ที่มา: Springnews

หนูที่วิ่งพล่านอยู่เป็นร้อยตัวนี้อาจเป็นฝันร้ายสำหรับบางคน แต่สำหรับเกษตรกรชาวกัมพูชาแล้ว นี่คือแหล่งสร้างผลกำไรอย่างงาม เพราะเนื้อหนูถือเป็นอาหารที่คนเวียดนามนิยมกินกัน เกษตรกรรายนี้บอกว่า งานจับหนูมาขาย มันดีกว่าการปลูกข้าวเสียอีก ปลูกข้าวทำให้คุณได้เงินก้อนโตก็จริง แต่การจับหนูมาขายนั้นแม้จะได้เงินน้อยกว่า แต่มันสามารถจับแล้วขายได้ทุกวัน เท่ากับว่ามีเงินเข้ากระเป๋าทุกวัน เงินจำนวนน้อยแต่สามารถเลี้ยงดูลูกเมียได้สบาย 

55

เนื้อหนูในกัมพูชาขายดีมากในเวียดนาม โดยขายกันที่ราคา 1.50 ดอลลาร์ต่อกก. หรือตกโลละ 55 บาท ทั้งนี้ หนุ่มที่ล่าหนูมาขายเผยว่า ทันทีที่จับหนูได้ประมาณ 600 กก. จะเอาพวกมันไปขาย แต่ถ้าจับหนูได้แค่ 80 กก. จะขังพวกมันไว้ที่บ้านก่อน โดยหนูที่จับได้ในท้องไร่ท้องนายังเป็นหนูที่สะอาด เป็นแหล่งอาหารออร์แกนิคที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน

เกษตรกรรายหนึ่งเผยว่า ถ้าเป็นหนูในท้องไร่ท้องนา ขนจะไม่ค่อยร่วง ดูสะอาดมาก แต่ถ้าเป็นหนูในเมือง ขนจะร่วง มีพยาธิและกลิ่นเหม็น คนเวียดนามแค่ดูรู้แล้วว่า หนูที่จับมาเป็นแบบไหน พวกเขาจะไม่รับซื้อหนูที่จับมาจากในเมืองอย่างเด็ดขาด เวียดนามมักรับซื้อหนูจากกัมพูชา เพราะประเทศตัวเองไม่ค่อยมีหนูให้จับมากมายนัก พวกเขาบอกว่าเนื้อหนูเป็นอาหารที่ไม่มีสารเคมีเลยชักชวนให้คนอื่นๆ หันมากินกัน

ชาวกัมพูชาจะวางกับดักหนูอย่างง่ายๆ จากนั้นจะจับใส่กรงรวมกันแล้วส่งไปขายที่เวียดนาม ซึ่งระหว่างการเดินทางต้องหมั่นเอาน้ำราดไปที่กรงบ่อยๆ เพื่อให้หนูไม่ตาย ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวระหว่างการเดินทาง แม้กระทั่งคนกัมพูชาในกรุงพนมเปญเองก็นิยมกินเนื้อหนูเช่นกัน เพราะเป็นอาหารปลอดสารเคมี แต่อย่างไรเสีย เนื้อหนูยังเป็นเนื้อที่คนกัมพูชา และคนเวียดนามนิยมรับประทาน และยังเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรบางกลุ่มในกัมพูชาอีกด้วย

เรื่องน่าสนใจ