เนื้อหาโดย Dodeden.com

apexprofoundbeauty

เมื่อพูดถึงเรื่องของการปลูกผม หลายคนก็มักจะนึกถึงการปลูกผมด้วยสเปรย์ โลชั่น ยาพ่น ครีมบำรุง ครีมหมักผม หรือแม้กระทั่งครีมนวดผม ซึ่งวิธีดังกล่าวนั้นเป็นที่นิยมมาก แต่ก็ยังไม่มีรายงานที่แน่ชัดว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ แต่มีวิธีที่เห็นผลแน่นอนก็คือการปลูกผมแบบศัลยกรรม ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดี และแน่นอนว่าคุณจะไม่ต้องมีคำว่า “เสียดายเงิน” อยู่ในหัวเลย

เดี๋ยวนี้ทั้งหนุ่มๆ สาวๆ ก็หันมาให้ความใส่ฝจกับเรื่องเส้นผมมากยิ่งขึ้น ในรายที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางเนื่องจากการใช้ชีวิตหรือจากกรรมพันธุ์ ก็สรรหาวิธีแก้ปัญหามากมาย ทั้งการทายา กินยา แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลนัก จนมาถึงการปลูกผมด้วยการศัลยกรรมซึ่งดูจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยผลตอบรับที่ค่อนข้างดีจากคนไช้ ซึ่งสามารถช่วยให้เส้นผมหนาขึ้นได้จริงๆ ซึ่งผู้ที่จะทำได้นั้น ต้องมีผมที่ท้ายทอยหรือเหนือกกหูเป็นเส้นผมขนาดใหญ่และปริมาณความหนาแน่นมากพอ

ขอบคุณภาพจาก ปลูกผมที่มาสเตอร์พีซคลินิก http://www.dodeden.com/forum/threads/7926/

คุณหมอเค้าปลูกผมให้เรายังไงนะ?
ในการศัลยกรรมปลูกผมนั้น เริ่มแรกคุณหมอจะเริ่มตรวจสภาพเส้นผมบริเวณที่ต้องการก่อน (ท้ายทอยหรือกกหู) เมื่อเส้นผมบริเวณนั้นได้มาตรฐานเเล้ว ก็จะทำการย้ายเส้นผมจากบริเวณที่มาร์คไว้ มาสู่บริเวณที่ต้องการ ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง

ต้องดมยาสลบหรือไม่?
ไม่ค่ะ การศัลยกรรมปลูกผมนั้นใช้เพียงการฉีดยาชาเฉพาะที่เท่านั้น เพราะฉะนั้น ในระหว่างทำการปลูกผม คุณก็จะรู้สึกตัวตลอดเวลาแต่ไม่เจ็บ เพราะมีฤทธิ์ยาชาอยู่ แต่ถ้ามีความกังวลมากในขณะนั้น คุณหมอก็อาจจะให้กินยากล่อมประสาทแบบอ่อนๆ เพื่อไม่ให้คุณเกิดความกลัว

หลังจากที่ปลูกผมเสร็จเเล้ว จะเห็นผลดีที่สุดในตอนไหน?
หลังจากที่ทำการศัลยกรรมปลูกผมเเล้ว เส้นผมก็จะค่อยๆ เริ่มยาวขึ้น แข็งแรงขึ้น ไม่เป็นเส้นเล็กๆ บางๆ หรอมแหรมอีกต่อไป เพราะเส้นผมบริเวณท้ายทอยหรือกกหูนั้นจะไม่ถูกทำลายด้วยอิทธิพลของฮอร์โมน DHT (ตัวการที่ทำให้ผมร่วงจากกรรมพันธุ์) จะเห็นผลชัดเจนในเดือนที่ 3 เป็นต้นไป 

ใครที่กำลังมีแพลนว่าอยากทำการศัลยกรรมปลูกผม ก็ลองอ่านรีวิวจากหลายๆ ที่ ศึกษาถึงข้อดีข้อเสียของการปลูกผมก่อนว่าจะมีเอฟเฟคอะไรเกิดขึ้นบ้าง ปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับคำแนะนำอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้น การศัลยกรรมประเภทนี้ ถ้าจะให้ได้ผลดี นอกจากจะอยู่ที่ตัวคุณเเล้ว ยังขึ้นอยู่กับความสามารถและประสบการณ์ของแพทย์ที่ดูแลคุณด้วยค่ะ

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