วันนี้ ( 13 ธ.ค. ) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงการปรับขึ้นค่าแท็กซี่ว่าขณะนี้ได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วซึ่งจะมีผลในวันนี้ แต่ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถปรับขึ้นอัตราค่าแท็กซี่ได้จนกว่าจะมีการปรับจูนมิเตอร์ และการตรวจสอบคุณภาพรถตามหลักเกณฑ์ของกรมการขนส่งทางบก
โดยกรมขนส่งทางบกได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยมหานคร เป็นผู้ตรวจสอบระบบมิเตอร์ให้ตรงตามมาตรฐาน ซึ่ง เบื้องต้นมีมิเตอร์ต้นแบบ 17 รุ่น จาก 10 บริษัท คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถส่งมิเตอร์ต้นแบบให้มหาวิทยาลัยมหานครตรวจสอบและคาดว่าภายในเวลา 10 วัน รถแท็กซี่มิเตอร์คันแรกจะสามารถปรับราคาค่าโดยสารได้
และอีก 30วันถัดไปจะสามารถตรวจสอบคุณภาพรถและปรับจูนมิเตอร์รถแท็กซี่ที่จดทะเบียนทั้งระบบได้ทั้งหมดที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1 แสนคัน ซึ่งแท็กซี่ที่ผ่านการตรวจสอบจะได้รับสติ๊กเกอร์สีฟ้า เพื่อแสดงว่าผ่านการตรวจสอบแล้ว
ทั้งนี้การปรับค่าโดยสารคาดว่าจะเพิ่มในอัตรา 1-20% ซึ่งจากการสำรวจ ในกิโลเมตรที่ 1-12 จะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารเฉลี่ยประมาณ 8% และเป็นช่วงระยะทางที่ผู้โดยสารจะนิยมขึ้นมากที่สุด
ส่วนช่วง 80 กิโลเมตรขึ้นไป อัตราค่าโดยสารจะปรับขึ้นประมาณ 20% เนื่องจากเกิดความไม่คุ้มค่าของการให้บริการ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาต่างจังหวัด ทำให้แท็กซี่ต้องวิ่งรถเปล่าในช่วงขากลับ
ส่วนความกังวลว่าผู้โดยสารจะขึ้นรถแท็กซี่แบบเก่าเนื่องจากราคาที่ถูกกว่า เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา เนื่องจากรถแท็กซี่ทุกคันที่ขึ้นทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกจะต้องเข้ามาตรวจคุณภาพรถให้เป็นมาตรฐานเดียวกันแต่ทางกรมการขนส่งทางบกได้เตรียมจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบการให้บริการเพิ่มขึ้น
และหากพบว่าผู้ให้บริการรถแท็กซี่ปฏิเสธการรับผู้โดยสารในครั้งแรกและถูกร้องเรียน จะถูกปรับ 2,000 บาท และหากมีครั้งที่ 2 จะถูกพักใช้ใบขับขี่สาธารณะ 15 วัน และปรับ 2,000 บาท ส่วนในครั้งที่ 3 จะถูกเพิกถอนใบอนุญาิตขับขี่สาธารณะทันที
ด้านนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า อัตราค่าใช้บริการรถแท็กซี่ไม่ได้มีการปรับมาเป็นระยะเวลานานและการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้ก็เป็นไปตามกลไกตลาดแม้จะส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิื่มสูงขึ้น แต่ภาครัฐบาลได้ร่วมมือกับกระทรวงอื่นๆในการอกมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว
ที่มา tnews