เป็นที่ตื่นตาและได้รับความสนใจจากเวทีโลกเป็นอย่างมาก สำหรับ ”น้องฟ้า” ชัญษร สาครจันทร์เจ้าของมงกุฎมิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส 2554 ที่เป็นตัวแทนสาวไทยไปประชันขาอ่อนในเวทีนางงามจักรวาลมิสยูนิเวิร์ส 2011 จัดขึ้นที่เครดิการ์ด ฮอลล์ ในนครเซา เปาโล ประเทศบราซิล เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 12 กันยายน (เช้าวันอังคารที่ 13 กันยายนตามเวลาประเทศไทย) โดยมีสาวงามจาก 89 ประเทศเข้าร่วมประชันความงามซึ่ง กระแสของน้องฟ้าในเวทีโลกทั้งจากผู้คนและในโลกไซเบอร์ น้องฟ้าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และถือเป็นตังเต็งอันดับต้นๆ ที่มีสิทธิคว้ามงกุฎนี้ไปครอง แต่สุดท้ายก็เป็นที่น่าเสียดายแทนสาวไทยเมื่อมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2011 ตกเป็นของ ”ไลล่า โลเปซ” นางงามชาวแองโกลา วัย 24 ปี ถือเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไปครองขณะที่ ”น้องฟ้า” ชัญษร สาครจันทร์ สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย คว้าอันดับ 3 ในรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม และล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 14.10 น. วันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ”น้องฟ้า” ชัญษร สาครจันทร์ ก็เดินทางกลับถึงบ้านเกิดด้วยสายการบินอิมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK 384 ซึ่งมีคุณพ่อและคุณแม่ที่บินไปให้กำลังใจเดินทางกลับมาด้วย โดยมีพี่ชายและแฟนๆ ชาวไทยเดินทางมาให้การต้อนรับกันเนืองแน่น ซึ่งน้องฟ้าเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงความรู้สึกหลังจากลงจากเวทีการ ประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2011 ว่า ดีใจเป็นอย่างมากที่ได้กลับเมืองไทย ระหว่างอยู่ที่บราซิลมีสาวงามชาวต่างชาติต่างชมว่ารักประเทศไทย เป็นประเทศที่สวย อาหารอร่อย และความเป็นไทยที่นำไปเผยแพร่คือการไหว้ และการอ่อนน้อมถ่อมตน ”รู้สึกผ่อนคลาย ดีใจมากที่ได้กลับมาประเทศไทย เพราะว่าตอนที่อยู่ที่นู่นก็คิดถึงประเทศไทยตลอดเลย พอเราไปที่นู้นมีแต่คนชมประเทศไทยว่า ไอ เลิฟ ไทยแลนด์ (ฉันรักเมืองไทย) เป็นประเทศที่มีความสนุกสนาน สถานที่ท่องเที่ยวทะเลของไทยสวยมากๆ และอาหารอร่อย ได้กลับมาก็ดีใจมาก เวลาฟ้าอยู่ที่นั่นก็ได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนแต่ละ ประเทศ ทุกคนมีนิสัยที่แตกต่างกันไป ตรงนี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก ได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลากหลาย ส่วนข้อดีของคนไทยคือการไหว้ อ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นห่วงเป็นใยคนรอบข้าง ซึ่งฟ้าก็นำเอาวัฒนธรรมไทยตรงนี้ไปแสดงออกอย่างเต็มที่ เจอใครฟ้าก็จะทักทายด้วยการไหว้ตลอด