นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภาแห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ เตือนคนที่อยากทำศัลยกรรม ตา จมูก และหน้าอก ว่าการตัดสินใจเรื่องราคา จะเลือกแบบถูกหรือแพงก็ได้ ขึ้นอยู่กับทักษะของหมอเก่ง หรืออาจจะมีการใช้โฆษณาเกินจริง แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้วก็ดีกว่าหมอที่มือไม่ถึง ซึ่งต้องนำหลายๆ เหตุผลมาประกอบกัน สำหรับแพทย์ที่มีชื่อเสียง ตลอดจนผลงานมีฝีมือที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์จะมีราคาสูง บางครั้งหากมีโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองเก่งและดัง ราคาก็แพงตามมา
ทั้งนี้ ค่าทำจมูกจะมีช่วงราคาเริ่มต้นกันที่หลักพันจนถึงหลักแสน ซึ่งคุ้มค่าสมเหตุสมผลมาจากทักษะฝีมือล้วนๆ ไม่ได้ขึ้นกับวัสดุแต่คือราคาของทักษะฝีมือเท่านั้น
ค่าทำตา ในช่วงราคา 3-5 หมื่นบาท
ค่าทำหน้าอกเริ่มตั้งแต่ระดับ 5 หมื่นบาทจนถึงหลักแสน สูงสุดประมาณ 1.5 แสนบาท แล้วแต่วัสดุที่นำมาใช้ และสถานที่หากเป็นโรงพยาบาลใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ราคาค่าผ่าตัดแปลงเพศใช้เงินหลักแสนบาทเป็นต้นไป
ส่วนการดูดไขมัน การตั้งราคาของแต่ละแห่งไม่เท่ากัน
ขณะเดียวกันก่อนที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรมนั้นจะต้องคิดถึงหลักการ 5 ข้อเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากการทำศัลยกรรมความงาม ประกอบด้วย
1.อย่าเชื่อคนง่าย เพราะธรรมชาติของคนไทยเชื่อคนง่าย บางครั้งเพียงแค่ไปส่งเพื่อน หรือเป็นกำลังใจเพื่อนที่ต้องผ่าตัด เมื่อทำเสร็จแล้วปรากฏว่า ตัวเองเข้าด้วย ยังไม่ได้มีการศึกษาหาข้อมูลให้ตัวเอง พอถูกชักชวนก็เข้า โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก หรือเว็บไซต์ มีการโหมโฆษณาโน้มน้าวให้เชื่ออย่างมาก
2.ปรึกษาคลินิกหลายๆ แห่ง ไม่ใช่หาข้อมูลที่เดียวแล้วตัดสินใจเลย ไปหาหมออย่างน้อยอีกสัก 2-3 คน ฟังแล้วดูว่าเข้าท่าตอบคำถามเราได้ โดยตั้งคำถามว่าทำแล้วจะเป็นอย่างไร ให้ถามวิธีการที่จะทำ จมูก ตา ดูดไขมัน ร้อยไหม ใช้ไหมอะไร ของประเทศอะไร ผ่าน อย. หรือเครื่องมือเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ต้องกลัวจะโดนว่า เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องรู้ต้องถามเพื่อน หรือคนไข้ที่ทำมาแล้วว่าที่นี่เป็นอย่างไร
3.ดูประวัติแพทย์ จบมาทางด้านไหน ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ อันนี้สำคัญมาก เพราะการที่จะตัดสินว่าหมอเก่งหรือไม่เก่งอยู่ที่ชั่วโมงบินของการผ่าตัดศัลยกรรมมาเยอะด้วย เป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้ามีประสบการณ์มาเยอะแล้ว ส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะดีไม่มีปัญหา
4.ให้ดูเรื่องราคาและความคุ้มค่า ให้ทำเท่าที่จำเป็น อย่าไปทำเพราะเสพติดศัลยกรรม
5.ความรับผิดชอบ เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ก็ต้องตกลงกันเรื่องหลังผ่าตัด เป็นอย่างไร รับผิดชอบอย่างไร ถ้ามีปัญหาต้องแก้ไขให้ ต้องส่งไปไหนและตามไปรับผิดชอบด้วยนั้นจะเหมาะสมที่สุด ระยะเวลาคุณภาพการรับประกันเป็นอย่างไรบ้าง สมมติการทำตา 1-2 ปีต้องไม่เบี้ยวไปที่จมูก เพราะว่าจริงๆ แล้ว 3 เดือนต้องนิ่งแล้ว ไม่เคลื่อนไปไหนแล้ว 1 ปีจะไม่เบี้ยว แต่ถ้าไปทำอะไรมาเช่นอุบัติเหตุโดนชก ถ้ามีเหตุอย่างนี้จะหลุดจากการประกัน
ดังนั้นใครก็ตามที่ต้องการทำศัลยกรรมตกแต่งและความงามหากยึดหลักการ 5 ข้อตามที่เลขาธิการแพทยสภาแนะนำก็คงปลอดภัยได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าในทางการแพทย์แล้ว “การผ่าตัดไม่มีอะไรที่ปลอดภัย 100% และคนไข้ทุกๆ คนมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเสี่ยงจากการติดเชื้อ เสี่ยงจากเสียเลือดมาก หรือเสี่ยงจากการดมยา เป็นต้น
ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์