จากกรณีที่ นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ก่อเหตุขโมยภาพที่ญี่ปุ่น ก่อนจะถูกปล่อยตัวกลับถึงไทยแล้ว ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการคนดังกล่าวมาช่วยงานที่สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ระหว่างรอผลสอบ ท่ามกลางความคาใจของประชาชนว่าคดีดังกล่าวจะมีการลงโทษที่สมเหตุสมผลหรือไม่
ขณะที่กระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ที่ถือเป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง คือกระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุก หรือโทษที่หนักกว่าจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหรือให้ลงโทษหนักกว่าจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ รวมทั้งการละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกิน 15 วัน และผู้บังคับบัญชาสืบสวนแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบทางราชการ
สำหรับกรณีของ นายสุภัฒ แม้จะถูกตำรวจญี่ปุ่นจับกุมตัวจากเหตุลักทรัพย์ แต่อัยการญี่ปุ่นไม่ได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาล และศาลยังไม่ตัดสิน จึงเข้าข่ายความผิดกระทำความผิดอย่างไม่ร้ายแรง กรณีนี้ตามกฎในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 จะมีโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน โดยจะถูกสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ หรือตัดเงินเดือนครั้งหนึ่งไม่เกิน 5% เป็นเวลาไม่เกิน 3 เดือน หรือลดขั้นเงินเดือนครั้งหนึ่งไม่เกินหนึ่งขั้น