กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ย้ำเจ้าของกิจการ รพ./คลินิก หรือแพทย์ผู้ดำเนินการกวดขันมาตรฐานสถานพยาบาลของตน โดยเฉพาะผู้ให้บริการต้องเป็นแพทย์จริง และต้องยื่นเรื่องแสดงความจำนงเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาลกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อออกหลักฐานยืนยัน ป้องกันการลักลอบใช้หมอเถื่อน หรือแยกร่างปฏิบัติงานหลายแห่งพร้อมกัน
นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา กระแสนิยมในการดูแลรูปลักษณ์และความงามของคนไทยเป็นมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานพยาบาล ประเภทคลินิกเวชกรรมที่ให้บริการเสริมความงามมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงอาจจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีที่หวังแต่เพียงผลประโยชน์ โดยมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการ ลักลอบนำบุคคลที่มิใช่แพทย์มาให้บริการแทนแพทย์จริง ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกาย และชีวิตของประชาชน ดังนั้น เพื่อคุ้มครองประชาชนให้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัยตามที่คาดหวัง กรม สบส.ขอเน้นย้ำให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการ รพ./คลินิกทุกแห่งกวดขันมาตรฐานสถานพยาบาลของตน โดยเฉพาะผู้ให้บริการ ต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและใบอนุญาตจากแพทยสภาจึงมีสิทธิให้บริการทางการแพทย์หรือเสริมความงามได้ อีกทั้งก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติงานในสถานพยาบาล จะต้องมีการยื่นแบบแสดงความจำนงเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล (ส.พ.6) กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติอีกด้วย
ด้าน ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า หลังจากผู้ประกอบวิชาชีพได้ยื่นหนังสือแสดงความจำนงเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาลแล้ว เมื่อกรม สบส.หรือ สสจ.ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นว่าเป็นแพทย์จริง มีคุณสมบัติเหมาะสมกับประเภทของสถานพยาบาล และเวลาปฏิบัติงานไม่ซ้ำซ้อนกับสถานพยาบาลแห่งอื่น พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จะออกเอกสารแบบแสดงรูปถ่ายและรายละเอียดเกี่ยวกับแพทย์ (ส.พ.6) ให้ โดยจะมีการแสดงรายละเอียดของสถานพยาบาล, ชื่อ-นามสกุล/สาขาของแพทย์, เลขที่ใบอนุญาต และภาพถ่าย เพื่อใช้แสดง ณ สถานพยาบาลและเป็นหลักฐานให้ผู้รับบริการได้ใช้ตรวจสอบ ซึ่งหาก รพ./คลินิกแห่งใดไม่จัดให้มีการแสดงหลักฐานเกี่ยวกับแพทย์ ก็จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 35 (3) ฐานไม่จัดให้มีหลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ดี นอกจากจะตรวจสอบจากเอกสารหลักฐาน ส.พ.6 แล้ว ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อแพทย์ซ้ำจากเว็บไซต์แพทยสภา (www.tmc.or.th) เพื่อความมั่นใจก่อนรับบริการ