ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

โลกปัจจุบันมีความก้าวหน้าและความทันสมัยมากขึ้นก็จริง แต่สิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์อาจกลายเป็นสิ่งที่ให้โทษต่อร่างกายหากไม่ศึกษาให้ดีเสียก่อน ยาเลื่อนประจำเดือนสำหรับคุณผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน

EyWwB5WU57MYnKOuXqzn2qbieWG5roXqfu1wXxQbt0iCBfIIloabd3

คุณผู้หญิงในบางรายเมื่อรับประทานยาเข้าไปแล้ว อาจมีอาการคลื่นไส้ คัดตึงเต้านม อาเจียน และปวดศีรษะ ส่วนผลข้างเคียงอย่างอื่นไม่มีอะไรน่ากลัว ถือว่ามีความปลอดภัย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรใช้มากเกินความจำเป็น ควรใช้เพียงชั่วคราวภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น

สำหรับวิธีการใช้ยาอย่างปลอดภัยนั้น จะต้องรับประทานยาล่วงหน้าก่อนมีประจำเดือนอย่างน้อย 4–5 วัน หรือ 1 สัปดาห์ เพราะถ้ารับประทานในช่วงใกล้มีประจำเดือนอาจไม่ได้ผล ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงยาประเภทลดกรดในกระเพาะอาหาร เพราะจะมีผลทำให้การดูดซึมยาลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเลื่อนประจำเดือนต่ำ

ส่วนวิธีการรับประทานยา ให้รับประทานยาวันละ 2 เม็ด ตอนเช้าและตอนเย็นในขนาดที่กำหนด แต่ไม่ควรเกิน 10–14 วัน เพราะการใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอยและรอบเดือนมาผิดปกติได้ หลังหยุดยาแล้วประจำเดือนจะยังไม่มา จะทิ้งช่วงเวลาไปประมาณ 2–3 วัน ประจำเดือนจึงจะมาตามปกติ คุณผู้หญิงไม่ต้องกังวล ถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากเกินกำหนดที่ระบุไว้ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อหาทางป้องกันอาการต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

เหนือสิ่งอื่นใดต้องรู้จักศึกษาหาความรู้และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เฉพาะทางอย่างเคร่งครัดเพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวของท่านและคนรอบข้าง

ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ จิตต์เจริญ
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

เรื่องน่าสนใจ