ไอชา โมฮัมหมัดซาอิ สาวอัฟกานิสถานผู้ที่ทำให้คนทั้งโลกตกตะลึงกับใบหน้าที่ไร้ซึ่งจมูกของเธอ บัดนี้ได้พบกับชีวิตใหม่ และได้จมูกใหม่มาแล้วด้วยกระบวนการศัลยกรรมปลูกถ่ายผิวหนัง
คนทั้งโลกคงยังไม่ลืมและไม่ มีทางลืมภาพใบหน้าของ ไอชา หญิงสาวชาวอัฟกานิสถาน ที่ได้รับการตีพิมพ์ขึ้นปกนิตยสารไทม์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2553 และได้รับรางวัล โฟโต้ ออฟ เดอะ เยียร์ ประจำปีนั้นไปด้วย ทว่าสิ่งที่ทำให้โลกจดจำใบหน้าของเธอกลับไม่ใช่เพราะใบหน้าที่คมคายงดงาม สะดุดตา แต่กลับเป็นรูกลวงโบ๋ที่ปรากฏอยู่กลางใบหน้า ในบริเวณที่ซึ่งควรจะเป็นจมูก มันคือร่องรอยและหลักฐานของความโหดร้ายที่ชายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ซึ่งลงโทษไอชาที่หนีออกจากบ้านด้วยการตัดใบหูและเฉือนจมูกของเธอทิ้ง
ใน ตอนนี้ไอชาอายุ 23 ปีแล้ว เธอพำนักอาศัยอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในรัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐฯ และยังคงได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง จากคณะแพทย์ของโรงพยาบาล Walter Reed National Military Medical Centre ในย่านเบเธสดา ด้วยการฝังซิลิโคนชนิดยืดขยายได้ลงไปใต้ผิวที่หน้าผากซ้าย และแพทย์ได้ฉีดของเหลวเติมในซิลิโคนเพื่อให้มันพองออก ผิวหนังที่ห่อหุ้มมันอยู่จึงขยายออกตาม และแพทย์จะได้นำผิวหนังส่วนนี้มาใช้ในการศัลยกรรมตกแต่งจมูกให้กับเธอ นอกจากนี้ยังได้ทำการปลูกถ่ายผิวหนังจากบริเวณแขนมาที่จมูกเพื่อสร้างเนื้อ เยื่อบริเวณโพรงจมูกด้านใน และจมูกส่วนล่างของเธอด้วย แม้ใบหน้าของเธอในตอนนี้ยังไม่เข้าที่ดี แต่เธอก็ไม่ต้องมีรูกลวงโบ๋อยู่กลางใบหน้าอีกต่อไป และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ให้สัมภาษณ์เล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังผ่าน ทางรายการ Daybreak ทางช่อง ITV ของอเมริกา
ไอชาเล่าว่าพ่อของเธอขายเธอให้กับนักรบตาลีบันคนหนึ่งเพื่อเป็นการชดใช้หนี้ ตั้งแต่เธออายุได้เพียง 12 ปี เธอถูกทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจจากชายผู้นี้รวมทั้งครอบครัวของเขาด้วย ไม่ว่าจะใช้เธอทำงานหนัก และปล่อยให้อาศัยนอนอยู่ในคอกร่วมกับสัตว์ จนในที่สุดเธอตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ทว่าก็ถูกจับได้ และถูกลงโทษด้วยการจำคุก 5 เดือน ก่อนที่ทางการจะส่งตัวเธอคืนให้กับสามีเพื่อไปประสบชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่ง กว่าเดิม ในคืนเกิดเหตุ สามีและพรรคพวกพาตัวเธอไปบนภูเขา มัดมือมัดเท้า และลงมือเฉือนใบหูและจมูกของเธอทิ้งเพื่อเป็นการลงโทษที่เธอหนีจากไป และทิ้งเธอไว้ทั้งอย่างนั้น ไอชาสลบไป แต่เคราะห์ยังดีที่เธอยังไม่เสียชีวิต เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ไอชากระเสือกกระสนไปจนถึงบ้านของปู่ จนในที่สุดปู่และพ่อของเธอจึงตัดสินใจพาเธอไปรักษากับหน่วยบริการทางการ แพทย์ของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน แล้วจึงถูกส่งตัวต่อไปรักษาอย่างลับ ๆ ที่หน่วยพยาบาลในกรุงคาบูล และได้รับการอนุเคราะห์จากมูลนิธิ Grossman Burn Foundation สนับสนุนการรักษา ประสานงานกับแพทย์ที่อเมริกา และส่งตัวเธอไปรักษาต่อที่นั่น พร้อมทั้งหาครอบครัวอุปถัมภ์ที่เต็มใจและพร้อมจะดูแล รับเธอมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน
ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 16 เดือนแล้วที่ไอชามาอยู่ที่อเมริกา ไอชาได้พำนักอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ที่แคลิฟอร์เนีย และนิวยอร์ก ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่แมรี่แลนด์กับครอบครัวมาติ และ จามิลา อาซาล่า ซึ่งมีลูกสาววัย 15 ปี ที่คอยเป็นเพื่อนและน้องสาวที่น่ารักของไอชาด้วย
ไอชา บอกว่าเธอมีความสุขกับชีวิตที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้ และอยากจะฝากเรื่องราวของเธอไปให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ประสบชะตากรรมคล้ายคลึงกับเธอในอดีตว่า “ขอให้เข้มแข็ง อย่าเพิ่งท้อแท้และสิ้นหวัง” ครั้ง หนึ่งเรื่องราวของเธอกลายเป็นภาพสะท้อนความโหดร้ายของผู้หญิงที่ถูกกดขี่และ เป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เรื่องราวใหม่ของเธอในครั้งนี้จะกลายเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิงทั่วโลกไม่ ว่าใครก็ตามที่กำลังถูกย่ำยี ว่าขอให้ไม่ละทิ้งซึ่งความหวังว่าชีวิตจะได้พบวันที่ดีกว่านี้ .. ขอให้ผู้หญิงทุก ๆ คนได้พบกับโชคดี และได้ชีวิตใหม่เช่นเดียวกับเธอ
ครอบครัวใหม่ของไอชา
ขอบคุณ www.kapook.com
ขอบคุณคลิปวีดีโอ www.youtube.com โดย newsforall999
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ynaija.com