มะเร็งหลังโพรงจมูกและช่องปาก ความร้ายแรงของมันสามารถคร่าชีวิตของมนุษย์ไปได้มากกว่าการเสียชีวิตจากสงครามเสียอีก ที่แย่ไปกว่านั้นคือ จำนวนผู้เป็นโรคก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัญหาสำคัญที่แพทย์พบอยู่บ่อยครั้ง
นั่นก็เป็นเพราะว่าการปล่อยปละละเลยของตัวเราเองที่มักจะคิดว่า “ฉันยังไม่เป็นอะไร” ปล่อยผ่านไปโดยไม่ยอมเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ จนก้อนเนื้อเหล่านั้น ค่อยๆ เป็นบ่อนทำลายอวัยวะมากขึ้นทุกๆ วัน กว่าจะเข้ารับการรักษาอีกที ระยะการเกิดโรคก็เพิ่มมากขึ้นเยอะแล้ว ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพลดลง อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
โรคมะเร็งหลังโพรงจมูก โดยมากมักจะเป็นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ที่สำคัญคือ โรคนี้จะไม่มีอาการเตือนในระยะต้นๆ ผู้ป่วยหลายคนจึงมักจะมาพบแพทย์เมื่ออาการเป็นมากแล้ว และปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก ก็คือ 4 ข้อดังต่อไปนี้ค่ะ
เราจะเช็คอาการของโรคได้อย่างไร ?
ลองสังเกตดูว่าเรามีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่ เช่น มีอาการคัดจมูก เนื่องจากก้อนมะเร็งอุดรูจมูกหายใจด้านหลัง มีเสมหะปนเลือด หูอื้อ ฟังไม่ชัด เนื่องจากภาวะน้ำคั่งในหูชั้นกลาง หรือพบก้อนเนื้อในบริเวณคอ หน้าชา และมองเห็นภาพซ้อน แต่ก็อย่าเพิ่งวิตกกันไปค่ะ เราควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น นาน 2 สัปดาห์ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยโรคดูค่ะ
โรคมะเร็งในช่องปาก เราสามารถพบได้ในผู้หญิงและผู้ชายใกล้เคียงกัน แต่สาเหตุที่แท้จริงก็ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่าอาจจะมีความสัมพันธ์กับการติดเชิ้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งในช่องปาก
เราจะเช็คอาการของโรคได้อย่างไร ?
ลองเช็คดูว่าเรามีแผลในช่องปากเรื้อรัง คือ ระยะอาการนานเกิน 2 สัปดาห์หรือไม่ มีก้อนเนื้อในบริเวณช่องปากหรือไม่ เลือดออกจากแผลในช่องปาก มีอาการปวด พูดไม่ชัดหรือไม่ อาการของโรคที่กล่าวมาทั้งหมดมักจะเกิดกับคนที่มีอายุน้อย ซึ่งสามารถไปรับการตรวจวินิจฉัยกับแพทย์ได้ 2 แขนง คือ ทันตแพทย์ และแพทย์ด้านหู คอ โดยการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจนั่นเองค่ะ
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
หากใครที่เริ่มสงสัยว่าตัวเองกำลังจะเป็นโรคร้ายก็ควรไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ เปลี่ยนคำว่า ฉันยังไม่เป็นอะไร มาเป็นคำว่า ฉันกำลังจะเป็นอะไร ดีกว่าค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย Dodeden.com