เรียงเรียงโดย : โดดเด่นดอทคอม

หลายคนมักประสบปัญหา “รังแค” อยู่เสมอ ทั้งๆที่ อาบน้ำสระผมดูแลตัวเองอย่างดีก็แล้ว แต่ก็ยังเป็นรังแคอยู่ ทำให้รู้สึกไม่สะอาด ขาดความมั่นใจไม่กล้าที่จะใส่เสื้อสีเข้ม เพราะเดี๋ยวเพื่อนจะทักว่า “ไปลุยหิมะที่ไหนมา?” วันนี้โดดเด่นดอทคอมเลยขอนำความรู้เรื่องรังแคมาฝากทุกคนกัน

1427773496

ภาพจาก bioscorthailand

หลายคนมักเข้าใจผิดว่า “รังแค” เกิดจากการไม่รักษาความสะอาด ซึ่งนี่เป็นความเข้าใจผิดกันโดยทั่วไป หากคุณไม่สระผมเป็นประจำอย่างเพียงพอ นั่นอาจทำให้อาการเป็นรังแคของคุณแย่ลงเล็กน้อย แต่สาเหตุที่แท้จริงของรังแคนั้นเกิดจากอาการอ่อนไหวของหนังศีรษะ ปกติแล้วผิวหนังชั้นนอกสุดที่เรียกว่า “ชั้นขี้ไคล” จะมีการหลุดลอกทิ้งตามปกติอยู่แล้ว ซึ่งจะหลุดลอกออกไปขณะอาบน้ำชำระล้างร่างกาย หรือในขณะที่ดำเนินชีวิตตามปกติ และในปริมาณน้อยจนไม่ได้สังเกตุ

แต่เมื่อหนังศีรษะเกิดการระคายเคือง ร่างกายจะเร่งการผลัดเซลล์ผิว และเมื่อเซลล์เหล่านั้นรวมตัวกันเป็นจำนวนมากที่ผิวชั้นบนหนังศีรษะ ก็จะกลายเป็นรังแคที่เราเห็นได้ชัดนั่นเอง บางคนมีอาการแพ้น้ำมันบนหนังศีรษะที่เรียกว่า ซีบัม ก็จะเกิดรังแคขึ้นได้

รังแคไม่ใช่โรคติดต่อ นั่นหมายความว่า คุณจะไม่มีทางติดรังแคจากคนอื่น อันที่จริงคนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเป็นรังแคเนื่องจากการสืบทอดทางกรรมพันธุ์

รังแคเกิดจากอะไร? มีปัจจัยอยู่ 3 ประการที่ทำให้เกิดรังแค นั่นคือ

1. เชื้อรามาลาสซีเซีย โกลโบซ่า: สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อาศัยอยู่บนหนังศีรษะของคนเรา แต่อาจก่อปัญหาสำหรับผู้ที่แพ้ง่าย
2. น้ำมันบนหนังศีรษะ: เชื้อรามาลาสซีเซีย โกลโบซ่าจะกินน้ำมันบนหนังศีรษะของเรา ที่เรียกว่า ซีบัม เป็นอาหาร
3. ปฏิกิริยาตอบสนองของแต่ละบุคคล: หนังศีรษะของแต่ละคนมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่แตกต่างกันออกไป

6 Cara Menghilangkan Ketombe

ภาพจาก sisiremaja

การดูแลสุขภาพหนังศีรษะที่ดีเพื่อลดการเกิดรังแค

  1. หลีกเลี่ยงการเกาหนังศีรษะที่รุนแรง ระหว่างสระผมด้วยเล็บคมยาว เพราะนั่นอาจจะทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงยิ่งขึ้น
  2. ควรสระผมทุกวัน ด้วยแชมพูชนิดอ่อน เพื่อขจัดไขมันส่วนเกิน
  3. ในกรณีที่ใช้แชมพูชนิดยารักษา ถ้าใช้ได้ผลแล้วให้ลดการใช้ลงเหลือเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ในความถี่ของการสระที่เพียงพอต่อการควบคุมรังแค แต่ถ้าไม่ได้ผลก็อาจเปลี่ยนชนิดของแชมพูเสียใหม่ และในบางกรณีก็อาจใช้สลับกันก็ได้
  4. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ตกแต่งทรงผม เช่น เจลแต่งทรงผม มูส สเปรย์ฉีดผม เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดการสะสมบนเส้นผมและหนังศีรษะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา และถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ใดแล้วเกิดอาการรังแคเพิ่มมากขึ้น ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันที
  5. ขณะที่กำลังสระผมด้วยแชมพู อาจนวดหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว เพื่อช่วยขจัดสิ่งตกค้างและเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรษะให้ดียิ่งขึ้นด้วย อย่าใช้เล็บเกา เพราะจะระคายเคืองหนังศีรษะ
  6. หลังการสระผม ควรเช็ดผมให้แห้งเบาๆ ด้วยผ้าขนหนู หรือปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ ไม่ควรใช้เครื่องเป่าผม เพราะจะทำให้หนังศีรษะแห้ง เสียสมดุล
  7. ควรหวีผมเบาๆ ด้วยหวีซี่ห่างโดยเริ่มจากรากผมไปตลอดความยาวของเส้นผม เพื่อช่วยกระจายไขมันจากหนังศีรษะให้ทั่วเส้นผม และไม่ควรใช้หวีที่แข็งหรือมีซี่ของหวีที่ถี่เกินไป เพราะอาจจะดึงเส้นผมให้หลุดร่วงมากขึ้น
  8. ควรหลีกเลี่ยงการตกแต่งเส้นผมด้วยความร้อน หรือสารเคมีต่างๆ โดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาวะของหนังศีรษะได้ เช่น การถักเปียแน่นๆ การกัดสีผม การโกรกย้อมผม การยีผมให้ฟู การเป่าผมด้วยลมร้อน เป็นต้น

ข้อมูลจาก หมอชาวบ้านheadandshoulders

เรื่องน่าสนใจ