติสำหรับคนที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงสู่ชายมาฝากกันค่ะ

การดูแลแผลบริเวณหน้าอกหลังจากการผ่าตัด

  • เมื่อคุณออกจากห้องผ่าตัดเเล้ว ก็จะมีผ้าพันหน้าอกและสายระบายเลือดน้ำเหลืองออกจากหน้าอกข้างละ 1 เส้น เพื่อระบายของเสียออกจากหน้าอกให้ป้องกันการเกิดเลือดคั่งค้างภายใน เมื่อแผลแห้งดีแล้ว แพทย์จะทำการถอดสายออกให้
  • แผลบริเวณปานนมมักจะแห้งสนิทและสามารถถอดไหมออกได้ภายในระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ 
  • หลังจากที่ถอดไหมเเล้ว แพทย์จะทำการปิดพลาสเตอร์ที่บริเวณรอยเย็บ เพื่อทำให้แผลหายสนิทดียิ่งขึ้น
oliverjaytwist.tumblr.com

 

  • สามารถอาบน้ำได้ตามปกติหลังจากที่แผลหายสนิทดีเเล้ว (ส่วนมากสามารถอาบน้ำได้หลังการผ่าตัดผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์) แต่ก็ไม่ควรฟอกหรือถูบริเวณแผลแรงเกินไป
  • ในช่วงแรกๆ ของการผ่าตัด หน้าอกอาจจะยังดูเป็นคลื่น ไม่ค่อยเรียบอยู่บ้าง อย่าเพิ่งกังวลใจค่ะ เป็นเอฟเฟคหลังการผ่าตัดที่เกิดจากอาการบวมเท่านั้น ลองนวดคลึงเบาๆ และใช้แถบผ้ายืดรัดที่บริเวณหน้าอกเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ก็จะช่วยให้หน้าอกแบนราบได้เร็วขึ้น
  • ในบางรายอาจจะเกิดรอยแผลเป็นนูนได้ในช่วง 3 เดือนแรกหลังจากการผ่าตัด ซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติ เพราะเป็นกลไกการหายของแผล แต่ถ้าหากสังเกตุเเล้วว่ารอยแผลเป็นนั้นมีการนูนมากผิดปกติ สามารถใช้แผ่นซิลิโคนเจลมาปิดที่แผลผ่าตัดไว้ได้

วิธีการดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัดปิดช่องคลอด

  • หลังการผ่าตัด แพทย์จะใส่ท่อระบายเลือดจากบริเวณช่องคลอด มีท่อสวนปัสสาวะเพื่อให้แผลไม่ปนเปื้อนกับน้ำปัสสาวะ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน ก็สามารถถอดสายออกได้ หลังจากผ่านไป 6-7 วันแล้ว ก็จะสามารถปัสสาวะได้ตามปกติ
  • ในระยะแรกของการถอดสายปัสสาวะ อาจจะมีความรู้สึกแสบเล็กน้อยบริเวณแผลผ่าตัด แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะไม่ค่อยแสบแผลเเล้วค่ะ หมั่นทำความสะอาดด้วยสำลีชุบน้ำสะอาดทุกครั้งหลังจากที่ปัสสาวะ และป้ายแผลด้วยขี้ผึ้งยาเพื่อเคลือบแผลป้องกันการอักเสบ
  • ไหมเย็บบริเวณแผลปิดช่องคลอดเป็นไหมชนิดละลายได้เอง และสามารถหลุดออกได้หลังการผ่าตัดผ่านไปเเล้วประมาณ 4-6 สัปดาห์ 
rps-science.org
  • ในบางกรณีที่แผลภายในท่อปัสสาวะเกิดการอักเสบรุนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อได้รับยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่อง จะช่วยควบคุมการอักเสบได้  
  • แผลเป็นบริเวณสะโพก (จากการผ่าตัดสร้างท่อปัสสาวะบริเวณท้องแขนด้วยผิวหนังจากบริเวณใต้สะโพก) อาจจะเกิดการปูดนูนขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากความตึงของแผลเป็นในระยะแรก ซึ่งจะนุ่มลงในเวลาประมาณ 3-6 เดือน 

การดูแลตัวเองหลังจากการผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศ

  • คุณจะมีแผลที่แขน เนื่องจากถูกตัดเนื้อเยื่อไปใช้ในการสร้างอวัยวะเพศ แพทย์จะทำการใส่เฝือกเอาไว้ เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของผิวหนังที่ปลูกทดแทนไว้ เวลานอนควรวางแขนเอาไว้สูงๆ เพื่อป้องกันอาการบวมบริเวณมือและนิ้วมือ
  • บริเวณสะโพกจะมีแผลจากการตัดผิวหนังบางส่วนไปปลูกที่บริเวณแขน แพทย์จะทำการปิดผ้าก็อซเอาไว้ และเปลี่ยนเรื่อยๆ จนกว่าแผลจะหายสนิท โดยปกติเเล้วจะใช้เวลาราวๆ 2 สัปดาห์ค่ะ
  • แผลบริเวณหน้าท้อง เป็นแผลที่แพทย์ทำการเปิดเพื่อหาเส้นเลือดที่จะนำมาใช้เลี้ยงอวัยวะเพศ ในส่วนนี้จะมีท่อยางเล็ก ๆ เพื่อระบายน้ำเลือดและน้ำเหลืองออกจากร่างกายเวลาประมาณ 2-3 วันเเล้วค่อยถอดออก แผลในบริเวณนี้จะมีลักษณะเป็นรอยเย็บตามขวาง
  • อวัยวะเพศที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้น จะถูกดามให้อยู่นิ่งๆ ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนต่อเส้นเลือดที่ต่อโดยกล้องจุลทรรศน์เอาไว้ คุณจึงต้องนอนอยู่ในท่าที่แพทย์จัดเอาไว้ให้อย่างเคร่งครัดที่สุด โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรก
  • หลังการผ่าตัดให้กินอาหารอ่อนๆ หรือบางรายแพทย์จะไม่อนุญาตให้ทานอาหารได้ (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งจะให้น้ำเกลือแทนในปริมาณที่เหมาะสม)
  • หลังจากผ่าตัดได้ 1-3 วัน ควรหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อทำการขยายปอด เนื่องจากการผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงสู่ชายนั้นจะทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายและแผลผ่าตัด ทำให้มีไข้ขึ้นได้
  •  แผลบริเวณท้อง ขาหนีบ รวมทั้งบริเวณอวัยวะเพศจะสามารถตัดไหมได้หลังการผ่าตัดผ่านไปประมาณ 7-10 วัน ส่วนแผลในบริเวณอื่นๆ ก็จะหายเป็นปกติได้ในระยะเวลา 1-2 เดือน หากเกิดแผลเป็นนูนก็สามารถแก้ไขได้โดยการใช้ผ้ายืดรัดแน่นร่วมกับแผ่นซิลิโคนเจลในช่วง 3-6 เดือนแรกค่ะ

 

หลังจากที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงสู่ชายเเล้ว คุณจำเป็นที่จะต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะได้เปลี่ยนไปเป็นเพศชายได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นให้รำคาญใจ และที่สำคัญ หมั่นไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อดูอาการและตรวจเช็คแผลเป็นประจำเพื่อความสบายใจของคุณเองด้วยนะคะ

 

 

เรื่องน่าสนใจ