ที่มา: tnnthailand

เฟซบุ๊กประกาศจะแก้ไขนโยบายใช้ “ชื่อจริง”หลังจากเผชิญกับการประท้วงอย่างรุนแรงจากกลุ่มต่างๆ

0381dd

วันนี้(16ธ.ค.58)เฟซบุ๊กประกาศทดสอบใช้เครื่องมือใหม่ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้อธิบายเหตุผลที่ไม่สามารถใช้ชื่อจริงได้ในกรณีและสถานการณ์พิเศษ โดยระบุว่าเครื่องมือนี้มุ่งช่วยคนที่อาจประสบกับความรุนแรงในครอบครัวหรือกรณีที่การเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนอาจจะทำให้เขาหรือเธอตกอยู่ในอันตรายได้

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กก็ยังยืนยันให้คนใช้ “ชื่อจริง” ยกเว้นในกรณีที่ไม่ปกติจริงๆ เท่านั้น “เรากำหนดให้คนใช้ชื่อที่เพื่อนฝูงและครอบครัวใช้เรียกตัวเอง” เฟซบุ๊กกล่าว “เมื่อคนใช้ชื่อที่ตนเป็นที่รู้จัก การกระทำและคำพูดของเขาก็จะมีน้ำหนักมากขึ้นเพราะจะมีความรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนพูดมากขึ้น”

“แต่ว่าหลังจากได้รับเสียงสะท้อนความเห็นจากชุมชนผู้ใช้ เราก็เห็นความสำคัญที่นโยบายนี้จะต้องเหมาะกับทุกคนด้วย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อยู่ชายขอบหรือถูกเลือกปฏิบัติ”

บริษัทยังได้เพิ่มเครื่องมือใหม่ในการรายงานชื่อปลอม โดยกำหนดให้คนที่แจ้งเรื่องคนอื่นใช้ชื่อปลอมต้องให้ข้อมูลบริบทเพิ่มมากขึ้นด้วย เฟซบุ๊กระบุว่าบริษัทได้รับเรื่องร้องเรียนเรื่องชื่อปลอมสัปดาห์ละหลายแสนกรณี

“แต่เดิม ผู้ใช้สามารถแจ้งรายงานชื่อปลอมได้เลย แต่ตอนนี้จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนใหม่สองสามขั้นตอนเพื่อให้รายละเอียดแก่เรามากขึ้น” เฟซบุ๊กกล่าว “ข้อมูลบริบทที่เพิ่มมานี้จะช่วยให้ทีมงานตรวจสอบของเราเข้าใจได้ดีขึ้นว่าทำไมจึงมีการร้องเรียน”

เฟซบุ๊กได้รับการกดดันอย่างมากจากกลุ่มรณรงค์ด้านสิทธิต่อนโยบายการใช้ชื่อจริงที่ทางบริษัทยืนยันหนักแน่นมาตลอด มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังจากเสนอว่าคนที่ใช้สองชื่อหรือใช้นามแฝงนั้นแสดงถึง “การขาดความซื่อสัตย์”

เมื่อปีที่แล้ว กลุ่มชายที่นิยมแต่งตัวข้ามเพศในซาน ฟรานซิสโกถูกลบบัญชีเฟซบุ๊กไปเนื่องจากถูกพิจารณาว่าละเมิดนโยบายดังกล่าวหลังจากเผชิญกับการต่อต้านอย่างมาก ทางบริษัทก็ยอมรับว่าได้กระทำผิดพลาดไปที่ไปลบบัญชีเหล่านั้น แต่ก็บอกว่าบริษัทต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายในการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้ในเครือข่าย

กลุ่มองค์กรที่ทำงานเรื่องสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองได้รวมตัวกันจัดตั้ง “เครือข่ายพันธมิตรไร้ชื่อ” ขึ้นมาเพื่อกดดันเฟซบุ๊กให้เปลี่ยนนโยบายนี้ เครื่องมือใหม่ที่เปิดตัวเมื่อวันอังคารนั้นยังห่างไกลจากข้อเสนอของกลุ่มดังกล่าวอยู่มาก แต่ผู้แทนจากเฟซบุ๊กก็ได้พบกับสมาชิกของเครือข่ายพันธมิตรไร้ชื่อแล้ว

เรื่องน่าสนใจ