(17 ธ.ค. 60) ทีมข่าว อมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมาพูดคุยกับคุณบัว (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย กรณีไป เสริมหน้าอก ติดเชื้อ อักเสบ และมีหนองไหล เปิดเผยกับทีมข่าวด้วยน้ำตาว่า ประมาณกลางปี 2558 ที่ผ่านมา ตนอยากทำหน้าอก เลยศึกษาหาข้อมูลจากการรีวิวในเฟซบุ๊กและกูเกิ้ล จะเน้นการรีวิวพวกทรงรูปแบบหน้าอก จนรู้สึกชอบและสนใจคลินิกดังแห่งหนึ่งย่านอาร์ซีเอ เนื่องจากเห็นมีคนไปทำศัลยกรรมเป็นจำนวนมาก จึงได้ทักไปยังเพจเฟซบุ๊กคลินิกดังกล่าว เพื่อสอบถามรายละเอียด จนได้คิวผ่าตัดช่วงปลายปี พ.ศ.2558 พร้อมกับจ่ายค่ามัดจำไป 3,000 บาท ก่อนจะถึงวันนัดเสริมหน้าอก ทางคลินิกให้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เพื่อนำใบรับรองแพทย์ให้กับทางคลินิกว่า ร่างกายแข็งแรงพร้อมผ่าตัด

เมื่อถึงวันเสริมหน้าอก คุณบัว ได้จ่ายเงินค่าเสริมหน้าอกเพิ่ม 38,000 บาท แล้วเดินขึ้นไปยังห้องผ่าตัด ระหว่างทางเห็นกองผ้าที่ใช้งานแล้วเป็นจำนวนมาก เมื่อเข้าไปในห้องผ่าตัดพบกับ คุณหมอ และพยาบาลประมาณ 3 คน ทางพยาบาลได้บอกให้ตนถอดเสื้อ และเครื่องประดับ แล้วได้มาฉีดยาสลบให้ตน แต่ตนยังรู้สึกตัว

เพราะได้กลิ่นกะเพราทะเลลอยเข้ามาในห้อง ประกอบกับเห็นคุณหมอกำลังนั่งกินกะเพราทะเลอยู่หน้าห้องผ่าตัดที่เป็นชั้นลอย เมื่อเห็นเช่นนั้นยอมรับว่าตนไม่อยากทำแล้ว เพราะเริ่มไม่มั่นใจเรื่องความสะอาด แต่สุดท้ายก็สลบไปเพราะฤทธิ์ยา

คุณบัว บอกอีกว่า เมื่อผ่าตัด เสริมหน้าอก เสร็จ ทางคลินิกได้นัดให้มาตัดไหมหลังจากผ่าตัด 2 สัปดาห์ ระหว่างที่ตนกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ได้ถ่ายรูปส่งไปให้แอดมินเพจคลินิกอยู่เป็นประจำ เพื่อปรึกษาอาการ พร้อมกับสังเกตเห็นว่าหน้าอกที่เสริมมาด้านซ้าย ปริอออกประมาณ 2-3 แผล มีเลือดและหนองไหลเป็นจำนวนมาก

ทางแอดมินเพจได้นัดเย็บแผลให้ ตนได้เดินทางไปที่คลินิกเพื่อเย็บแผลอยู่บ่อยครั้ง แต่แผลไม่แห้ง จนหมอได้แนะนำว่า ควรตัดเนื้อหน้าอกและซิลิโคนที่เสียออกไป แต่ตนไม่ไหวกับการเย็บแผลแบบถี่ๆ 3-4 ครั้ง เพราะเจ็บ ซึ่งหน้าอกตัวเองไม่เท่ากัน ตอนนั้นพยายามมองหาคลินิกและโรงพยาบาล เพื่อหาวิธีแก้แต่ไม่มีไปรักษาต่อ ให้เหตุผลว่า ให้ไปคุยกับคลินิกเดิม เพราะกลัวจะรักษาไม่ถูกทาง

จนกระทั่งตนกลับมาที่คลินิกเดิม หมอแนะนำให้ถอดซิลิโคน เอามาล้างใหม่ รวมถึงจะใส่สายเดรน (สายที่ระบายเลือดเสียออกจากแผลผ่าตัด) พอทำกลับไม่หาย มิหนำซ้ำยังมีซิลิโคนโผล่ออกมา ช่วงนั้นตนร้องไห้ตลอดเวลา จนรู้สึกท้อแท้ และอยากตาย

ขณะเดียวกัน หมอได้แนะนำว่า จะนัดถอดซิลิโคนแล้วใส่อันใหม่ คิดเงิน 8,000 บาท ตนสงสัยและอยากถามหมอว่าทำไมไม่ถอดออกแต่แรก ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าว ตนรู้สึกไม่พอใจและไม่ยอม เพราะตลอดระยะเวลาที่รักษา จ่ายค่าส่วนต่างมาโดยตลอด จนหมอให้ไปคุยกับเจ้าของร้าน

