ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง มีความสำคัญอย่างไร กับการทำศัลยกรรม? เพราะเรามักจะได้ยินคำแนะนำว่า สถานพยาบาลหรือแพทย์คนนั้นๆ ต้องน่าเชื่อถือ ซึ่งดูแล้ว ก็เป็นคำกว้างๆ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า ที่ว่าน่าเชื่อถือนั้น ต้องเป็นอย่างไรกันแน่ มาหาคำตอบกันค่ะ
การเลือกศัลยแพทย์หรือแพทย์ผู้ผ่าตัดที่น่าเชื่อถือก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คุณตัดสินใจทำศัลยกรรมง่ายขึ้น หากลองนำรายชื่อแพทย์ที่เราจะทำการศัลยกรรมด้วย ไปเช็คในเว็บไซต์ www.plasticsurgery.or.th เราก็จะเห็นได้ว่า ศัลยแพทย์ที่มีรายชื่อในเว็บไซต์นี้ ได้รับการรับรองจากทางสมาคมฯว่า เป็นผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมตามมาตรฐาน จนผ่านการสอบและได้รับวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญทางด้านศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างจากแพทยสภา และอาจมีคุณสมบัติเหมาะสมและเป็นสมาชิกของสมาคมวิชาชีพอื่นๆในสาขาเดียวกันในระดับสากลได้ อาทิเช่น
ปัจจัย 4 ประการ ที่ต้องคำนึงถึงก่อนที่จะรับบริการศัลยกรรมเสริมความงาม
เพื่อลดความเสี่ยงในการผิดพลาด
ประกอบด้วย ตัวผู้รับบริการ แพทย์ หัตถการ
หรือประเภทของการทำศัลยกรรม และสถานประกอบการค่ะ
แม้ปัจจุบัน ผู้ที่จะเข้ารับการทำศัลยกรรมจะมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ แต่ในทางการแพทย์และทางกฎหมาย ผู้ที่จะเข้ารับการศัลยกรรมควรจะมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว สามารถตัดสินใจ และทำนิติกรรมด้วยตัวเองได้ แต่สำหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ควรได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก่อน นอกจากนี้ ผู้รับบริการควรมีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว หรือหากมีโรคประจำตัว ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และหากศัลยแพทย์ประเมินแล้วว่าไม่มีผลต่อการทำศัลยกรรม ก็สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับอาการผิดปกติบางอย่าง ซึ่งเป็นข้อห้ามทางศัลยกรรม เช่นเป็นโรคเลือดออกง่ายหรือเลือดหยุดไหลยาก แพทย์จะต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าควรทำศัลยกรรมหรือไม่ อีกทั้งผู้เข้ารับบริการจะต้องมีสติสัมปชัญญะดี ไม่มีโรคทางจิตเวช มีความพร้อมทางจิตใจที่สมเหตุสมผล และมีความคาดหวังจากศัลยกรรมตามความเป็นจริง
แพทย์ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม ดังนั้น ผู้ที่จะให้บริการด้านศัลยกรรมจึงควรเป็นแพทย์หรือศัลยแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันที่ทางราชการรับรองจริง อย่างไรก็ตาม ศัลยแพทย์ตกแต่งในประเทศไทยกลับมีอยู่ราว 300 คนเท่านั้น ทว่า พรบ. การประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ให้สิทธิแพทย์ที่ได้รับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม สามารถทำการรักษาและทำหัตถการได้ทุกประเภท ทำให้แพทย์จบใหม่ที่ยังไม่ได้เรียนเฉพาะทาง ก็สามารถให้บริการทำศัลยกรรมเสริมความงามได้ ตราบใดที่ไม่ได้โฆษณาว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง ประกอบกับความสะดวกสบายในการดูแลผู้ป่วย ที่ไม่ใช่ผู้ป่วยฉุกเฉิน มีระบบนัดหมายแน่ชัด และยังเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน ก็ทำให้แพทย์ทั่วไปเลือกที่จะเดินในเส้นทางสายนี้เป็นจำนวนมาก
