บุกจับ นิติพล-วุฒิศักดิ์ พบขายยารักษาสิวโดยไม่ใช่แพทย์

 

สธ.จับมือ บก.ปคบ.บุกตรวจ “นิติพล-วุฒิศักดิ์” ย่านสยามสแควร์ พบขายยารักษาสิวโดยไม่ใช่แพทย์ และโฆษณาเกินจริง มีการลดแลกแจกแถม เบื้องต้นแจ้งข้อหาทั้งสองคลินิกแล้ว

วันนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ศูนย์การค้าสยามสแควร์ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ.และเจ้าหน้าที่ สบส.ลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกสถานเสริมความงาม นิติพล คลินิกเวชกรรม สาขาสยามสแควร์ หลังมีผู้ร้องเรียนว่าสถานบริการดังกล่าวทำการจำหน่ายยารักษาสิวให้ลูกค้าโดยที่ไม่ใช่แพทย์

นายพสิษฐ์ กล่าวว่า การเข้าจับกุมในครั้งนี้เป็นการขยายผลจากการที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามาทาง สบส.ว่า สถานบริการดังกล่าวมีการจ่ายยาโดยไม่ใช่แพทย์ ทั้งนี้ จาก การล่อซื้อของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการกระทำผิดจริง โดยในสถานที่เกิดเหตุสามารถจับผู้กระทำความผิดได้ 3 ราย เป็นแพทย์ผู้ควบคุม 1 ราย และพนักงานประจำร้านอีก 2 ราย ซึ่งหนึ่งใน 2 รายนั้นเป็นพนักงานที่ทำการจำหน่ายยา 1 ราย จึงได้ให้ทางเจ้าหน้าที่รวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และทำการประสานทางเจ้าของสถานบริการมารับทราบข้อมูล ทั้งนี้ สถานเสริมความงามหรือแม้กระทั่งสถานพยาบาลต่างๆ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญในการจำหน่ายยาเท่านั้น เนื่องจากจะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่เข้ามาทำการรักษา สธ.เองได้มีการกำชับให้มีการกวดขันในการรักษาโรคอย่างถูกต้อง แม้กระทั่งเรื่องของการรักษาของความงามก็มีความสำคัญควรได้รับการรักษาจาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกต้อง เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และประกอบทำกิจการอื่นในสถานพยาบาล

นายพสิษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้ทำการตรวจสอบ สถานเสริมความงาม วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม สาขาสยามสแควร์ ด้วย ซึ่งพบว่ากระทำ ความผิดฐานมีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น เป็นผลิตภัณฑ์อันดับ 1 ที่มีดารามาใช้บริการมากที่สุด ใช้แล้วทำให้ผิวกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง และการยกกระชับผิวหน้าด้วยทองคำบริสุทธิ์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังร่วมไปถึงมีการโฆษณาลดแลกแจกแถมสินค้าอีกด้วย ซึ่งตามหลักแล้วไม่สามารถทำได้ จึงได้แจ้งความผิดฐานโฆษณาโอ้อวดเกินจริง พร้อมสั่งให้ปลดป้ายโฆษณา และมีการเปรียบเทียบปรับ 2 หมื่นบาท ทั้งนี้ หากพบมีการฝ่าฝืนอีกก็จะปรับเป็นเงินวันละ10,000 บาท

“ทั้ง 2 กรณีถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง โดยเฉพาะกรณีจำหน่ายยาโดยไม่มีการตรวจวินิจฉัยโรคก่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผิวได้ เนื่องจากผิวของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เช่น บางรายสามารถใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวบางตัวได้ แต่ในผลิตภัณฑ์ตัวเดียวกันก็สามารถทำให้อีกคนแพ้ได้ ซึ่งเรื่องการแพ้ยาหรือผลิตภัณฑ์ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะบางรายอาจถึงขั้นเป็นฝ้าถาวร หน้าเกิดอาการบวมแดงจากการแพ้ หรืออาจถึงขั้นเสียโฉมได้ ดังนั้น การจำหน่ายยาหรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามทุกครั้งจะต้องมีแพทย์ควบคุม ซึ่งในเรื่องดังกล่าวตนก็จะนำรายงานให้แพทสภาทราบเพื่อทำการตรวจสอบราย ละเอียดต่อไป” นายพสิษฐ์ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ ผกก.4 ปคบ.กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 คลินิกมีการกระทำความผิดจริง ดังนั้นเบื้องต้นคลินิกทั้ง 2 แห่ง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยคลินิกแรกจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายเกี่ยวกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยไม่มี แพทย์ควบคุม มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีที่ 2 เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท

 

ที่มาข่าวจาก http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000023868

ภาพประกอบจาก อินเตอร์เนต

เรื่องน่าสนใจ