นับว่าเป็นแบลค ฟรายเดย์ ในวันศุกร์ที่ 13 ของกรุงปารีส ในฝรั่งเศส เมื่อเกิดเหตุก่อการร้ายทั่วเมือง ยังไม่ทันจะครบหนึ่งปีเหตุสะเทือนขวัญบุกโจมชาร์ลี เอบโด เราจะพาไปดูลำดับเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่สร้างความสูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ยังไม่ทันจะครบหนึ่งปีเหตุการณ์เลวร้าย ทำลายขวัญและกำลังใจของชาวฝรั่งเศสจากเหตุการณ์บุกโจมตีนิตยสาร ชาร์ลี เอบโดที่ทำให้บรรณาธิการ คอลัมนิสต์ และตำรวจ เสียชีวิตจำนวนมาก หลังจากแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาอิสลาม ล่าสุดเมื่อช่วงเมื่อช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 13 เกิดเหตุไม่คาดฝัน ก่อการร้ายโจมตี 6 จุด ทั่วกรุงปารีสของฝรั่งเศส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 150 ราย นับว่าเป็นเหตุรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างช่วงครึ่งแรกของการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรระหว่างทีมชาติฝรั่งเศสกับทีมชาติเยอรมนี ที่สนามกีฬาสตาด เดอ ฟรองซ์ ในกรุงปารีส โดยมีเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้งตามด้วยเสียงปืน ด้านนอกของสนามกีฬา ทำให้เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งเข้าร่วมชมการแข่งขันออกจากสนามทันทีเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การแข่งขันก็ดำเนินไปจนจบ ด้วยชัยชนะของฝรั่งเศส แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงเลือกที่จะอยู่ในสนาม เนื่องจากหวั่นเกรงอันตรายจากสถานการณ์ด้านนอกที่ไม่แน่นอน
กระทั่งต่อมาก็เกิดเหตุกราดยิงและระเบิดร้านอาหาร 3 แห่ง ใจกลางกรุงปารีส รวมไปถึงจู่โจมศูนย์การค้าในบริเวณใกล้เคียงอีกแห่ง ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารหลายร้อยนาย ร่วมกันปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือตัวประกันราว 100 คน ภายในฮอลคอนเสิร์ต บาตาคล็อง ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว ด้านทางการฝรั่งเศสสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงทั่วประเทศ และสั่งปิดจุดผ่านแดน รวมถึงสถานที่ราชการทุกแห่งอย่างไม่มีกำหนดแล้ว
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่เกิดเหตุระเบิดใหญ่ย่านมุสลิมชีอะห์ในเลบานอน และเหตุเครื่องบินรัสเซียตกในแถบคาบสมุทรไซนาย ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงไอเอส หรือดาอิช ล้วนอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ซึ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเหตุก่อการร้ายกลางกรุงปารีสครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงกองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่า ได้สังหาร “ญิฮาด จอห์น” มือสังหารฆ่าตัดคอคนสำคัญของกลุ่มไอเอสเสียชีวิต