แม้ว่า พรบ.การประกอบวิชาชีพเวชกรรมจะเอื้อให้มีจำนวนแพทย์มากขึ้น แต่การให้สิทธิตาม พรบ. นี้ กลับมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยแพทย์ทั่วไปกับแพทย์ที่จบหลักสูตรเฉพาะทางด้านการศัลยกรรมมีความแตกต่างกัน ในแง่ของความรู้พื้นฐานด้านการศัลยกรรม และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ
และจากความนิยมในการศัลยกรรมความงาม ก็ทำให้ธุรกิจด้านนี้ กลายเป็นเค้กก้อนโตที่ใครๆ ก็อยากมาแบ่งผลประโยชน์อันมหาศาล ตัวละครอีกกลุ่มที่เข้ามาจับจองชิ้นเค้กก็คือ คนดังและนักธุรกิจ ที่ไม่ได้มีความรู้ด้านการแพทย์ แต่มีเงินทุนมากพอที่จะเปิดคลินิกเสริมความงาม และเน้นการบริหารงานเชิงธุรกิจมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อผู้รับบริการอย่างมาก
การที่เจ้าของไม่ได้เป็นแพทย์ เขาก็จะมองการบริหารและนโยบายที่เป็นธุรกิจเพียงอย่างเดียว คือจะทำอย่างไรก็ได้ที่ให้กำไรมากที่สุด ก็คือจ้างบุคลากรถูกๆ อุปกรณ์ถูกๆ แล้วเก็บเงินแพงๆ ให้การตลาดเป็นตัวนำ ทำให้การแข่งขันในตลาดมีสูง และก็จะมีปัญหาต่างๆ ตามมา พอมีคลินิกลักษณะนี้เกิดขึ้นมากขึ้น แพทย์เฉพาะทางจริงๆ ก็ไม่พอ ก็จะมีแพทย์ที่ไม่ได้จบเฉพาะทาง หรือแพทย์ที่ยังเด็กอยู่ ไปอบรมคอร์สสั้นๆ แต่ที่จริง ในรายละเอียดของแพทย์เฉพาะทางมันมีข้อมูลมากมายมหาศาล ซึ่งเขายังไม่ได้เรียน ก็จะทำให้ผิดพลาดเยอะ บางคลินิกก็ทำการตลาดดีมาก คนไข้นั่งรอล้นเลย ก็ต้องรีบๆ ผ่า โดยที่ดูผลประโยชน์เป็นสำคัญ ไม่ได้มีการคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้ ทำให้ความเมตตา ความเอื้ออาทรมันน้อยลงไป
หัตถการคือ การตรวจวินิจฉัยความปกติและความผิดปกติ รวมไปถึงวิธีการต่างๆ ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ซึ่งต้องทำโดยผู้ที่ผ่านการเรียนรู้และฝึกอบรม สำหรับการทำศัลยกรรมเสริมความงาม ผู้ที่เข้ารับบริการต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นว่าหัตถการประเภทนั้นๆ เหมาะสมกับร่างกายอย่างไร รวมทั้งต้องพูดคุยในรายละเอียดกับศัลยแพทย์ ทั้งความเหมาะสมกับร่างกาย ข้อจำกัด ภาวะแทรกซ้อน และทางเลือกอื่นๆ ในกรณีที่ไม่สามารถทำหัตถการนั้นๆ ได้ ซึ่งศัลยแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและรักษาจริยธรรมในวิชาชีพจริงๆ จะสามารถให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาแก่ผู้รับบริการ
สำหรับสถานประกอบการในการทำศัลยกรรม นพ. สงวนแนะนำว่าควรเป็นโรงพยาบาลหรือคลินิก ซึ่งหากเป็นคลินิกทั่วไป จะสามารถทำหัตถการที่ไม่ต้องให้ยาสลบ และไม่ต้องให้ผู้ป่วยค้างคืน หรือหากเป็นคลินิกขนาดใหญ่ที่มีห้องผ่าตัด อุปกรณ์ และบุคลากรพร้อม แต่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงพยาบาล ก็คงจะต้องขออนุญาตจากส่วนราชการในการทำหัตถการที่ให้ยาสลบ และอนุญาตให้ผู้ป่วยค้างคืนได้ เป็นกรณีไป ซึ่งภายในสถานประกอบการจะต้องสะอาด ไฟสว่าง วัสดุอุปกรณ์ได้มาตรฐาน และมีการฆ่าเชื้อทำความสะอาดอย่างดี
………………………………………………………….
นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรม สามารถตรวจสอบชื่อของแพทย์ในสถานพยาบาลนั้นๆ ทางเว็บไซต์ของแพทยสภา และอย่าลืมศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วนก่อนทำศัลยกรรมกันนะคะ
เนื้อหาโดย Dodeden.com
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่