ทำให้รู้จักคนไทยดีขึ้น” รับไม่รู้สึกเสียใจที่ตกรอบ เพราะความสวยวัดกันยาก แต่ก็ได้รางวัลอันดับสามชุดประจำชาติ ”สำหรับรางวัลชุดประจำชาติปีนี้ก็ได้ที่สามกลับมา ซึ่งชุดประจำชาติมีคนชมกันเยอะมากๆ พอเราใส่เดินออกมาจากห้องทุกคนก็โอ้โห รุมถ่ายรูปกันใหญ่เลย เรียกว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจกับชาวต่างชาติมากๆ เลยนะคะ ก็ไม่รู้สึกเสียใจ เราก็เข้าใจว่าความสวยวัดเป็นมาตรฐานกันยาก มันแล้วแต่ว่าใครจะมองว่าใครสวย อาจจะเป็นเรื่องของการเดินที่เค้าชอบ หรือไม่ชอบก็แล้วแต่มุมมอง แต่สำหรับฟ้าคือทำดีที่สุดแล้ว และต้องขอขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ฟ้ามาโดยตลอด ขอบคุณทุกคนจริงๆ ค่ะ” ฝันอยากทำงานในวงการบันเทิง ขึ้นอยู่กับโอกาสที่ผู้ใหญ่จะหยิบยื่นให้ ถ้าเป็นงานเพลงก็ดีเพราะถนัด ”ส่วนงานในวงการบันเทิงก็คงต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่จะให้โอกาส แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำงานในวงการต่อไปเท่าที่จะมีโอกาส เพราะฟ้าก็ชอบด้านร้องเพลง ดนตรี” อับดับแรกของน้องฟ้าหลังจากนี้คือการพักผ่อนและทานส้มตำ ต้องอาหารไทยเป็นอับดับแรก
”คงต้องพักผ่อนก่อน แล้วก็คงรีบไปทานอาหารไทยแหละ เพราะว่าคิดถึงอาหารไทยมาก อย่างเช่นส้มตำ ซีฟู้ด คงไปอยู่แถวๆ ชายหาดพัทยา” ฝากรุ่นน้องปีต่อไปนำเสนอความเป็นตัวเอง และให้ลองมาประกวดนางงาม เพราะถือเป็นประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ ”สำหรับตัวแทนสาวไทยในปีต่อไป ก็อยากฝากให้ลองเข้ามาประกวดนางงามพรีเซนต์ความเป็นตัวของตัวเอง บวกกับความเป็นนางงาม แล้วก็เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากในการประกวดนางงาม ถ้าน้องๆ คนไหนอยากจะปรึกษาก็โพสต์เข้ามาที่เฟซสบุ๊กฟ้านะคะ เดี๋ยวจะไปตอบให้ แล้วเวทีนี้รวมผู้หญิงที่มีความสามารถและมีวิสัยทัศน์ที่ดี อยากให้ก้าวออกมานำเสนอตัวเองในด้านที่ดีค่ะ” ส่วนกรณีนักร้องหนุ่มหน้าใหม่ ”เนส” ณัฏฐ์สันต์ธิษณ์ กิตติกวางทอง แห่งวง KAOSEN ออกมาเปิดใจยอมรับว่าเป็นเพื่อนชายที่สนิทที่สุดของสาวฟ้า โดยรู้จักกันมาเกือบ 1 ปีจากการที่เคยได้ร่วมงานเพลงด้วยกัน โดยน้องฟ้ารับยังงงกับข่าวนี้ แต่ยอมรับว่ารู้จักกันจริงแต่ไม่ใช่แฟน ”กับ เนสก็เป็นเพื่อนกัน รู้จักกันมาไม่ถึงปี ไม่ได้คบกันเป็นแฟน ก็ตกใจเหมือนกันอยู่ดีๆ เป็นข่าวกับเนสได้ไง อาจจะเป็นแค่กระแส ส่วนตัวก็พูดคุยกันถูกคอ เพราะชอบดนตรีเหมือนกัน จริงๆ เราไม่ได้ร่วมงานเพลงกัน คือเพื่อนของเนสเค้าอัดเพลงกันเล่นๆ เป็นงานอดิเรก แล้วหนูก็ไปช่วยร้องคอรัสให้เพื่อนเค้า ก็เลยได้รู้จักกัน กับเรื่องนี้ก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะมันเป็นกระแส ยืนยันว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ โอกาสพัฒนาคงน้อยค่ะ เพราะงานยุ่งกันทั้งคู่”
ที่มา : สยามดารา