“แพทยสภา” เตรียมหารือยกเลิกเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ หลังเกิดผลกระทบต่อสุขภาพมาตลอด ด้าน “ปลัด สธ.” สั่งกวาดล้างคลินิกเสริมความงามเถื่อน แนะประชาชนอย่าใช้บริการหมอกระเป๋า
นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงกรณีชายหนุ่มบัณฑิตใหม่เพิ่งจบการศึกษา เข้ารับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณจมูกที่คลินิกเสริมความงามย่านสุทธิสาร เป็นเหตุให้ตาบอด 1 ข้าง ว่าการฉีดฟิลเลอร์บริเวณจมูกถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก เพราะเส้นเลือดบริเวณจมูกนั้นเชื่อมต่อกับเส้นประสาทตา หากผู้ฉีดไม่มีความชำนาญก็จะมีโอกาสทำให้สารฉีดไปโดนเส้นเลือดและทำให้ตาบอดได้ ที่ผ่านมาแพทยสภาได้พยายามสื่อสารและแจ้งเตือนประชาชนมาตลอด เพราะมีกรณีตัวอย่างผู้ได้ผลกระทบจากการฉีดฟิลเลอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ประชาชนก็ยังคงนิยม ขณะนี้จึงกำลังพิจารณาว่าจะอนุมัติให้มีการฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกหรือไม่ ซึ่งต้องรอประชุมร่วมกันของคณะอนุกรรมการคุ้มครองประชาชน จากการประกอบวิชาชีพเวชกรรมการเสริมสวยและการโฆษณา ในวันที่ 25 มิ.ย.ที่จะถึงนี้
“จากการติดตามข่าวสารพบว่าคลินิกดังกล่าวผิดหลายกระทง ทั้งการเปิดสถานประกอบการโดยไม่ได้รับอนุญาต และการที่ผู้ฉีดไม่ใช่แพทย์ นอกจากนี้ยังต้องไปตรวจดูด้วยว่าสารที่ฉีดเข้าไปนั้นเป็นสารชนิดไหน ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยาหรือไม่” นพ.สัมพันธ์กล่าว
เลขาธิการแพทยสภากล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าในการจัดทำร่างประกาศแพทยสภา เรื่องหลักเกณฑ์และมาตรฐานของแพทย์ที่จะประกอบวิชาชีพด้านเวชกรรมเพื่อการเสริมความงามที่มีความเสี่ยงสูง ขณะนี้จัดทำเสร็จไปแล้วในบางส่วน อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการในส่วนที่เหลือ ซึ่งยังคงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะการเทียบเคียงผู้ที่ไปเรียนเสริมความงามมาจากต่างประเทศ ว่าไปเรียนจากสถาบันที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจริงหรือไม่ ขณะที่ร่างหลักสูตรการอบรมเทคนิคการศัลยกรรมความงาม จะเน้นอบรมให้กับแพทย์ที่จบใหม่ หรือแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญเข้ารับการฝึกอบรมเทคนิคการใช้เครื่องมือ การใช้สารต่างๆ ในการทำศัลยกรรมที่มีมาตรฐานจากสถาบันฝึกอบรมที่มีมาตรฐานในประเทศ ซึ่งได้รับการรับรองจากแพทยสภา พร้อมทั้งให้สามารถแก้ปัญหาหรือรักษาผลกระทบที่เกิดจากการทำศัลยกรรมได้ในเบื้องต้นก่อนส่งต่อเพื่อการรักษาต่อไป
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งรับผิดชอบดูแลมาตรฐานสถานพยาบาลเอกชน ทั้งประเภทคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนที่มีทั้งหมดเกือบ 18,000 แห่งทั่วประเทศ ให้เร่งกวาดล้างสถานพยาบาลเถื่อน โดยเฉพาะคลินิกเสริมความงาม ซึ่งมีการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรมเป็นจำนวนมาก และยากต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จึงต้องขอความร่วมมือจากประชาชนร่วมสอดส่อง แจ้งเบาะแส เพื่อดูแลคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างไม่ละเว้น
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่คิดจะทำศัลยกรรมเสริมความงามนั้น ขอเตือนว่าอย่าไปทำกับกับคนที่ไม่ใช่แพทย์ หรือหมอกระเป๋า ส่วนกรณีที่ไปใช้บริการที่สถานพยาบาลขอให้ตรวจสอบหลักฐานสำคัญ เช่น 1.ใบอนุญาตการให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล 2.ใบอนุญาตดำเนินการของสถานพยาบาล และจะต้องมีรูปถ่ายติดไว้ที่ใบอนุญาตดำเนินการให้เห็นอย่างชัดเจน และ 3.แพทย์ที่ให้การตรวจรักษาจะต้องตรงกับรูปถ่ายที่ติดไว้หน้าห้องตรวจในคลินิก หากเข้าไปใช้บริการแล้วไม่พบหลักฐานดังกล่าว หรือไม่ครบถ้วน ขอให้สงสัยว่าอาจเป็นสถานพยาบาลเถื่อน ให้แจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนคุ้มครองผู้รับบริการสุขภาพ โทร.0-2193-7999 ตลอด 24 ชั่วโมง.
ขอบคุณที่มาจาก ไทยโพสต์