ความฝันของคนมีครอบครัว คือการได้มีบ้านสักหลังหนึ่งให้ลูกๆของตัวเองได้วิ่งเล่น และมีพื้นที่ใช้สอยในงบประมาณที่จำกัด ซึ่งก็เหมือนกับ ชายหนึ่งกับหญิงเดียว ในกระทู้เว็บไซต์พันทิพย์ที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของเขาก่อนที่เจ้าตัวน้อยจะออกมาลืมตาดูโลก
ผมว่าทุกคนเคยมีความฝันนะ ผมก็เป็นหนึ่งคนในนั้น การอยู่ห้องเช่ามาตลอดตั้งแต่จำความได้จนถึงวัยทำงานเป็นเวลาเกินกว่า 20 ปี เป็นแรงผลักดันชั้นดีให้เกิดความฝันในใจว่าอยากมีบ้านสักหลังที่เป็นทั้งที่ อยู่อาศัย ที่ทำงาน มีพื้นที่ให้ได้เดินเล่น วิ่งเล่น อยู่กับครอบครัวที่รัก แค่คิดก็สุขใจแล้วในตอนนั้น
ความฝันผมเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นหลังจากแต่งงานมีครอบครัวและทำธุรกิจ ส่วนตัวได้ระยะหนึ่ง ในตอนที่เราไปเจอที่แปลงนึงขนาดประมาณร้อยตารางวา ราคาไม่แพงมาก โชคดีที่คู่ชีวิตของผมเธอก็มีความฝันคล้ายๆกัน และเมื่อคิดอย่างรอบคอบพร้อมทั้งปรึกษากับธนาคารแล้วเราจึงตัดสินใจเริ่มต้น สร้างความฝันของเราให้เป็นจริง
เนื่องจากงบประมาณเรามีจำกัด เราจึงพยายามช่วยกันออกแบบบ้านหลังนี้ให้มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่าที่สุดและ พยายามให้เหลือพื้นที่ว่างไว้ให้มากที่สุดเช่นกัน เมื่อได้แบบในใจแล้วก็ร่างไว้คร่าวๆพร้อมกับไปปรึกษาเพื่อนที่เป็นสถาปนิก และวิศวกรโยธาให้ช่วยเขียนแบบให้เพื่อให้บ้านหลังนี้ใช้งบประมาณถูกที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ในรูปแบบที่เราต้องการ และเพื่อนำไปขออนุญาตก่อสร้างที่เขต พอเขตอนุมัติแล้วก็ลุยเลยครับ
เราว่าจ้างผู้รับเหมาที่รู้จักกันให้มาช่วยทำโครงการนี้ครับ เนื่องจากเค้าเสนอราคามาไม่สูงมากนักอยู่ในงบที่เราคำนวณไว้ โดยเราจะเป็นคนซื้อของเองเกือบทั้งหมดให้เค้าเหมาแต่ค่าแรงมา บ้านมีสองชั้นเป็นรูปตัว L พื้นที่ใช้สอยประมาณ 200 ตารางเมตร กับระยะเวลาก่อสร้างที่เค้าแจ้งมาประมาณ 6 เดือนครับ
หลังจากผ่านมา 3 เดือนนับตั้งแต่วันเริ่มก่อสร้างซึ่งเป็นเวลาครึ่งนึงขอระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ แต่งานยังไปได้ประมาณ 20%-30% ของงานทั้งหมด ยังไม่นับรวมงานที่ต้องแก้ไขเนื่องจากทำผิดแบบบ้าง เกินแบบบ้าง ไม่เรียบร้อยบ้าง ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอด และเงินที่เบิกไปแล้วเกือบครึ่งนึงจากที่ตกลงกันไว้ ผมกับแฟนเลยใช้เวลาในช่วงปีใหม่ทบทวนและตัดสินใจบอกเลิกสัญญากับเค้าและใช้ เวลากว่าสองเดือนในการให้ผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาทำ
ถึงตรงนี้ที่ผมเขียนมาให้อ่านเพื่อเป็นข้อเตือนใจให้กับเพื่อนๆที่กำลังจะ สร้างหรือกำลังสร้างบ้านอยู่ ผมไม่โทษใครนะครับก็โทษตัวเองที่อาจจะไม่รัดกุมมากพอ ประสบการณ์ครั้งนี้ก็เป็นบทเรียนสำคัญเลยครับ เพราะไม่ได้เสียไปแค่เวลา ยังเสียทั้งเงิน ทั้งสุขภาพจิต เพราะความเครียดจากปัญหาต่างๆและงบทีบานขึ้นแน่นอนอีกไม่รู้เท่าไหร่
ผมตอบไม่ได้จริงๆว่าถ้าวันนั้นไม่มีเค้าสองคนนี้บ้านหลังนี้จะเสร็จรึเปล่า ชิวิตต่อจากนี้มันอาจจะยากขึ้น หนักขึ้น เหนื่อยมากขึ้น แต่ผมเชื่อว่าผมจะมีความสุขขึ้นแน่นอนครับ มันคงไม่ผิดใช่มั้ยครับถ้าผมจะบอกว่าบ้านหลังนี้เป็น “บ้านที่สร้างจากความรัก” ซึ่งเราก็ตั้งชื่อที่นี่ด้วยกันว่า “LOVE A LOT Land ดินแดนแห่งความรัก” ครับ ^^