เรียบเรียงข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม
ภาพประกอบจาก anngle
หลายๆ ท่าน คงจะเคยเห็น ข้าวหน้าต่างๆ หรือที่มีชื่อเรียกตามร้านอาหารญี่ปุ่นว่า ด้ง ไม่ว่าจะเป็น ทงคัตสึด้งข้าวหน้าเทมปุระ หรือที่ทำให้ท้องร้องจนอดใจไม่ไหวเลย ก็คือข้าวหน้าปลาดิบด้วยใช่ไหมละคะ
แต่หากว่าใครเอาอะไรมาราดปลาดิบของเราให้เสียรสชาติ ก็น่าจะมีการไม่พอใจเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเลยใช่ไหมคะ แต่แฟนๆรู้หรือไม่ว่าอาหารญี่ปุ่นยังมี “ข้าวหน้าปลาดิบ ราดน้ำชา” แสนโอชะอยู่อีกด้วยนะคะ
ไคเซนด้ง หรือข้าวหน้าปลาดิบนั้น คงเป็นที่รู้จักดีสำหรับคนไทยนะคะ แต่เพื่อนๆรู้จักคำว่า โอชะทซึเกะ กันหรือเปล่าคะ ?
เพราะคำนี้มีความหมายว่า “การเอาน้ำชาใส่ลงไปในอาหารค่ะ” ซึ่งธรรมเนียมการใส่ชาลงไปในอาหารนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจาก บางครั้งเวลาชาวญี่ปุ่นทานข้าวหมดแล้ว
แต่ยังมีเศษข้าวเหลืออยู่ การที่จะเอาตะเกียบมาเขี่ยๆออกนั้น ก็จะกลายเป็นกิริยาที่ไม่งามได้ ดังนั้น เขาจึงได้คิดเอาน้ำชาราดลงไปในชามข้าวที่หมดแล้วเสียเลย และซดชาไปพร้อมๆกับข้าวที่เหลือเลยค่ะ
ต่อมาก็ได้มีคนลองใส่น้ำชาลงไปในอาหารเลย ก็เริ่มกลายเป็นธรรมเนียมการกินข้าวราดน้ำชาขึ้น เพราะ ข้าวราดน้ำชานั้นจะเป็นอาหารที่กินง่ายลักษณะเหมือนข้าวต้ม ก็ทำให้เปลี่ยนบรรยากาศการรับประทานอาหารไปอีกแบบค่ะ
แต่ การเอาน้ำชาราดลงไปบนซาชิมิแสนอร่อยที่ต้องการความสดใหม่นั้น ก็ยังอาจจะดูทำร้ายจิตใจคนไทยบางคนอยู่ดี
คำว่า โอชะ แปลว่า “น้ำชา” แต่ก็ไม่ได้ถูกใช้กับน้ำชาเสมอไปนะคะ เพราะคำนี้ใน อาหารโอชะทซึเกะ ยังสามารถใช้น้ำซุปใสที่เตรียมไว้ทานคู่กับข้าวแทนก็ได้ค่ะ
ดังนั้นการทานอาหารสไตล์โอชะทซึเกะนั้น เราสามารถราดน้ำซุปชนิดต่างๆลงในข้าวโดยไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำชาก็ได้ค่ะ
โอชะทซึเกะจะมีหน้าหลากหลายให้เลือก อาทิ เช่น อุเมะชะทซึเกะ หรือ ข้าวต้มบ๊วย หรือ ซาเกะชะทซึเกะ ข้าวต้มปลาแซลมอน เป็นต้น
ซึ่งโดยมากจะใช้วัตถุดิบสดๆ ที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนอะไรมากเพราะเมื่ออาหารที่มีความสดใหม่มากๆ เมื่อได้ราดซุปลงไปก็จะทำให้เกิดรสสัมผัสแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร และยังทานง่าย ไม่ฝืดคออีกด้วยค่ะ
ใครได้ทานอาหารหนักๆมาแล้ว ก็ลองสั่งอาหารประเภทข้าวซุปโอชะทซึเกะดูนะคะ เพื่อให้มื้ออาหารของเราไม่ต้องหนักท้องจนเกินไปค่ะ