เจ้าของร้านบอกว่า ให้ถอดซิลิโคนเก่า แล้วใส่ซิลิโคนใหม่ จะไม่คิดเงินค่าทำ แต่จะต้องพักเนื้อก่อนทำการผ่าตัดหน้าอก เป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งตนต้องใช้ชีวิตแบบมีหน้าอกอยู่ข้างเดียว ยอมรับว่าใช้ชีวิตอย่างลำบาก ทรมาน

ครั้งสุดท้ายหลังจากพักเนื้อ 4 เดือน หมอได้นำซิลิโคนยี่ห้อหนึ่งขนาด 400 CC แบบผิวทรายมาใส่ให้ แต่หน้าอกไม่ปกติ และไม่สวย จนกลายเป็นตราบาป ทำให้ตนรู้สึกโง่ไปทำ ซึ่งรู้สึกเสียดายเวลา และเสียใจ โดยเสียเงินเสริมหน้าอกไปเกือบ 70,000 บาท ขณะที่คุณหมอที่ผ่าตัดเสริมหน้าอก ได้ย้ายไปประจำที่สาขา ย่านแจ้งวัฒนะ ซึ่งตนไม่ได้รับการติดต่อใดๆ กลับมาอีกเลย

ส่วนเรื่องสัญญา ตอนที่ตนเข้าไปเย็บตามนัดหรือผ่าหน้าอกใหม่ ทางคลินิกให้ตนเซ็นเอกสารประมาณ 5 ใบ ที่ตนเซ็นเพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเงื่อนไขที่ทำให้ผู้เสียหายหลายอื่นไม่กล้าออกมา คือ ห้ามไม่ให้เอาไปโพสต์ลงโซเชียล หรือทำให้ทางคลินิกเสียหาย แต่ที่โพสต์เพราะเรื่องของตน 2 ปีแล้ว และเห็นว่ามีคนเข้าไปทำกับคลินิกดังกล่าวอยู่เรื่อยๆ จึงอยากฝากให้เป็นเตือนภัยสำหรับคนที่กำลังจะไปทำศัลยกรรม

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปที่คลินิกดังกล่าว ย่านแจ้งวัฒนะ ได้พบกับ หมอนัย (นามสมมติ) หมอที่ผ่าตัดเสริมหน้าอกให้ คุณบัว เปิดเผยว่า ตนเห็นเรื่องราวที่โพสต์ในเพจแล้ว เนื่องจากเพื่อนส่งมาให้ดู ยอมรับว่า ตนไม่ทราบว่ามีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น พร้อมกับยืนยันว่าไม่เคยกินข้าวในคลินิก เพราะกินข้าวมาจากข้างนอก ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานที่ทานข้าวในคลินิก โดยตนมั่นใจว่า บริเวณห้องผ่าตัดสะอาด ปลอดเชื้อ และมีการปิดมิดชิด

ประกอบกับสถานพยาบาลมีใบรับรองอนุญาต มีมาตรฐานเรื่องความสะอาด ส่วนปัญหาเรื่องการผ่าตัดเสริมหน้าอก มีโอกาสที่จะผิดพลาดได้ การผ่าตัดทุกครั้ง มีความเสี่ยง บางคนอาจจะติดเชื้อ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ทุกปัญหามีทางแก้ไข ที่ผ่านมาตนยอมรับว่า เคยมีกรณีที่มีปัญหาหลังการผ่าตัด แต่น้อยมาก ยืนยันว่า ปัจจุบันกรณีในลักษณะเช่นนี้ แทบจะไม่มี เนื่องจาก ตนพยายามหาจุดบกพร่องแล้วนำมาพัฒนา ตนไม่เคยไม่ถอดซิลิโคนให้คนไข้ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ยอมรับว่าเครียด และกระทบกับงานมาก

ส่วนเรื่องสัญญาก่อนการผ่าตัด ตนไม่รับรู้ เพราะเจ้าของร้านเป็นคนร่างขึ้นมา ตนมีหน้าที่เซ็นว่าเป็นเจ้าของไข้เท่านั้น สุดท้ายตนอยากฝากถึงผู้เสียหายว่า “อยากให้ติดต่อหมอมาโดยตรง ผมยินดีจะรับผิดชอบ ไม่อยากให้เอาไปลงโซเชียล ตอนนี้ผมอยากรับผิดชอบและเยียวยา เพราะผมเชื่อว่ามีทางแก้ไขอย่างแน่นอน ขอแค่ติดต่อกลับมา ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ”

โดยทีมข่าวได้พยายามสอบถามเจ้าของคลินิกเรื่องสัญญา แต่ทางเจ้าของร้านไม่ขอออกสื่อ แต่ระบุมาเพียงสั้นๆว่า ทุก ๆ ร้านก็มีสัญญาที่มีเงื่อนไขไม่ให้ลงโซเชียลอยู่แล้ว และทางร้านไม่ได้บังคับว่าถ้าไม่เซ็นจะไม่ทำศัลยกรรมให้ เพราะมีบางรายก็ไม่ได้เซ็นเหมือนกัน

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